พระเมตตาที่ล้นเหลือของพระเจ้า
อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา ปี B |
ยรม 31:7-9 ฮบ 5: 1-6 มก 10: 46-52 |
บทนำ
คุณพ่อแอนโทนี เดอ เมลโล ได้เล่าเรื่องที่ช่วยเราให้ตรวจสอบความมืดบอดฝ่ายจิตใจของเราได้ ฤาษีตนหนึ่งถามลูกศิษย์ว่า “เมื่อใดที่บอกว่ากลางคืนสิ้นสุดแล้วและเป็นเวลาเช้า?”
ศิษย์คนแรกพูดว่า “ผมคิดว่าเป็นเวลาเช้าเมื่อผมแยกต้นโอ๊กจากต้นเมเปิลได้”
ฤาษีกล่าวว่า “ไม่ใช่” ศิษย์คนที่สองตอบว่า
“ผมรู้ว่าเป็นเวลาเช้าเมื่อผมแยกวัวกับแกะได้จากระยะไกล” ฤาษีไม่เห็นด้วย ศิษย์คนที่สามตอบว่า “เป็นเวลาเช้าเมื่อท้องฟ้าไร้เมฆและมองไม่เห็นดาวเลย”
“นั่นเป็นคำตอบที่ผิดเช่นกัน” ฤาษีกล่าว
จากนั้นเขาได้อธิบายว่า “ฉันรู้ว่าเป็นเวลาเช้าเมื่อฉันจำได้ว่า
บุคคลหนึ่งเป็นลูกของพระเจ้าและเป็นพี่น้องชายหญิงของฉัน”
พระวรสารวันนี้ ถือเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้าสู่กรุงเยรูซาเล็มผ่านเมืองเยริโค
เมืองที่มั่งคั่งและเป็นศูนย์กลางทางการค้า ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเยรูซาเล็ม 15 ไมล์ พระเยซูเจ้าได้รักษาคนตาบอดชื่อบารทิเมอัสผู้น่าสงสารที่ตาบอดและยากจน
ต้องดำรงชีพด้วยการขอทาน ความยากลำบากและความทุกข์ที่เขาเผชิญจึงหนักหนาสาหัส
แต่ความโชคร้ายเหล่านี้ได้รับการเยียวยารักษาจากพระเยซูเจ้า
นับเป็นอัศจรรย์สุดท้ายตามบันทึกของนักบุญมาระโก
1.
พระเมตตาที่ล้นเหลือของพระเจ้า
ความเชื่อทำให้บารทิเมอัสได้รับการรักษา
เขาเชื่อในพระเยซูเจ้าได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่ตามองไม่เห็น คนอื่นอาจได้เห็นอัศจรรย์ต่าง
ๆ ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ขณะที่บาร์ทิเมอัสมองไม่เห็นและไม่สะดวกที่จะเดินทางไปไหน
การนั่งขอทานริมถนนวันแล้ววันเล่า
คงทำให้เขาได้ยินเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่เบธไซดา (มก 8:23) เขาจึงตั้งตาคอยด้วยความหวังว่า
พระเยซูเจ้าจะเสด็จผ่านมาทางนี้บ้าง
บารทิเมอัสต้องการพบพระเยซูเจ้าเพื่อได้รับการรักษา
แต่ต้องพบอุปสรรคหลายอย่าง เนื่องจากเขามองไม่เห็น และไม่สามารถเดินทางตามหาพระองค์เหมือนคนทั่วไปได้
วันหนึ่งพระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองเยริโค เขาคงได้ยินคนพูดว่า พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จมา
เขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้จึงร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซู
โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” (มก
10:47) บางคนเห็นว่า เขาส่งเสียงรบกวนจึงสั่งให้หยุดพูด
แต่เขายิ่งร้องเสียงดังจนพระเยซูเจ้าได้ยินและเรียกเขา
บารทิเมอัสได้ทิ้งทุกสิ่งกระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้าและร้องขอการรักษา
พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว”
(มก 10:52) ทรงตอบแทนความเชื่อของเขาด้วยการรักษาเขาทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
เขาได้กลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ ได้เห็นผลงานน่าอัศจรรย์ที่ทรงกระทำ เห็นเหตุการณ์ต่าง
ๆ และฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าในสิ่งสร้าง ที่แสดงถึงธรรมล้ำลึกแห่งความรักของพระเจ้า ซึ่งช่วยเปิดตาใจและเพิ่มพูนความเชื่อของเขา
ทำให้เขาต้องการอยู่ใกล้ชิดองค์พระผู้ไถ่เพื่อขอบคุณ สรรเสริญ และรับใช้พระองค์
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก เราต้องสำนึกในพระเมตตาที่ล้นเหลือของพระเจ้า ตระหนักในพระทัยดีและพระเมตตาหาที่สุดมิได้ของพระเยซูเจ้า
ที่มีต่อคนทุกข์จนและลำบากเดือนร้อน ด้วยการมาหาพระองค์เช่นเดียวกับบารทิเมอัส อธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อและฟังเสียงของพระองค์อย่างตั้งใจที่ตรัสกับเราว่า
“เจ้าอยากให้เราทำอะไรให้เจ้า” ให้เราได้บอกพระองค์ถึงเจตนาและความต้องการของเรา
เพื่อพระองค์จะได้รักษาเราทั้งฝ่ายกายและจิตใจ
ประการที่สอง เราต้องให้พระเยซูเจ้ารักษาอาการบอดมืดฝ่ายจิตใจ เราแต่ละคนต่างบอดมืดฝ่ายจิตใจจากความโกรธ
ความเกลียดชัง อคติ ความอิจฉาริษยา และนิสัยไม่ดีต่าง ๆ ที่ปิดบังตาเราให้มองไม่เห็นความดีของเพื่อนมนุษย์และการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเขา
เราอาจบอดมืดต่อความยุติธรรมเมื่อเราปฏิเสธการจ่ายหนี้สินหรือค่าจ้าง หรือบอดมืดด้วยความโลภเมื่อเราไม่เคยพึงพอใจในสิ่งที่มีอยู่
บางครั้งถึงกับยอมเป็นหนี้เพื่อแลกกับสิ่งฟุ่มเฟือยต่าง ๆ
ประการที่สาม เราต้องเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า
ผู้ทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์
เราต้องเปิดตาและใจของเราเพื่อมองเห็นว่า มีแต่พระองค์เท่านั้นสามารถช่วยเราให้รอดได้
เราต้องเลียนแบบความเป็นศิษย์ของบารทิเมอัส 1) จดจำพระเยซูเจ้าในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด,
2) ยอมรับความจริงว่าต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์,
3) พร้อมตอบสนองการเรียกของพระองค์ และ 4) กลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าได้แสดงความเมตตากรุณาและความรักของพระบิดาเจ้าสวรรค์
ด้วยการรักษาชายตาบอดชื่อบารทิเมอัส ทรงเอาพระทัยใส่บารทิเมอัสที่เมืองเยริโค เช่นเดียวกับพระเจ้าที่ทรงเอาพระทัยใส่คนตาบอดและคนพิการในบทอ่านแรก
บารทิเมอัสได้แสดงความเชื่อของเขาด้วยการร้องหาพระองค์
ความเชื่อทำให้เขาได้รับการรักษาอาการบอดมืดฝ่ายกายและจิตใจ และกลายเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า
บ่อยครั้งเราได้กลายเป็นคนตาบอดขณะที่ตาดี เพราะมองไม่เห็นความดีของผู้อื่น
และการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเพื่อนพี่น้อง มองข้ามความจำเป็นและความเดือดร้อนของผู้อื่น
ศิษย์พระคริสต์ต้องสำนึกในพระเมตตาที่ล้นเหลือของพระเจ้า หมั่นมาหาพระเยซูเจ้าด้วยการอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อ
เพื่อให้พระองค์รักษาความบอดมืดฝ่ายจิตใจของเรา
ให้มองเห็นการประทับอยู่ของพระองค์ท่ามกลางเรา ดำเนินชีวิตเป็นเครื่องหมายแห่งความรักและพระทัยดีของพระองค์ในชีวิตประจำวัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
ID LINE : dondaniele
วัดนักบุญยอแซฟ
ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร
26 ตุลาคม 2024
ภาพ : พิธีเปิดเสกวัดใหม่, วัดนักบุญยอแซฟ หนองแสง-ดงอีบ่าง, สกลนคร; 2024-10-18
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น