การลำดับความสำคัญก่อนหลัง
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา
ปี C
|
ปฐก 18:1-1ก
คส 1:24-28
ลก10:38-42
|
บทนำ
ดร. เจมส์ รว๊บ (Dr.
James Rueb) ศาสตราจารย์ด้านการบริหารจัดการธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด
ได้กล่าวถึงเรื่องการลำดับความสำคัญก่อนหลังว่า หากแบ่งสิ่งสำคัญในชีวิตของมนุษย์ออกเป็น
ลำดับ 1-2-3 คนส่วนใหญ่ใช้เวลาทั้งหมดในชีวิตกับสิ่งสำคัญลำดับสาม
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น คำตอบคือ อย่างแรก ลำดับสามง่ายต่อการทำให้สำเร็จ และอย่างที่สอง สร้างความภาคภูมิใจแก่ตนเองว่ากำลังทำบางสิ่งสำเร็จจริง ๆ
ในความเป็นจริง เราสรวลอยู่กับสิ่งสำคัญระดับรองตลอดทั้งวัน
ซึ่งเป็นสิ่งไร้สาระ หาแก่นสารไม่ได้ และไม่เคยใส่ใจ หรือไปถึงสิ่งยิ่งใหญ่และสำคัญกว่า
นี่คือบทเรียนสำคัญที่เราได้จากเรื่องราวของมารีย์และมารธา “อย่าปล่อยให้สิ่งที่ดี (ลำดับรอง) เข้ามาแทนที่สิ่งที่ดีที่สุด
(ลำดับแรก)” ซึ่งสิ่งจำเป็นมีเพียงสิ่งเดียวและมารีย์ได้เลือกเอาส่วนดีที่สุด
หัวเรื่องสำคัญของบทอ่านวันนี้คือ การลำดับความสำคัญก่อนหลัง ชีวิตคริสตชนต้องแยกให้ได้ว่า “อะไรควรมาก่อน อะไรควรมาหลัง” ซึ่งกุญแจสำคัญของการลำดับความสำคัญก่อนหลังในชีวิตคริสตชนคือ พระเยซูเจ้าต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด วิธีเดียวเพื่อเข้าใจบทเรียนนี้คือการใช้เวลาทุกวันเฉพาะพระพักตร์พระองค์
ต้อนรับ และฟังพระองค์ก่อนการลงมือทำอย่างอื่น
1. การลำดับความสำคัญก่อนหลัง
มารธาเป็นหญิงเอาใจใส่เรื่องการบ้านการเรือน ไม่ใช่งานง่ายนักในการเตรียมอาหารสำหรับ 13 คน (พระเยซูเจ้าและอัครสาวกทั้งสิบสอง)
มารธากระวนกระวายในการเตรียมอาหาร ขณะที่มารีย์นั่งอยู่แทบพระบาทพระเยซูเจ้า
คอยฟังพระองค์ตรัสสอน มารธาบ่นกับพระองค์ถึงความประพฤติไม่เหมาะสม 2 อย่างของน้องสาว : 1) ตามธรรมเนียมยิวผู้หญิงไม่ไปนั่งฟังคำเทศน์สอนของอาจารย์ชาวยิว
(รับบี) และ 2)
งานของผู้หญิงคืองานบ้าน เตรียมอาหารอยู่ในครัว
พระเยซูเจ้าทรงใช้โอกาสดังกล่าวบอกให้เราทราบถึงสิ่งสำคัญ พระองค์ตรัสกับมารธาว่า “สิ่งที่จำเป็นมีเพียงสิ่งเดียว” (ลก 10:42) พระองค์มิได้ตำหนิมารธาถึงสิ่งที่เธอทำ
เพราะหากไม่มีใครเตรียมอาหาร พระองค์และบรรดาสาวกคงหิว
แต่พระองค์ทรงเตือนมารธาและช่วยให้ค้นพบความหมายของชีวิตว่า เป้าหมายแท้จริงของชีวิตมนุษย์คือ
การเข้าอยู่ในพระอาณาจักรของพระเจ้า “มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น” (ลก 4:4) “อาหารของเราคือ การทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา” (ยน 4:34)
“มารธา” เปรียบได้กับคริสตชนมากด้วยพลัง มีกิจกรรมทำมากมาย ไม่ชอบชีวิตสงบเงียบและอธิษฐานภาวนาอยู่ที่บ้าน
ปัญหาของคนกลุ่มนี้คือรับไม่ได้ที่เห็นคนอีกกลุ่มเอาแต่รำพึงภาวนาในอาราม หรือเฝ้าศีลอยู่ในวัด
ใช้ชีวิตเงียบ ๆ “มารีย์” เปรียบได้กับคนกลุ่มนี้ พระดำรัสที่ว่า “มารีย์ได้เลือกเอาส่วนที่ดีที่สุด” (ลก 10:42) มิได้หมายความว่าทรงตัดสินว่า มารีย์เป็นฝ่ายถูก
เพียงต้องการบอกว่า มารีย์รู้และเข้าใจเป้าหมายแท้จริงของชีวิต ซึ่งต้องหลอมรวมกิจกรรมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน
ทั้งงานหน้าที่ภายนอก และการปฏิบัติศาสนกิจ
2. บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการที่แรก การงานและการอธิษฐานภาวนาเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ต้องมีที่สำหรับพระเจ้าในงานของเรา มีเวลาทำงานและมีเวลามาหาพระเจ้า หากเราจัดลำดับสองสิ่งนี้ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม
เท่ากับว่า เราได้เปลี่ยนพระวาจาของพระเจ้าให้เป็นกิจการ เรากำลังเขียนพระวรสารด้วยชีวิตและกิจการที่เราทำ
วัดและหมู่คณะของเราต้องการคนที่มีพลังเช่นนี้ในการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงสังคม
ประการที่สอง เราต้องเป็นผู้ฟังที่ดีเช่นเดียวกับมารีย์ สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วยปัญหาและความขัดแย้งเพราะไม่มีใครฟังใคร
เราต้องเป็นผู้ฟังที่ดีทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
มารธาคือตัวแทนของคนที่กระตือรือร้นทำโน่นทำนี่จนไม่มีเวลาเงียบและฟังพระเจ้า
คู่ชีวิต เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่บุตรหลานของตน บางทีฟังแต่ได้ยิน ดังคำพูดที่ว่า “ความรักเริ่มที่บ้านและเริ่มจากการฟัง” ยิ่งเราฟังใครคนหนึ่งมากเท่าใด ความรักยิ่งเติบโตมากขึ้นเท่านั้น
ประการสุดท้าย เราต้องรับใช้พระเจ้าด้วยความเพียรเช่นเดียวกับมารธา บุคคลสำคัญของโลกมาจากคนที่ตระหนักว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ : โทมัส อัลวา เอดิสัน ทำการทดลองกว่าพันครั้งจึงประดิษฐ์หลอดไฟได้สำเร็จ, โนอา เว็บสเตอร์
ต้องทำงานด้วยความเพียรกว่า 36 ปีจึงพิมพ์พจนานุกรมเว็บสเตอร์ได้เป็นฉบับแรก, ชิเชโรต้องฝึกพูดทุกวันเป็นเวลา 30 ปีจึงกลายเป็นนักพูดฝีปากกล้า การทำงานรับใช้พระเจ้าเราต้องทุ่มเท
กระตือรือร้น และเพียรพยายามเช่นเดียวกัน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าคือศูนย์กลางแห่งชีวิตคริสตชน ทรงปรารถนาเป็นแขกของกลุ่มคริสตชน และของเราแต่ละคน เราต้องเชื้อเชิญพระองค์ทุกวัน
เพื่อให้พระองค์ประทับอยู่กับเราเสมอ ทั้งในเวลาของความยินดีและความยากลำบาก คริสตชนต้องหลอมรวมกิจกรรมงานหน้าที่ภายนอกและการปฏิบัติศาสนกิจเข้าด้วยกัน ดังคำกล่าวของนักบุญเบอร์นาร์ดที่ว่า “คนทำงานก็เหมือนคนอธิษฐานภาวนายกจิตใจขึ้นหาพระเจ้าด้วยแขนทั้งสองของเขา”
“สิ่งที่จำเป็นมีเพียงสิ่งเดียว” นั่นคือการอยู่กับพระเยซูเจ้า ฟังพระองค์ทุกวัน
ผ่านทางพิธีบูชาขอบพระคุณที่เรามาร่วมทุกวันอาทิตย์ ในการอธิษฐานภาวนาร่วมกัน
ทั้งในชุมชนวัด หมู่คณะ และครอบครัวของเรา ศิษย์พระคริสต์ต้องลำดับความสำคัญก่อนหลัง พระเจ้าต้องมาก่อนและสำคัญที่สุดในชีวิต สร้างบรรยากาศแห่งการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าท่ามกลางเรา
ในความรักต่อกันและทัศนคติเชิงบวกที่มองเห็นพระเยซูเจ้าในผู้อื่น
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน
ดอนม่วย, สกลนคร
20 กรกฎาคม 2019
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น