วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ต้องไม่ปฏิเสธพระเจ้า

 

ต้องไม่ปฏิเสธพระเจ้า

พฤหัสบดี

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

อฟ 6:10-20

ลก 13:31-35

บทอ่านแรก นักบุญเปาโลได้บรรยายถึงชีวิตฝ่ายจิตและชีวิตคริสตชนว่าไม่เพียงเป็นการต่อสู้กับความเป็นจริงของโลกเท่านั้น แต่ยังต่อสู้กับอำนาจฝ่ายจิตที่แปลกแยกจากพระเจ้า เราไม่สามารถพึ่งความสามารถของตนเอง แต่ต้องอาศัยความช่วยเหลือและพลังอำนาจของพระเจ้า พระวาจาของพระเจ้าคือดาบแห่งพระจิตเจ้าที่ใช้ต่อสู้กับศัตรูของวิญญาณ เราต้องอธิษฐานภาวนาเพื่อกันและกัน

พระวรสารวันนี้ ชาวฟริสีบางคนได้เตือนพระเยซูเจ้าให้หนีไกลจากกษัตริย์เฮโรดที่ต้องการเอาชีวิตพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย ยังคงกระทำพันธกิจที่พระบิดาเจ้าทรงมอบหมายและส่งพระองค์มา ทรงเตือนพวกเขาถึงหายนะฝ่ายจิตจากความดื้อดึงปฏิเสธพระองค์ ทรงเรียกกษัตริย์เฮโรดว่า “สุนัขจิ้งจอก” เพราะความเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์และขี้ขลาดตาขาว สุนัขจิ้งจอกยังเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งไร้ค่าและชีวิตที่ไม่มีความหมาย

พระเยซูเจ้าทรงบอกชาวฟาริสีที่เตือนพระองค์ เกี่ยวกับพระประสงค์ของพระองค์ที่ทรงต้องการช่วยชาวเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงเสนอความรอด การปกปักรักษาและความเอื้ออาทรแก่พวกเขา  แต่พวกเขาปฏิเสธพระองค์อย่างไม่มีเยื่อใย “เยรูซาเล็มเอ๋ย เยรูซาเล็ม เจ้าฆ่าประกาศก เอาหินทุ่มผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาหาเจ้า กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เราต้องการรวบรวมบุตรของเจ้าเหมือนแม่ไก่รวบรวมลูกไว้ใต้ปีก แต่เจ้าไม่ต้องการ” (ลก 13:34)

บ่อยครั้งเราเองไม่ต่างจากชาวเยรูซาเล็ม ที่ปฏิเสธพระเจ้าและความช่วยเหลือจากพระองค์ เราปล่อยให้ตัวเองถูกครอบงำจากศัตรูร้ายกาจที่สุด ได้แก่ ความเกียจคร้าน ความยิ่งยโส การกลัวความลำบากฯลฯ พระเยซูเจ้าทรงแนะนำเราให้ตื่นเฝ้าด้วยการอธิษฐานภาวนาเพื่อต่อสู้กับการประจญ หากเราเดินในแสงสว่างของพระคริสตเจ้าและดำรงตนในความรักของพระองค์ เราจะปลอดภัยและความชั่วร้ายและไม่มีสิ่งใดที่ต้องหวาดกลัว

เพื่อเอาชนะปีศาจคริสตชนแต่ละคนต้องให้พระจิตเจ้าทรงนำ เราต้องอาศัยพระคุณของพระจิตเจ้าในการต่อสู้กับความชั่วร้ายของปีศาจ ไม่เจ้าเล่ห์อย่างเฮโรดและไม่ปฏิเสธพระเจ้าอย่างชาวเยรูซาเล็ม ศิษย์พระคริสต์ต้องไม่ปฏิเสธพระเจ้า ดำเนินชีวิตเป็นพยานและรับใช้แบบคริสตชน บนพื้นฐานแห่งความรักและการให้อภัยความผิดของกันและกัน หมั่นมาหาพระเยซูเจ้าในการอธิษฐานภาวนาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พระองค์เสริมกำลังเรา

คุณพ่อขวัญ  ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

30 ตุลาคม 2024

ภาพ : การรับศีลล้างบาป, ยอแซฟ จารุวัฒน์ จ้งจันศรี, ชุมชนวัดดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร; 2024-10-30

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2567

จงพยายามเข้าทางประตูแคบ

 

จงพยายามเข้าทางประตูแคบ

พุธ

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

อฟ 6: 1-9

ลก 13: 22-30

บทอ่านแรก นักบุญเปาโลพูดถึงความสัมพันธ์ภายในบ้าน ระหว่างบิดามารดากับบุตร และระหว่างทาสกับนาย บุตรต้องเคารพเชื่อฟังบิดามารดาในพระเจ้าเพื่อจะได้มีอายุยืนยาว ทาสต้องได้รับการปฏิบัติอย่างดีในฐานะพี่น้องในพระคริสตเจ้า และถือเป็นส่วนสำคัญของบ้าน ในแบบเดียวกัน ทาสต้องเชื่อฟังและรับใช้นายด้วยความเต็มใจ ประหนึ่งว่าเชื่อฟังและรับใช้พระคริสตเจ้า

เป้าหมายของชีวิตคริสตชนคือการอยู่กับพระเจ้า และเข้าในพระอาณาจักรสวรรค์ พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสเกี่ยวกับประตูแคบเพื่อตอบคำถามที่ว่า “มีคนน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้” (ลก 13:23) ผู้ที่พยายามเข้าทางประตูแคบจะได้ร่วมงานเลี้ยงนิรันดรกับพระบิดาเจ้า ในขณะที่ผู้ไม่ดำเนินชีวิตตามความเชื่ออยู่ข้างนอก ได้แก่ คริสตชนที่ใจเย็นเฉยที่รู้จักเจ้าของบ้านดี เคยกินดื่มด้วยกันและคิดว่าตนเองจะได้รับสิทธิพิเศษ แต่กลับถูกทิ้งไว้ข้างนอก การเป็นคริสตชนมิใช่หลักประกันของความรอดนิรันดร

ทุกวันนี้คริสตชนถูกท้าทายด้วยกระแสและค่านิยมของโลกหลายรูปแบบ โดยเฉพาะค่านิยมที่ว่า “คนอื่นก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น” เช่น คดโกง เอารัดเอาเปรียบ หรือประพฤติผิดศีลธรรมต่าง ๆ หากเราทำบ้างคงไม่เป็นไร เพราะคนส่วนใหญ่ก็ทำกัน เป็นการง่ายที่จะเข้าทางประตูกว้าง หรือทำอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำกัน แต่การเดินสวนกระแสย่อมยากกว่าเสมอ และนี่เป็นการเดินทางเข้าประตูสวรรค์ ซึ่งเป็นประตูแคบและยากลำบาก

พระเจ้าทรงประสงค์ให้มนุษย์ทุกคนได้รอด และอยู่กับพระองค์อย่างมีความสุขตลอดไป แม้ว่าประตูสวรรค์แคบ แต่เปิดอยู่เสมอ พระเจ้าทรงให้โอกาสทุกคนและให้อิสระที่จะเลือกหรือปฏิเสธ ความรอดไม่ได้ขึ้นกับพระเจ้า แต่ขึ้นอยู่กับเราและเป็นหน้าที่ของเรา ต้องทำส่วนของเราให้ดีที่สุดขณะที่ยังมีเวลาและชีวิตอยู่ หากเราซื่อสัตย์ต่อหน้าที่คริสตชนและดำเนินชีวิตตามแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า เราจะได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์อย่างแน่นอน

พระเจ้าทรงเชื้อเชิญทุกคนให้ได้รับความรอด แต่ไม่มีทางลัดสำหรับไปสวรรค์ การเป็นคริสตชนมิใช่หลักประกันของการเข้าสวรรค์ เราต้องดำเนินชีวิตเยี่ยงนักบุญเปาโล “ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดีแล้ว ข้าพเจ้าวิ่งมาถึงเส้นชัยแล้ว ข้าพเจ้ารักษาความเชื่อไว้แล้ว” (2 ทม 4:7) ศิษย์พระคริสต์ต้องเข้าทางประตูแคบ ดำเนินชีวิตในความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ท้อถอยในการทำความดีและการทำหน้าที่คริสตชน สละน้ำใจตนเอง อุทิศตนเพื่อผู้อื่น และทำหน้าที่ในแต่ละวันให้ดีที่สุด

คุณพ่อขวัญ  ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

29 ตุลาคม 2024

ภาพ : การแห่พระรูปแม่พระ, ชุมชนวัดดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร; 2024-10-29

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2567

พระศาสนจักรที่เติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง

 

พระศาสนจักรที่เติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง

อังคาร

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

อฟ 5:21-33

ลก 13:18-21

บทอ่านแรก นักบุญเปาโลได้พูดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างสามีกับภรรยา การแต่งงานเกิดขึ้นจากความเคารพซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้งของคู่สมรสที่มีต่ออีกฝ่าย แบบอย่างความรักที่สามีมีต่อภรรยาคือความรักที่พระเยซูเจ้าทรงมีต่อพระศาสนจักรผู้เป็นดังเจ้าสาว โดยยอมสละชีวิตเพื่อทำให้พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ สามีต้องรักภรรยาด้วยความเอาใจใส่เหมือนกับที่รักร่างกายตนเอง และภรรยาต้องเคารพยำเกรงสามี

เรามักเข้าใจผิดคิดว่า มีแต่สิ่งใหญ่โตตามแบบโลกเท่านั้นที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม หรือพระศาสนจักร อุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อแป้งได้สะท้อนว่า กิจการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น แต่กลายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในพระอาณาจักรของพระเจ้า การเติบโตของพระศาสนจักรเป็นเช่นนั้น เริ่มจากกลุ่มคนเพียงหยิบมือ และเป็นกลุ่มคนที่เป็นชาวประมงธรรมดาไม่ได้มีความรู้มาก แต่เป็นกลุ่มคนที่มีชีวิตและได้รับพลังพิเศษจากเบื้องบน

อุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อแป้ง เป็นภาพเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของพระอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นพระอาณาจักรที่มีชีวิตและเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง สะท้อนพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ แม้มองไม่เห็นแต่มีชีวิตและค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้น พระเยซูเจ้าทรงมั่นพระทัยในการเจริญเติบโตของพระอาณาจักรที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ จากเมล็ดมัสตาร์ดเล็ก ๆ กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ จากเชื้อแป้งเพียงเล็กน้อยได้ทำให้แป้งทั้งหมดฟูขึ้น

พระเยซูเจ้าทรงหว่านเมล็ดพันธุ์ ทรงตั้งพระศาสนจักรและมอบทุกอย่างไว้ในมือของบรรดาศิษย์ ทรงปล่อยให้การเจริญเติบโตเป็นงานของพระจิตเจ้า อุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อแป้ง เป็นรูปหมายถึงพระศาสนจักรที่ทรงตั้งขึ้นให้เป็นบ้านของคนทุกเชื้อชาติ ทุกคนได้เข้ามาในพระศาสนจักรเหมือนเข้าบ้าน ที่เราสามารถพบสันติสุขและความรักแห่งการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า ทรงคอยเราอยู่ในศีลมหาสนิทและศีลศักดิ์สิทธิ์

ความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ต้องเติบโตและเข้มแข็งขึ้นทุกวัน และแสดงออกให้เห็นในภาคปฏิบัติ ดังเชื้อแป้งที่คุกเคล้าจากภายนอก แต่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในและเติบโตอย่างมั่นคง ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตเป็นพระศาสนจักรที่มีชีวิตและเจริญเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง ในความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ ในการตอบรับต่อแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า ในการร่วมมือกับพระหรรษทานของพระเจ้าภายใต้การนำของพระจิตเจ้า

คุณพ่อขวัญ  ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

28 ตุลาคม 2024

ภาพ : สวดสายประคำและมิสซาที่โรงเรียน, ชุมชนวัดดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร; 2024-10-28

วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2567

สารวัดดอนทอย-หนองสนุก, ปีที่ 2 ฉบับที่ 174

สารวัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก

ปีที่ 2  ฉบับที่ 74  อาทิตย์ที่ 27  ตุลาคม 2024 (2567) :  http.//dondaniele.blogspot.com

เลขที่ 103 หมู่ที่ 6 ตำบลสามัคคีพัฒนา อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร 47170È086-231-3231

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา ปี B

พิธีเสกบ้านน้องไวน์ อทิตยา ชมภูจันทร์ ที่ศุภาลัย เลค ปาร์ค อุดรธานี ศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2024

พี่น้องที่รัก    พระวรสารวันนี้ได้อธิบายให้เราทราบว่า พระเยซูเจ้าทรงแสดงความเมตตากรุณาและความรักของพระบิดาเจ้าสวรรค์ ด้วยการรักษาชายตาบอดที่ชื่อบารทิเมอัสที่เมืองเยริโค และบารทิเมอัสได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของเขาด้วยการร้องหาพระองค์ ความเชื่อนี้ทำให้เขาได้รับการรักษาจากพระเยซูเจ้า ทั้งความบอดมืดฝ่ายร่างกายและจิตใจ

คริสตชนแต่ละคนต้องถามตนเองว่า เราได้กลายเป็นคนตาบอดขณะที่มีตาดีบ้างไหม หากเป็นเช่นนั้นเราต้องมาหาพระเยซูเจ้าผ่านทางการอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อ ให้พระองค์รักษาความบอดมืดในจิตใจของเรา เปิดตาและใจของเรา ให้สามารถมองเห็นความดีของผู้อื่นและการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเพื่อนมนุษย์ เป็นต้น คนยากจน คนต่ำต้อย และคนชายขอบของสังคม ดำเนินชีวิตเป็นเครื่องหมายของผู้มีความเชื่อและศิษย์แท้จริงของพระเยซูเจ้า

พิธีเสกบ้านน้องไวน์ อทิตยา ชมภูจันทร์ ที่ศุภาลัย เลค แอนด์ พาร์ค อุดรธานี ศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2024
       บทอ่านที่หนึ่ง
พระเจ้าได้ทรงให้คำมั่นสัญญากับประชากรอิสราเอลถึงอิสรภาพจากการเป็นทาส ความชื่นชมยินดีและการปลอบโยนผ่านทางประกาศกเยเรมีย์ พระเจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นว่า พระองค์คือพระผู้ช่วยในยามที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ พระองค์ทรงดูแลเอาใจใส่เยี่ยงบิดาที่ดูแลลูก เราต้องมีความมั่นใจในความช่วยเหลือของพระองค์

บทอ่านที่สอง พระเยซูเจ้าได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้าให้เป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ดังนั้นพระสงฆ์แต่ละองค์จึงได้รับเลือกสรรจากพระเจ้าเพื่อเป็นตัวแทนของพระเจ้าและมนุษย์ในการถวายของถวายและเครื่องบูชา ซึ่งชีวิตของเขาต้องเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับบุคคลอื่น ดังเช่นพระเยซูเจ้าที่ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเป็นการถวายบูชาตลอดมา

พระวรสาร ในบริบทของพระวรสารวันนี้ ถือเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้าสู่กรุงเยรูซาเล็มผ่านเมืองเยริโค เมืองที่มั่งคั่งและเป็นศูนย์กลางทางการค้าตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็ม 15 ไมล์ ขณะที่กำลงเสด็จผ่านเยริโคพระองค์ได้รักษาคนตาบอดที่ชื่อบารทิเมอัส ซึ่งเป็นบุคคลที่น่าสงสาร นับเป็นอัศจรรย์สุดท้ายของพระเยซูเจ้าตามบันทึกของนักบุญมาระโก

พิธีสมรสระหว่างน้องบอล สุพศิน แสงจำปี กับ น้องฟาง กัลย์สุดา จุฬารมย์ พฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม 2024
°
ข่าวสารและประชาสัมพันธ์

1.          บรรดาลูก ๆ เยาวชน ได้นำเทียนมาบริการพี่น้อง ส่วนดอกไม้จะเริ่มบริการวันปิดเดือนแม่พระเป็นต้นไป ขอพี่น้องได้ให้การสนับสนุน รายได้เพื่อสมทบทุนสร้างวัดใหม่ของเรา

2.          อาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2024 ขอเชิญสภาภิบาลวัดและพี่น้องทุกท่านได้ร่วมแรงร่วมใจพัฒนาสุสานศักดิ์สิทธิ์ และเตรียมสถานที่โดยพร้อมเพียงกัน

3.          จันทร์ที่ 28  ตุลาคม 2024 มิสซาคุ้มอากาศอำนวย บ้านนายโผน-นางตุ๊ก เวลา 10.00 น. และเวลา 14.00 น. สวดสายประคำที่โรงเรียนบ้านดอนทอย

4.          อังคารที่ 29 ตุลาคม 2024 เวลา 18.00 น. แห่พระรูปแม่พระจากโรงเรียน และมิสซาปิดเดือนแม่พระ เวลา 19.00 น.

5.          พุธที่ 30 ตุลาคม 2024 เวลา 19.00 น. มิสซาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับที่สุสาน คืนแรก

6.          พฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2024 มิสซาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับที่สุสาน คืนที่สอง โดยคุณพ่อณัฐพงษ์  แสนสุริวงศ์

พิธีศีลสมรสระหว่างเอากุสติน จักรพันธ์ สมกอง กับ เทเรซา ปิยะวรรณ คำศรี เสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2024
7.         
ศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2024 วันศุกร์ต้นเดือน ส่งศีลมหาสนิทผู้ป่วยและผู้สูงอายุ เวลา 19.00 น. มิสซาสมโภชนักบุญทั้งหลายที่สุสาน คืนที่สาม ขอให้ทุกท่านทำต้นเงินฉลองนักบุญทั้งหลายและนักบุญองค์อุปถัมภ์ของตน เพื่อสมทบสร้างวัด โดยคุณพ่อปริญญา เสมอพิทักษ์

8.          เสาร์ที่ 2 พศจิกายน 2024 เวลา 6.30 น. มิสซาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับและเสกสุสาน

9.          เงินทาน : เสาร์ 1,287.- บาท, อาทิตย์ 3,354.- บาท และทานยุวธรรมทูต 807.- บาท

10.     ขอบคุณ คุ้มสุขสันต์ที่รับผิดชอบพิธีกรรมและทำความสะอาดวัดสัปดาห์นี้ คุ้มที่รับผิดชอบสัปดาห์ต่อไป คุ้มกุหลาบแดง

11.     เงินสมทบสร้างวัด  ตั้งแต่ 20-26 ตุลาคม 2024 ได้รับเงินที่พี่น้องทำบุญและเงินโอนเข้าบัญชีโครงการก่อสร้างวัด เป็นจำนวน 18,200.- บาท


มิสซาคุ้มประชาสุขสันต์ บ้านนางหนูผิน ยะคำศรี ศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2024
พิธีบูชาขอบพระคุณและวันฉลองในรอบสัปดาห์

วัน

ที่

เวลา

ผู้ขอ/วันฉลอง

จุดประสงค์

อาทิตย์

27

06.30 น.

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

†สุขสำราญ พี่น้องดอนทอย-หนองสนุก

จันทร์

28

06.00 น.

ฉลอง น.ซีโมนและ น.ยูดาห์ อัครสาวก

 

อังคาร

29

06.00 น.

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

 

พุธ

30

19.00 น.

มิสซาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ ที่สุสาน คืนที่ 1

 

พฤหัสบดี

31

19.00 น.

มิสซาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ ที่สุสาน คืนที่ 2

 

ศุกร์

01

19.00 น.

สมโภชนักบุญทั้งหลาย ที่สุสาน คืนที่ 3

 

เสาร์

02

06.30 น.

ภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับและเสกสุสาน

 

 

ความคืบหน้าการก่อสร้างวัดใหม่ เทตอหม้อและเสาตอหม้อ เสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2024












พระเมตตาที่ล้นเหลือของพระเจ้า

 

พระเมตตาที่ล้นเหลือของพระเจ้า

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

ปี B

ยรม 31:7-9

ฮบ 5: 1-6

มก 10: 46-52

บทนำ

 คุณพ่อแอนโทนี เดอ เมลโล ได้เล่าเรื่องที่ช่วยเราให้ตรวจสอบความมืดบอดฝ่ายจิตใจของเราได้  ฤาษีตนหนึ่งถามลูกศิษย์ว่า “เมื่อใดที่บอกว่ากลางคืนสิ้นสุดแล้วและเป็นเวลาเช้า?”  ศิษย์คนแรกพูดว่า “ผมคิดว่าเป็นเวลาเช้าเมื่อผมแยกต้นโอ๊กจากต้นเมเปิลได้” ฤาษีกล่าวว่า “ไม่ใช่”  ศิษย์คนที่สองตอบว่า “ผมรู้ว่าเป็นเวลาเช้าเมื่อผมแยกวัวกับแกะได้จากระยะไกล”   ฤาษีไม่เห็นด้วย ศิษย์คนที่สามตอบว่า “เป็นเวลาเช้าเมื่อท้องฟ้าไร้เมฆและมองไม่เห็นดาวเลย” “นั่นเป็นคำตอบที่ผิดเช่นกัน” ฤาษีกล่าว  จากนั้นเขาได้อธิบายว่า  “ฉันรู้ว่าเป็นเวลาเช้าเมื่อฉันจำได้ว่า บุคคลหนึ่งเป็นลูกของพระเจ้าและเป็นพี่น้องชายหญิงของฉัน”

พระวรสารวันนี้ ถือเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้าสู่กรุงเยรูซาเล็มผ่านเมืองเยริโค เมืองที่มั่งคั่งและเป็นศูนย์กลางทางการค้า ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเยรูซาเล็ม 15 ไมล์ พระเยซูเจ้าได้รักษาคนตาบอดชื่อบารทิเมอัสผู้น่าสงสารที่ตาบอดและยากจน ต้องดำรงชีพด้วยการขอทาน ความยากลำบากและความทุกข์ที่เขาเผชิญจึงหนักหนาสาหัส แต่ความโชคร้ายเหล่านี้ได้รับการเยียวยารักษาจากพระเยซูเจ้า นับเป็นอัศจรรย์สุดท้ายตามบันทึกของนักบุญมาระโก

1.        พระเมตตาที่ล้นเหลือของพระเจ้า

ความเชื่อทำให้บารทิเมอัสได้รับการรักษา เขาเชื่อในพระเยซูเจ้าได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่ตามองไม่เห็น คนอื่นอาจได้เห็นอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ขณะที่บาร์ทิเมอัสมองไม่เห็นและไม่สะดวกที่จะเดินทางไปไหน การนั่งขอทานริมถนนวันแล้ววันเล่า คงทำให้เขาได้ยินเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่เบธไซดา (มก 8:23) เขาจึงตั้งตาคอยด้วยความหวังว่า พระเยซูเจ้าจะเสด็จผ่านมาทางนี้บ้าง

บารทิเมอัสต้องการพบพระเยซูเจ้าเพื่อได้รับการรักษา แต่ต้องพบอุปสรรคหลายอย่าง เนื่องจากเขามองไม่เห็น และไม่สามารถเดินทางตามหาพระองค์เหมือนคนทั่วไปได้ วันหนึ่งพระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองเยริโค เขาคงได้ยินคนพูดว่า พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จมา เขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้จึงร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” (มก 10:47) บางคนเห็นว่า เขาส่งเสียงรบกวนจึงสั่งให้หยุดพูด แต่เขายิ่งร้องเสียงดังจนพระเยซูเจ้าได้ยินและเรียกเขา

บารทิเมอัสได้ทิ้งทุกสิ่งกระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้าและร้องขอการรักษา พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” (มก 10:52) ทรงตอบแทนความเชื่อของเขาด้วยการรักษาเขาทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เขาได้กลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ ได้เห็นผลงานน่าอัศจรรย์ที่ทรงกระทำ เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ และฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าในสิ่งสร้าง ที่แสดงถึงธรรมล้ำลึกแห่งความรักของพระเจ้า ซึ่งช่วยเปิดตาใจและเพิ่มพูนความเชื่อของเขา ทำให้เขาต้องการอยู่ใกล้ชิดองค์พระผู้ไถ่เพื่อขอบคุณ สรรเสริญ และรับใช้พระองค์

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องสำนึกในพระเมตตาที่ล้นเหลือของพระเจ้า ตระหนักในพระทัยดีและพระเมตตาหาที่สุดมิได้ของพระเยซูเจ้า ที่มีต่อคนทุกข์จนและลำบากเดือนร้อน ด้วยการมาหาพระองค์เช่นเดียวกับบารทิเมอัส อธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อและฟังเสียงของพระองค์อย่างตั้งใจที่ตรัสกับเราว่า “เจ้าอยากให้เราทำอะไรให้เจ้า” ให้เราได้บอกพระองค์ถึงเจตนาและความต้องการของเรา เพื่อพระองค์จะได้รักษาเราทั้งฝ่ายกายและจิตใจ

ประการที่สอง เราต้องให้พระเยซูเจ้ารักษาอาการบอดมืดฝ่ายจิตใจ เราแต่ละคนต่างบอดมืดฝ่ายจิตใจจากความโกรธ ความเกลียดชัง อคติ ความอิจฉาริษยา และนิสัยไม่ดีต่าง ๆ ที่ปิดบังตาเราให้มองไม่เห็นความดีของเพื่อนมนุษย์และการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเขา เราอาจบอดมืดต่อความยุติธรรมเมื่อเราปฏิเสธการจ่ายหนี้สินหรือค่าจ้าง หรือบอดมืดด้วยความโลภเมื่อเราไม่เคยพึงพอใจในสิ่งที่มีอยู่ บางครั้งถึงกับยอมเป็นหนี้เพื่อแลกกับสิ่งฟุ่มเฟือยต่าง ๆ

ประการที่สาม เราต้องเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า ผู้ทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์ เราต้องเปิดตาและใจของเราเพื่อมองเห็นว่า มีแต่พระองค์เท่านั้นสามารถช่วยเราให้รอดได้ เราต้องเลียนแบบความเป็นศิษย์ของบารทิเมอัส 1) จดจำพระเยซูเจ้าในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด, 2) ยอมรับความจริงว่าต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์, 3) พร้อมตอบสนองการเรียกของพระองค์ และ 4) กลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าได้แสดงความเมตตากรุณาและความรักของพระบิดาเจ้าสวรรค์ ด้วยการรักษาชายตาบอดชื่อบารทิเมอัส ทรงเอาพระทัยใส่บารทิเมอัสที่เมืองเยริโค เช่นเดียวกับพระเจ้าที่ทรงเอาพระทัยใส่คนตาบอดและคนพิการในบทอ่านแรก บารทิเมอัสได้แสดงความเชื่อของเขาด้วยการร้องหาพระองค์ ความเชื่อทำให้เขาได้รับการรักษาอาการบอดมืดฝ่ายกายและจิตใจ และกลายเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า

บ่อยครั้งเราได้กลายเป็นคนตาบอดขณะที่ตาดี เพราะมองไม่เห็นความดีของผู้อื่น และการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเพื่อนพี่น้อง มองข้ามความจำเป็นและความเดือดร้อนของผู้อื่น ศิษย์พระคริสต์ต้องสำนึกในพระเมตตาที่ล้นเหลือของพระเจ้า หมั่นมาหาพระเยซูเจ้าด้วยการอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อ เพื่อให้พระองค์รักษาความบอดมืดฝ่ายจิตใจของเรา ให้มองเห็นการประทับอยู่ของพระองค์ท่ามกลางเรา ดำเนินชีวิตเป็นเครื่องหมายแห่งความรักและพระทัยดีของพระองค์ในชีวิตประจำวัน

คุณพ่อขวัญ  ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

26 ตุลาคม 2024

ภาพ : พิธีเปิดเสกวัดใหม่, วัดนักบุญยอแซฟ หนองแสง-ดงอีบ่าง, สกลนคร; 2024-10-18