พฤหัสบดี
สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา
|
ปฐก 22:1-19
มธ 9:1-8
|
“มีเพียงคนกล้าหาญเท่านั้นที่ให้อภัย ส่วนคนขี้ขลาดไม่เคยให้อภัยใคร” (Robert Muller) พระวรสารวันนี้
เราพบความเชื่อของผู้หามคนอัมพาตมาหาพระเยซูเจ้า ผ่านทางศีลล้างบาปเราได้พบพระเยซูเจ้าด้วยความเชื่อของผู้อื่นเช่นกัน
พระวรสารนักบุญมาระโกและนักบุญลูกา ได้ให้รายละเอียดว่าคนหามเปิดหลังคาและหย่อนแคร่ลงมา
เนื่องจากคนมากเข้าทางประตูไม่ได้ ส่วนมัทธิวเน้นเรื่อง “การอภัยบาปของพระเยซูเจ้า”
การให้อภัยผู้อื่นช่วยรักษาใจของเรา
หลายวันที่ผ่านมาเราได้ยินพระเยซูเจ้าทรงรักษาคนเจ็บป่วย
ทรงบังคับลมและทะเล ทรงขับไล่ปีศาจและวันนี้ทรงอภัยบาป พระองค์ตรัสกับคนอัมพาตว่า “ทำใจดีๆ
ไว้เถิด ลูกเอ่ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” (มธ 9:2) ทำให้ธรรมาจารย์บางคนตัดสินว่าพระองค์ดูหมิ่นพระเจ้า
เนื่องจากชาวยิวถือว่าโรคภัยไข้เจ็บเป็นผลมาจากบาปของเขา และอำนาจอภัยบาปเป็นของพระเจ้าเท่านั้น
พระเยซูเจ้าไม่ได้มองคนอัมพาตด้านร่างกายเท่านั้น
แต่มองที่จิตใจด้วย ทรงให้อภัยบาปเขา ทรงทราบดีว่าการแสดงออกเช่นนั้นนำไปสู่ข้อขัดแย้ง
เพราะการอภัยบาปเป็นเรื่องภายในมองไม่เห็น แต่การรักษาร่ายกายให้หายมองเห็นได้และง่ายแก่การพิสูจน์
การรักษาฝ่ายกายเป็นหลักฐานชัดแจ้งถึงการรักษาจิตวิญญาณด้วยอำนาจที่พระองค์มี ทรงตรัสกับคนอัมพาตว่า
“จงลุกขึ้น แบกแคร่ กลับบ้านเถิด” (มธ 9:6)
พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เป็นว่าทรงมีอำนาจอภัยบาป
และทรงมอบอำนาจนี้แก่เปโตร บรรดาอัครสาวก และผู้สืบต่อมาในพระศาสนจักร ผ่านทางศาสนบริกรแห่งศีลอภัยบาป
เราต้องถามตนเองว่าได้เห็นคุณค่าของศีลอภัยบาปมากแค่ไหน
เราได้กลับใจมาหาพระเจ้าผ่านทางศีลศักดิ์สิทธิ์นี้บ่อยไหม และได้ตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงรักษาเราให้หายจากโรคร้ายฝ่ายวิญญาณหรือเปล่า
ประการสำคัญ เราได้ให้อภัยบาปแก่ผู้ทำผิดต่อเราหรือยัง
การให้อภัยบาปของพระเยซูเจ้าทำให้คนอัมพาตได้รับการรักษาให้หาย
เมื่อทำบาปเราได้ทำให้ตนเองกลายเป็นอัมพาตฝ่ายจิตใจ ศิษย์พระคริสต์ต้องกลับใจมาหาพระเจ้าผ่านทางศีลอภัยบาป
ให้พระเยซูเจ้ารักษาความเป็นอัมพาตฝ่ายจิตใจของเรา และพร้อมให้อภัยความผิดของกันและกัน
เพราะทุกครั้งที่เราให้อภัยผู้อื่น เท่ากับได้ทำเพื่อตัวเราเอง ทำให้ความโกรธ
ความแค้นเคือง และบาดแผลในใจหายไป
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
3 กรกฎาคม 2019
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น