วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554

พระคริสตเจ้าแสดงองค์

วันที่ 2 มกราคม สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ ปี A B C
อสย 60:1-6
อฟ 3:2-3, 5-6
มธ 2:1-12

บทนำ

พระคัมภีร์ไม่ได้บอกเราเกี่ยวกับโหราจารย์หรือนักปราชญ์จากทิศตะวันออกว่ามีทั้งหมดกี่คน ที่ออกเดินทางติดตามดาวไปยังเมืองเบธเลเฮม แต่ธรรมประเพณีที่เข้าใจกันทั่วไปมีทั้งหมด 3 คน ได้แก่ กาสปาร์ (Caspar) เมลคิออร์ (Melchior) และบัลทาซาร์ (Balthasar) ยังมีอีกธรรมประเพณีหนึ่งที่พูดถึงโหราจารย์คนที่ 4 นามว่า อาร์ตาบัน (Artaban) ซึ่งเตรียมออกเดินทางติดตามดาว พร้อมกับของมีค่าอย่าง บุษราคัม ทับทิม และไข่มุกเม็ดงาม เพื่อมอบแก่กษัตริย์องค์ใหม่ที่บังเกิดมา

ในระหว่างเดินทางไปสมทบกับคณะของโหราจารย์ อาร์ตาบัน ซึ่งมีอาชีพเป็นหมอได้หยุดรักษาผู้เดินทางคนหนึ่งที่ไม่สบาย ทำให้เขาล่าช้าและไปไม่ทันกับคาราวานของโหราจารย์ท่านอื่น เขาต้องเดินทางโดยลำพังและได้ขายบุษราคัมที่เขาเตรียมไว้สำหรับกษัตริย์องค์ใหม่ เพื่อซื้ออูฐและของจำเป็นสำหรับการเดินทางข้ามทะเลทรายและมาถึงเบธเลเฮมช้าเกินไป เขาพบทหารทุกหนทุกแห่งกำลังออกปฏิบัติตามคำสั่งของกษัตริย์เฮโรด ในการฆ่าเด็กชายตั้งแต่อายุสองขวบลงมา เขาได้ติดสินบนหัวหน้านายทหารด้วยทับทิม ทำให้เด็กทุกคนในหมู่บ้านรอดจากการถูกสังหาร และได้ออกตามหากุมารที่เกิดมาเป็นกษัตริย์องค์ใหม่

อาร์ตาบันได้ออกตามหาพระกุมารอย่างไร้ผลเป็นเวลาถึง 33 ปี และที่สุดเขาได้เดินทางไปกรุงเยรูซาเล็มในวันที่มีการตรึงกางเขนชายที่ชื่อ “เยซู” อาร์ตาบันได้เร่งรุดไปยังเขากัลป์วารีโอ เพื่อติดสินบนทหารยามโรมันด้วยไข่มุกเม็ดงามเพื่อช่วยชีวิตชายนั้น ซึ่งเขาได้ยินมาว่าเป็นกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย ในระหว่างทางนั้นเอง เขาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกจับตัวไปขายเป็นทาส เขาได้ใช้ไข่มุกมีค่าเม็ดนั้นในการไถ่เธอให้เป็นอิสระ

ที่สุด อาร์ตาบันได้มาถึงเนินเขากัลวารีโอที่มีการตรึงกางเขน หัวใจของเขาแทบแตกสลายเมื่อเขาเห็นพระเยซูเจ้าถูกตรึงบนไม้กางเขนโดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรพระองค์ได้ แต่พระเยซูเจ้ามองมายังเขาและตรัสกับเขาว่า “อย่าเสียใจไปเลย อาร์ตาบัน ท่านได้ช่วยเราตลอดชีวิตของท่าน เพราะเมื่อเราหิว ท่านได้ให้เรากิน เมื่อเรากระหาย ท่านได้ให้เราดื่ม เมื่อเราเปลือยเปล่า ท่านได้ให้เรานุ่งห่ม เมื่อเราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านได้ต้อนรับเรา” ดูเหมือนเขาพลาดหวังในการพบกับพระเยซูเจ้า แต่ในความเป็นจริงเขาคือคนที่ฉลาดที่สุดซึ่งได้พบกับพระเยซูเจ้าตลอดชีวิตของเขา

1. พระคริสตเจ้าแสดงองค์

วันฉลอง “พระคริสตเจ้าแสดงองค์” (Epiphany) เป็นวันระลึกถึงการไขแสดงของพระเจ้าแก่บรรดาคนต่างชาติ โดยมีนักปราชญ์จากทิศตะวันออกหรือโหราจารย์เป็นตัวแทน แรกทีเดียววันฉลองนี้ตรงกับวันที่ 6 มกราคม ซึ่งเป็นวันฉลองที่ใหญ่มากสำหรับพระศาสนจักรตะวันออก เพื่อแสดงให้เห็นว่า พระคริสตเจ้าทรงเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ ผู้ทรงทำให้คำทำนายของประกาศกอิสยาห์ในบทอ่านแรกปรากฏเป็นจริง “ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์... นานาชาติจะเดินมาหาความสว่างของเจ้า” (อสย 60:3)

นักบุญเปาโลได้ขยายความให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นว่า พระเจ้าได้ไขแสดงและเปิดเผยพระองค์ให้เราได้ทราบผ่านทางพระคริสตเจ้าว่า ทรงรักมนุษย์ทุกคน ทรงเรียกพวกเขาให้มาสัมผัสแสงสว่างแห่งความรอดไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน ทำให้ “คนต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกายเดียวกัน ร่วมรับพันธสัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซูอาศัยข่าวดี” (อฟ 3:6)

พระเยซูเจ้าทรงเป็นความรอดพ้นของมนุษย์ทุกคน ทุกเชื้อชาติ มิใช่แต่เฉพาะสำหรับชาวยิวเท่านั้น “เราบอกท่านทั้งหลายว่า คนจำนวนมากจะมาจากทิศตะวันออกและตะวันตก และจะนั่งร่วมโต๊ะกับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ ในพระอาณาจักรสวรรค์” (มธ 8:11) อีกทั้งได้สั่งบรรดาอัครสาวกของพระองค์ให้ไปสั่งสอนนานาชาติทั่วโลก (มธ 28:19) ดังนั้นในปัจจุบัน จึงไม่มีประชากรที่ทรงเลือกสรร ไม่มีชาวต่างชาติ และไม่มีคนที่อยู่ข้างนอก แต่ทุกคนได้รับการเรียกให้มารู้จักพระองค์ ทุกคนล้วนเป็นบุตรที่พระเจ้าทรงรักและเป็นพี่น้องกัน ไม่มีการแบ่งแยกแตกต่างทางเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และชั้นวรรณะ

2. บทเรียนสำหรับเรา

บรรดาโหราจารย์ไม่เพียงแต่สังเกตเครื่องหมายแห่งกาลเวลา แต่พวกเขาได้ออกติดตามดาวไปยังเบธเลเฮม พวกเขาได้ตอบสนองการเรียกของพระเจ้าและออกเดินทางโดยปราศจากความกลัวไปยังดินแดนที่ไม่รู้จักและอันตราย ไม่มีอะไรหยุดยั้งความตั้งใจของพวกเขาได้ ที่สุด พวกเขาได้มาถึงที่หมาย สถานที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นที่เกิดของกษัตริย์องค์ใหม่ แต่ความเชื่อทำให้พวกเขามั่นใจว่า นี่คือกษัตริย์ พระผู้ไถ่ของโลก พวกเขาได้คุกเข่าลงนมัสการพระองค์ พร้อมกับถวายทองคำ กำยาน และมดยอบแด่พระองค์ พระเจ้าได้ทำให้ความฝันของพวกเขาสมบูรณ์และกลับไปด้วยความยินดีที่ได้เห็นองค์พระเจ้า

เมื่อพระเจ้าทรงรับเอากายเป็นมนุษย์ ได้ทรงเปิดเผยให้เราทราบถึงความรักและความเมตตาของพระองค์ เราจึงต้องตอบสนองต่อเครื่องหมายที่พระเจ้าประทานแก่เราเหมือนโหราจารย์ และมอบตัวเราเป็นของขวัญแด่พระองค์ ดาวได้นำโหราจารย์มานมัสการพระกุมารเจ้า เราคริสตชนแม้มิใช่ชาวยิวแต่มีบุญได้มารู้จักพระคริสตเจ้า โดยมีพระศาสนจักรเป็นเหมือนดาวที่นำเรามานมัสการพระองค์ ผ่านทางบรรดาธรรมทูต และผู้แพร่ธรรมในอดีต ที่ได้นำทางเราให้มารู้จักและได้รับแสงสว่างแห่งพระวรสาร เป็นบุตรของพระเจ้าเท่าเสมอกัน และเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเดียวกันคือพระศาสนจักร

ให้เราได้ดำเนินชีวิตเป็นดาวนำคนอื่นมาหาพระคริสตเจ้า ผ่านทางการบอกเล่าเรื่องราวของพระคริสตเจ้าให้คนอื่นได้รับทราบ ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนอื่นได้เห็น ชีวิตของเราแต่ละคนสามารถเป็นดาวที่ส่องสว่างให้คนอื่นได้เห็นถึงความรัก การให้อภัย และการช่วยให้รอดขององค์พระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ทุกคน และช่วยให้พวกเขาดำเนินในหนทางที่ถูกต้อง ให้เราได้ตระหนักว่าพระเจ้าทรงใกล้ชิดเรา ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องมีความใกล้ชิดกัน ไม่ถือใครคนหนึ่งเป็นคนนอก แต่ทุกได้รับการเรียกให้มาเป็นครอบครัวเดียวกัน

บทสรุป

พี่น้องที่รัก วันนี้เราสมโภชการสำแดงองค์ของพระเจ้าในธรรมชาติมนุษย์ที่มองเห็นได้ เพื่อความรอดของมนุษย์ทั้งมวล พระเจ้าทรงใช้ดาวดวงหนึ่งปรากฏบนท้องฟ้า เพื่อนำทางบรรดาโหราจารย์ไปยังสถานที่ซึ่งพวกเขาสามารถพบกับพระเจ้าในรูปของกุมารน้อยคนหนึ่ง พระเจ้าได้ทรงดลใจพวกเขาให้เดินทางจากแดนไกล เพื่อแสดงให้เห็นว่ามนุษย์ในโลกนี้ได้รับการเรียกให้มาพบพระพักตร์พระองค์ เพื่อรู้จักและนมัสการพระองค์

เราแต่ละคนสามารถนำคนอื่นให้มาพบพระเยซูเจ้าได้ อาศัยความรู้ความสามารถต่างๆ ที่พระเจ้าประทานให้เรา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตในความรักต่อกันที่แสดงออกให้เห็นในภาคปฏิบัติ ในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การแบ่งปันสิ่งที่เรามีแก่คนอื่นที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ ที่สำคัญ ในการให้อภัยซึ่งกันและกันด้วยใจกว้าง

นอกนั้น การฉลองพระคริสตเจ้าแสดงองค์ ยังเป็นการไตร่ตรองเกี่ยวกับการเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติของพระคริสตเจ้า ผ่านทางโหราจารย์ที่ติดตามดาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง ความยินดี และสันติสุข ผ่านทางศีลล้างบาปเราได้รับแสงสว่างจากองค์แห่งความสว่างของโลกคือพระคริสตเจ้า ดังนั้น เราจึงได้รับการเรียกให้มาเป็นแสงสว่างส่องโลก ในการประกาศข่าวดีแห่งความหวัง ความยินดี และสันติสุขกับผู้อื่น ซึ่งพระคริสตเจ้าได้ประทานมาให้เราด้วย เช่นเดียวกัน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
1 มกราคม 2011

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น