วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

ลูกแกะพระเจ้า ผู้ลบล้างบาปของโลก

สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา ปี A
อสย 49:3, 5-6
1 คร 1:1-3
ยน 1:29-34

บทนำ

นานมาแล้ว มีหม้อชาลายครามที่สวยงามมากใบหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบและเชิดหน้าชูตาของคนเป็นเจ้าของมาก แต่ด้วยความเปราะบางของมันทำให้เจ้าของนำออกมาใช้เฉพาะโอกาสพิเศษ เพื่อรับรองแขกคนสำคัญเท่านั้น แล้ววันหนึ่งคนใช้ที่สะเพร่าได้ทำหม้อชาลายครามนี้ตกแตก กลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์จนเจ้าของต้องโยนทิ้งและถูกนำไปทิ้งไว้ในกองขยะ เวลาผ่านไปเนิ่นนานเข้าฝุ่นได้จับเกรอะกรัง จนไม่เหลือความงดงามในอดีต แม้กระทั่งคนเก็บขยะขายยังมองข้ามหม้อชาสกปรกไร้ประโยชน์ใบนี้

กระทั่งวันหนึ่งชาวสวนที่มีชื่อเสียงและเชี่ยวชาญในการปลูกดอกไม้คนหนึ่ง ได้นำวัชพืชไปทิ้งที่กองขยะ เขาได้พบกับหม้อชานี้และนำมันกลับมาบ้าน สิ่งแรกที่เขาทำคือขัดถูทำความสะอาด และรู้สึกประหลาดใจกับลวดลายที่สวยงามของมัน แม้ว่าจะไม่สามารถใช้เป็นหม้อชาได้อีก แต่เขาคิดว่าสามารถใช้ประโยชน์ในทางอื่นได้ เขาพบว่าหากนำมาทำเป็นกระถางปลูกดอกไม้คงจะสวยงามมากทีเดียว

คนสวนได้ใส่ดินและเมล็ดพันธ์ดอกไม้ลงไปในหม้อชาใบนั้น พร้อมกับเอาใจใส่ดูแล ใส่ปุ๋ยรดน้ำทุกวัน จนเมล็ดพันธ์เริ่มแทงยอด ผลิใบและให้ดอกที่สวยงาม เขาจึงนำไปวางไว้ที่ขอบหน้าต่าง ทำให้คนที่ผ่านไปมาเห็นถึงความสวยงามของมัน ไม่เพียงดอกไม้ที่สวยงามเท่านั้น แต่กระถางที่ปลูกก็งดงามไม่แพ้กัน ทำให้บ้านแลดูมีชีวิตชีวา เป็นที่ชื่นชอบแก่ทุกคนที่พบเห็น จนไม่มีใครเชื่อว่าเขาได้หม้อใบนี้จากกองขยะ

1. ลูกแกะพระเจ้า ผู้ลบล้างบาปของโลก

ในพระวรสาร ยอห์น บัปติสต์ ได้บอกประชาชนว่าพระเยซูเจ้าเป็นใคร และอะไรคือพันธกิจของพระองค์ พระเยซูเจ้าเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรเพื่อลบล้างบาปของโลก พระองค์ทรงเป็น “ผู้รับใช้ของพระเจ้า” ที่ประกาศกอิสยาห์พูดถึงในบทอ่านแรก ซึ่งจะเป็นผู้รวบรวมทุกเผ่าของอิสราแอลให้กลับมาหาพระเจ้า เพราะพระองค์เป็น “แสงสว่างส่องนานาชาติ” ที่นำความรอดพ้นมาสู่ทุกคนจนสุดปลายแผ่นดิน

ยอห์นกล่าวว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นลูกแกะพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก ทุกครั้งที่เราทำบาป เราเป็นเหมือนหม้อชาลายครามที่แตกร้าวใบนั้น หาประโยชน์อะไรไม่ได้ นอกจากโยนทิ้งไปรวมกับสิ่งไร้ค่าอื่นๆ ในกองขยะ เราไม่สามารถขจัดความรู้สึกผิดนี้ให้ออกไปจากใจเราได้ เพราะเราเกิดมาในบาปซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งชีวิตของเรา บาปได้ทำให้เราถูกตัดขาดจากพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง เป็นเหมือนกับรอยแตกร้าวหรือบาดแผลที่ทำให้เราต้องทุกข์ทรมาน และต้องการการเยียวยารักษาให้หาย

นี่คือเหตุผลที่พระเยซูเจ้ามาในโลก เพื่อสถาปนาสัมพันธภาพแห่งรักระหว่างเรากับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องให้กลับคืนมาอีกครั้ง พระองค์เสด็จมาในโลกเพื่ออยู่ท่ามกลางคนบาป พระองค์เสาะแสวงหาคนที่สูญเสียและถูกทอดทิ้ง เหมือนอย่างชาวสวนที่ไปยังกองขยะและมองเห็นหม้อชามีค่าที่ถูกทิ้งไว้ พระองค์ได้ทำให้พวกเขาตระหนักว่าพวกเขามีคุณค่ายิ่งใหญ่ต่อหน้าพระเจ้า และนำพวกเขาให้กลับมีความสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้าอีกครั้ง

ข่าวที่พระเยซูเจ้าประกาศจึงเป็นข่าวดีแห่งการช่วยให้รอดสำหรับมนุษยชาติ พระองค์ได้สถาปนาอาณาจักรแห่งความรักของพระเจ้าให้บังเกิดขึ้นในใจเรา ในสังคมและหมู่คณะของเรา พระองค์ทรงเสด็จมาเพื่อนำทุกคนให้กลับไปเป็นหนึ่งเดียวกัน กลายเป็นประชากรใหม่ของพระเจ้า ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แต่ชาวยิวเท่านั้น แต่สำหรับมนุษย์ทุกคนในโลก

2. บทเรียนสำหรับเรา

ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า “พระเจ้าทรงปั้นข้าพเจ้าไปเป็นผู้รับใช้ของพระองค์” นักบุญเปาโล กล่าวว่าท่านได้รับเรียกให้เป็น “ผู้ศักดิ์สิทธิ์” ส่วนยอห์น บัปติสต์ กล่าวว่า “ข้าพเจ้าถูกส่งมาให้ทำพิธีล้าง เพื่อทำให้พระองค์เป็นที่รู้จัก” เราแต่ละคนได้รับการเรียกจากพระเจ้าให้มีหน้าที่พิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หน้าที่แห่งการเป็นคริสตชน” ที่จะต้องทำให้พระเยซูเจ้าเป็นที่รู้จัก ในการทำให้ความรักและพระเกียรติมงคลของพระเจ้าฉายแสงในตัวเรา

ในฐานะคริสตชน เราได้ร่วมส่วนในพันธกิจของพระคริสตเจ้า เนื่องจากชีวิตของเราเป็นของพระคริสต์เจ้า และขึ้นอยู่กับพระองค์ผู้เป็นลูกแกะของพระเจ้า เราได้รับการไถ่ให้เป็นอิสระจากบาปโดยลูกแกะของพระเจ้า ที่ได้เสด็จมาในโลกเพื่อรักและรับใช้เราคนบาป และมอบตนบนไม้กางเขนเพื่อความรอดของมนุษย์ทุกคน หน้าที่ของเราคือการเปิดเผยให้คนอื่นได้เห็นถึงความรักของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความรักต่อกัน ในการให้อภัยซึ่งกันและกัน และปฏิบัติต่อกันเหมือนพี่น้อง

ยอห์น บัปติสต์ ได้กล่าวอย่างชัดเจนในตอนท้ายของพระวรสารว่า “ข้าพเจ้าเห็นและเป็นพยานยืนยันว่า ท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า” (ยน 1: 34) เราคริสตชนทราบดีว่า ชีวิต การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าคือพื้นฐานแห่งความเชื่อของเรา เราได้ดำเนินชีวิตเหมือนคนที่ได้รับการไถ่และช่วยให้รอดมากน้อยเพียงใดในชีวิตประจำวัน

คริสตชนแต่ละคนเป็น “ผู้รับใช้ของพระเจ้า” และมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้สำเร็จ เราจะต้องทำหน้าที่ของการเป็น “ผู้รับใช้ของพระเจ้า” ให้สมบูรณ์ หากเราต้องการเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า ไม่เพียงที่เราจะรู้ว่าพระองค์เป็นใครสำหรับเรา แต่เราจะต้องสานต่อพันธกิจของพระองค์ในโลกให้สำเร็จสมบูรณ์ ด้วยการเจริญชีวิตตามพระวรสาร ช่วยให้คนอื่นได้รู้ถึงข่าวดีแห่งพระวรสาร กระทั่งยอมรับข่าวดีนี้เป็นส่วนหนึ่งแห่งชีวิตของเขา

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงเป็น “ผู้รับใช้ของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก” พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างส่องโลก พระองค์ต้องการให้เราแต่ละคนได้มีประสบการณ์แห่งการช่วยให้รอดของพระองค์ และเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าที่พระองค์ได้เริ่มต้นขึ้น เพื่อนำทุกคนให้กลับไปหาพระเจ้า พระผู้สร้าง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขา

พันธกิจของพระคริสตเจ้าคือพันธกิจของเรา หน้าที่ของเราไม่เพียงช่วยตัวเองให้รอดไปสวรรค์เท่านั้น แต่เราจะต้องแบ่งปันความเชื่อของเรากับคนอื่น ช่วยพวกเขาให้ได้รู้จักพระเยซูเจ้าและข่าวดีแห่งพระวรสารของพระองค์ เพื่อว่าพวกเขาจะได้มีประสบการณ์ด้วยตนเองเกี่ยวกับความรักของพระเจ้า เราสามารถทำหน้าที่นี้ได้โดยเริ่มจากในบ้านและครอบครัวของเรา ก่อนจะขยายไปสู่บุคคลต่างๆ ในที่ทำงาน และที่เราพบเห็นในแต่ละวัน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
14 มกราคม 2011

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น