พันธกิจแห่งการรับใช้
อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา ปี B |
อสย 53:10-11 ฮบ 4:14-16 มก 10:35-45 |
บทนำ
ในระหว่างการปฏิวัติของสหรัฐอเมริกา ชายคนหนึ่งในชุดพลเรือนได้ขี่ม้าผ่านกองทหารที่กำลังวุ่นอยู่กับการเข็นรถม้าขึ้นจากการติดหล่มลึก
ขณะที่หัวหน้าของพวกเขาเอาแต่ตะโกนสั่งการไม่ยอมช่วยเหลือ ชายแปลกหน้าซึ่งเห็นเหตุการณ์ได้ถามเจ้าหน้าที่คนนั้นว่า
ทำไมท่านไม่ยอมช่วยอะไรเลย เจ้าหน้าที่คนนั้นยึดอกและตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “แกรู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร
ข้าเป็นผู้กอง หัวหน้าของพวกมัน”
ชายแปลกหน้าได้ลงจากหลังม้าเดินไปช่วยทหารเหล่านั้นด้วยตนเอง
เมื่อเสร็จงานได้หันมาพูดกับเจ้าหน้าที่คนนั้นว่า “ท่านผู้กอง หากมีงานแบบนี้อีกและมีคนไม่พอ
ช่วยแจ้งผู้บัญชาการทหารสูงสุดด้วย ผมจะมาและช่วยงานท่านอีก”
ต่อมาภายหลังผู้กองขี้อวดคนนั้นได้รู้ว่า ชายคนที่ช่วยกองทหารเขาวันนั้นคือนายพลยอร์ช
วอชิงตัน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพสหรัฐอเมริกา
ยอร์ช วอชิงตัน เรียนรู้ทักษะการเป็นผู้นำเช่นนี้มาจากไหน
พระวาจาของพระเยซูเจ้าที่เราได้ยินในพระวรสารวันนี้คือคำตอบ “ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น
และผู้ที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในหมู่ท่าน ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ทุกคน”
(มก 10:43-44)
ผู้กองหนุ่มได้บทเรียนล้ำค่าจากผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเขา ส่วนศิษย์พระคริสต์ได้บทเรียนแห่งการรับใช้จากผู้เป็นอาจารย์
1.
พันธกิจแห่งการรับใช้
พระวรสารวันนี้สะท้อนความปรารถนาแรงกล้าที่มีอยู่ในจิตใจของมนุษย์คือ
การมีตำแหน่งแห่งอำนาจ พระเยซูเจ้าตรัสถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เป็นครั้งที่สาม
(มก 8:31, 9:31, 10:32) แต่ยากอบและยอห์นยังคิดว่า พระองค์จะเป็นผู้นำทางการเมือง พระเมสสิยาห์สำหรับชาวยิวต้องเป็นกษัตริย์ที่ประทับบนบัลลังก์ของดาวิด
เพื่อปกครองและรวมชาติอิสราเอลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเขาแน่ใจว่า การเดินทางสู่กรุงเยรูซาเล็มของพระองค์เพื่อโค่นล้มผู้ปกครองชาวโรมัน
ดังนั้นพวกเขาจึงหวังตำแหน่งซ้ายขวาในพระอาณาจักรของพระองค์
การกระทำของยากอบและยอห์นทำให้อัครสาวกที่เหลือโกรธเคือง
พระเยซูเจ้าทรงเรียกพวกเขามารวมกัน และสอนบทเรียนเกี่ยวกับการเป็นผู้นำในพระอาณาจักรของพระองค์คือ
การรับใช้ซึ่งกันและกัน ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับคำสอนและวิธีปฏิบัติของโลก
“ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น
และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในหมู่ท่าน ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ทุกคน”
(มก 10:43-44)
พระเยซูเจ้าตรัสถึงพันธกิจของพระองค์
“บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น
และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์” (มก 10:45) ทรงทำให้พันธกิจนี้สมบูรณ์ด้วยการรับทรมานและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
และทรงท้าทายบรรดาศิษย์ในการรับใช้และมอบชีวิตของตนเพื่อผู้อื่น ความยิ่งใหญ่สำหรับพระองค์ไม่ใช่อยู่ที่ตำแหน่ง แต่อยู่ที่การรับใช้ผู้อื่น
ตำแหน่งในพระอาณาจักรของพระองค์คือพันธกิจแห่งการรับใช้ด้วยความรัก
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก เราถูกท้าทายให้มอบชีวิตของเราในการรับใช้ด้วยความรัก
ปราศจากความเห็นแก่ตัว โดยเริ่มจากในบ้านและที่ทำงานของเราก่อน เราสามารถเรียนรู้การรับใช้นี้ด้วยรอยยิ้มและการทักทายที่อบอุ่น ประการสำคัญ
การรับใช้เป็นเครื่องหมายของการเป็นศิษย์แท้จริงของพระคริสตเจ้า “ชีวิตที่สมบูรณ์และมีความสุขกว่าคือการมีชีวิตเพื่อผู้อื่น”
(อัลเบิร์ต ชไวท์เซอร์)
ประการที่สอง เราต้องรับใช้ด้วยความอดทน
พระเยซูเจ้าได้เชื่อมโยงการรับใช้และความทุกข์ทรมานเข้าด้วยกัน
เราไม่สามารถรับใช้ใครสักคนโดยที่เราไม่รู้สึกลำบากอะไร ความทุกข์ทรมานและการรับใช้ต้องไปด้วยกัน
การรับใช้มีความหมายมากยิ่งขึ้นเมื่อเราได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระทรมานของพระเยซูเจ้า
ประการสำคัญ เราต้องไวต่อความทุกข์ยากเดือดร้อนของผู้อื่นที่อยู่รอบตัวเรา ใส่ใจความต้องการของพวกเขามากกว่าความต้องการของเรา
ประการที่สาม เราต้องรับใช้ทุกคนโดยไม่แบ่งแยก
พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องให้เรารับใช้ทุกคนโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนและต้องรับใช้โดยไม่คิดมูลค่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนยากจนและคนทุกข์ยากเดือดร้อนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา การรับใช้ทุกคนเช่นนี้เท่านั้นที่ทำให้เรายิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระเจ้า
ดังตัวอย่างนักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตาที่มอบตนเองเพื่อคนต่ำต้อยที่สุด
ปฏิบัติต่อพวกเขาดุจพี่น้อง ดำเนินชีวิตใกล้ชิดและเป็นเหมือนพวกเขา
บทสรุป
พี่น้องที่รัก มนุษย์ทุกคนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าอยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่
ขึ้นสู่ตำแหน่งแห่งอำนาจที่อยู่เหนือทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ศิษย์ของพระเยซูเจ้า
แต่พระเยซูเจ้าได้ให้บทเรียนสำคัญแก่บรรดาศิษย์และเราแต่ละคน เพื่อจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ต้องเป็นคนรับใช้
เพื่อจะเป็นที่หนึ่งต้องรับใช้ทุกคน พระองค์มิได้เสด็จมาเพื่อให้คนอื่นรับใช้
แต่เพื่อรับใช้ผู้อื่นและมอบชีวิตของพระองค์เป็นสินไถ่มนุษย์ทั้งมวล (ดู มก 10:45)
คริสตชนแต่ละคนต้องตอบรับการเรียกเพื่อรับใช้ด้วยความรักเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า
ในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย พระองค์ทรงมอบแบบอย่างแห่งการรับใช้ด้วยการล้างเท้าอัครสาวกทีละคน
และตรัสกับพวกเขาให้ทำเช่นเดียวกัน ศิษย์พระคริสต์ต้องถ่อมตัวเองลงรับใช้ผู้อื่น
ตำแหน่งมิใช่เกียรติยศสำหรับตนเอง แต่หมายถึงหน้าที่แห่งความรักและการรับใช้ เราต้องรับใช้มากกว่าตั้งตนเป็นนาย
เพราะชีวิตที่มีความสุขที่สุดคือชีวิตที่อุทิศตนรับใช้ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
ID LINE : dondaniele
วัดนักบุญยอแซฟ
ดอนทอย-หนองนุก, สกลนคร
19 ตุลาคม 2024
ภาพ : พิธีบูชาขอบพระคุณเปิดเสกวัด, ชุมชนวัดหนองแสง-ดงอี่บ่าง, สกลนคร; 2024/10/18
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น