วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประเพณีแห่ดาวที่สกลนคร

มีหลายคนที่ยังไม่ทราบประเพณีแห่ดาวที่จังหวัดสกลนครและถามถึงกันมาก จึงขอนำบทความ "ประวัติการแห่ดาวเทศกาลคริสต์มาสของจังหวัดสกลนคร" ที่เคยเผยแพร่ในเว็บไซต์ http://www.genesis.in.th/BioStar2010.php และลงพิมพ์ใน "อุดมสาร" มาลงให้ทราบกันอีกครั้ง เพื่อจะทำให้ผู้คนได้ทราบถึงประเพณีการแห่ดาวนี้มากยิ่งขึ้น
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

 ประวัติการแห่ดาวเทศกาลคริสต์มาส
 ของจังหวัดสกลนคร

ใกล้ถึงวันพระคริสตสมภพ หรือ “วันคริสต์มาส” ของทุกปี เราจะเห็นห้างสรรพสินค้าและร้านรวงต่างๆ ประดับตกแต่งต้นคริสต์มาสด้วยไฟหลากสีระยิบระยับ มีภาพชายแก่หนวดเครายาวสีขาวพุงพุ้ยในชุดสีแดงสดใสพร้อมถุงของขวัญบนล้อเลื่อนมีกวางลากจูง คลอด้วยบทเพลงคริสต์มาสในจังหวะสนุกๆ เพื่อดึงดูดผู้คนที่ผ่านไปมาให้หันมาสนใจและจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าในร้านของตน


          บรรยากาศเช่นนี้มีให้เห็นทั่วไปตามเมืองใหญ่ทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย แต่ในอีกมุมหนึ่งของหมู่บ้านคาทอลิกในภาคอีสานของประเทศไทยดูจะต่างออกไป โดยเฉพาะในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดคือสกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์และมุกดาหาร จะมีบรรยากาศของความสมัครสมานกลมเกลียวแบบพี่น้อง ที่ร่วมแรงร่วมใจกันเตรียมฉลองคริสต์มาสด้วยการทำดาวและถ้ำพระกุมาร ช่วยกันประดับตกแต่งวัดประจำหมู่บ้านให้สวยงาม รวมถึงบ้านเรือนของตนเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติมาของพระเยซูเจ้า ซึ่งพวกเขาได้สืบสานความเชื่อศรัทธานี้มามากกว่า 100 ปีจนกลายเป็นประเพณีในคืนวันที่ 24 ธันวาคม ของทุกปี


การทำดาวและประเพณีแห่ดาวมีความเป็นมาและความหมายอย่างไร นี่คือความมุ่งหมายของบทความนี้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเฉลิมฉลองคริสต์มาสของคริสตชนในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ที่หลายคนอาจไม่เคยได้รับรู้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเพณีแห่ดาวของจังหวัดสกลนครจากทุกหมู่บ้านมากกว่า 200 ดวง ซึ่งกล่าวกันว่ามีเพียงแห่งเดียวในโลก ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมและสืบสานงานประเพณีนี้อย่างถูกต้องและยั่งยืนสืบไป


1. ความหมายและที่มาของการแห่ดาว

คำว่า ดาว พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2545 ได้ให้ความจำกัดความเอาไว้ว่า สิ่งที่เห็นเป็นดวงมีแสงระยิบระยับในท้องฟ้าเวลามืดนอกจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์” นอกนั้นยังเป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่เด่นดังในทางใดทางหนึ่ง ดาวจึงหมายถึง ดวงไฟที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้าในเวลากลางคืนทำให้ท้องฟ้าแลดูสว่างสุกใส ด้วยเหตุนี้จึงอุปมาคนที่มีชื่อเสียงดี มีหน้าตาหล่อเหลาสวยงามและความสามารถโดดเด่น เป็นเหมือนดาวบนฟ้าที่ส่องประกายเจิดจ้ายามค่ำคืน อย่างที่เรียกนักแสดงว่า ดารา


ชาวตะวันออกเชื่อกันว่าทุกคนเกิดมามีดาวประจำตัวโดยเฉพาะบุคคลสำคัญที่มีบุญยาบารมี ดาวประจำตัวจะสว่างสุกใสกว่าปกติสังเกตเห็นได้ง่าย  จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเวลาที่พระเยซูเจ้าประสูติ จะปรากฏดาวประจำพระองค์ให้พวกโหราจารย์หรือนักปราชญ์จากทิศตะวันออกได้เห็น  พวกเขาได้ออกเดินทางตามดาวดวงนั้นไปเพื่อไหว้นมัสการและถวายของขวัญตามที่มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ (มธ 2:1-12) ดังนั้น ดาวในคริสตศาสนาจึงเป็นสัญลักษณ์หมายถึง การบังเกิดมาของพระเยซูเจ้าและเป็นสื่อนำทางพวกโหราจารย์ให้ได้พบกับพระกุมารเยซูในถ้ำเลี้ยงสัตว์ที่เมืองเบธเลเฮม ประเทศปาเลสไตน์



ส่วนประเพณีแห่ดาวในเทศกาลคริสต์มาส มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่เข้าใจว่าคงมีมาตั้งแต่แรกเริ่มที่คริสตศาสนาเข้ามาในภาคอีสานในปี ค.ศ. 1881 (พ.ศ. 2424) โดยการนำของคุณพ่อยอห์น บัปติสต์ โปรดม (Jean PRODHOMME) และคุณพ่อซาเวียร์ เกโก (Xavier GEGO) ธรรมทูตรุ่นบุกเบิกคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (MEP) ที่สอนให้คริสตชนทำดาวประดับวัดในเทศกาลคริสต์มาส ประกอบกับธรรมชาติของคนอีสานที่ร่าเริงสนุกสนานมีงานประเพณีแห่แหนตลอดทั้งปี การประยุกต์ประเพณีทำดาวประดับวัดในเทศกาลคริสต์มาส มาเป็นประเพณีแห่ดาวรอบวัดหรือชุมชนจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย ก่อนจะกลายมาเป็นประเพณีนิยมของทุกวัดที่กระทำกันในคืนวันที่ 24 ธันวาคมของทุกปี


           การทำดาวประดับวัดของหมู่บ้านคาทอลิกในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ก็เหมือนกับการทำถ้ำพระกุมารและการประดับต้นคริสต์มาสของชุมชนคาทอลิกทั่วโลก แต่การทำดาวของวัดต่างๆ ในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงดูจะมีชีวิตชีวาและวิวัฒนาการมากกว่า เห็นได้จากการประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นและวิถีชีวิตของชุมชน จากการทำดาวประดับวัดธรรมดาได้พัฒนาไปเป็นการทำดาวประดับบ้านเรือน การแห่ดาวและการประกวดดาว เพื่อสืบสานความเชื่อศรัทธาอย่างมีสีสัน อันแสดงออกถึงความชื่นชมยินดีของชุมชนตามจิตตารมณ์ของคริสต์มาส

2. ประเพณีแห่ดาวที่สกลนคร

ประเพณีแห่ดาวที่สกลนคร เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องโดยตรงกับพระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน อดีตผู้ปกครองอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงระหว่างปี ค.ศ. 1980-2004 (พ.ศ. 2523-2547) ที่มีความประสงค์จะให้หมู่บ้านคาทอลิกในเขตปกครองได้นำดาวที่ใช้แห่ในคืนวันที่ 24 ธันวาคมเพื่อเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้าในหมู่บ้านของตน มาร่วมแห่อีกครั้งที่ตัวเมืองสกลนครเพื่อสนับสนุนกลุ่มคริสตชนวัดพระหฤทัยฯสกลนครซึ่งยังมีจำนวนน้อยอยู่


           การแห่ดาวที่สกลนครเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) หลังจากพระคุณเจ้าคายน์ แสนพลอ่อน สร้างสำนักมิสซังแห่งใหม่ที่สกลนครและย้ายมาประจำที่สำนักใหม่แล้ว โดยมอบหมายให้ชุมชนท่าแร่ หมู่บ้านคริสตชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและศูนย์กลางของอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง เป็นผู้นำในการทำดาวและประดับประดารถบุษบกถ้ำพระกุมารที่ใช้ในขบวนแห่ โดยเริ่มแห่จากศาลากลางจังหวัดสกลนครไปยังบริเวณโรงเรียนเซนต์ยอแซฟสกลนคร ก่อนที่จะมีพิธีเฉลิมฉลองคริสต์มาส

           เป็นธรรมดาอยู่เองที่การริเริ่มทำสิ่งใหม่ที่ไม่มีใครทำมาก่อน ย่อมมีอุปสรรคปัญหาและความยากลำบาก เช่นเดียวกับการแห่ดาวที่สกลนคร ในปีแรกมีดาวจากหมู่บ้านต่างๆ มาร่วมขบวนแห่จำนวนไม่มาก และไม่ได้รับการยอมรับจากชาวสกลนครเท่าใดนัก รวมถึงผู้ร่วมงานบางคนที่มองว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แต่พระคุณเจ้าคายน์ แสนพลอ่อน ยังคงยืนหยัดที่จะจัดให้มีประเพณีแห่ดาวนี้เรื่อยมาและพยายามปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในแต่ละปี ต่อมาได้จัดให้มีการประกวดดาวทำให้มีจำนวนดาวจากหมู่บ้านต่างๆ มาร่วมแข่งขันและขบวนแห่เพิ่มมากขึ้น

           หลังจากจัดแห่ดาวที่สกลนครติดต่อกันหลายปี ชาวสกลนครจึงเริ่มยอมรับและกล่าวขวัญถึง บางปีไม่ได้จัดที่สกลนครเช่นในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2543) ย้ายไปจัดที่หมู่บ้านท่าแร่เพื่อสมโภชการเปิดปี “ปีติมหาการุญ คริสตศักราช 2000 เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้จัดที่สกลนครทุกปี จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) นายปรานชัย บวรรัตนปราน ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครขณะนั้น ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้บรรจุประเพณีแห่ดาวให้เป็นงานส่งเสริมการท่องเที่ยวงานหนึ่งของจังหวัด เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมและร่วมงานคริสต์มาสที่สกลนคร

3. คุณค่าของประเพณีแห่ดาวในปัจจุบัน


               ปัจจุบัน ประเพณีแห่ดาวเทศกาลคริสต์มาสของอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง เป็นส่วนหนึ่งงานประเพณีประจำจังหวัดสกลนครที่จัดขึ้นในคืนวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี โดยได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ในแต่ละปีจะมีดาวจากหมู่บ้านต่างๆ ทั่วสังฆมณฑลฯ มาร่วมขบวนแห่มากกว่า 200 ดวง แต่ละดวงได้รับการออกแบบตามจินตนาการและประดับตกแต่งด้วยไฟฟ้าอย่างสวยงามตระการตา

               จากงานแห่ดาวธรรมดาที่จัดเพื่อถวายเกียรติแด่พระกุมารเยซู ผู้ประสูติมาในเทศกาลคริสต์มาสและเป็นที่รู้จักในวงแคบในหมู่คริสตชน  ได้กลายมาเป็นประเพณีที่เป็นหน้าตาของจังหวัดและเป็นที่รู้จักในระดับประเทศ ความเชื่อศรัทธาและจิตตารมณ์ของคริสต์มาสที่แสดงออกผ่านประเพณีแห่ดาว ได้รับการโฆษณาและนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ สะท้อนให้เห็นความจริงที่ว่า สิ่งที่ไร้ค่าเปล่าประโยชน์ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง อาจกลายมาเป็นสิ่งที่มีค่าขึ้นมาได้เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน

           หลักปรัชญาที่ว่า ความเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งคือนิรันดร์ ยังคงเป็นจริงอยู่เสมอ เช่นเดียวกับคุณความดีของพระคุณเจ้าคายน์ แสนพลอ่อนที่ได้ริเริ่มประเพณีแห่ดาวนี้ จนกลายมาเป็นงานประเพณีหนึ่งของจังหวัดสกลนครและประเทศไทย ควรอย่างยิ่งที่อนุชนรุ่นหลังจะศึกษาเรียนรู้คุณค่าและบทเรียนต่างๆ เพื่อธำรงส่งเสริมและรักษาไว้สืบไป
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย
15 ธันวาคม 2009

อุดมสาร, ฉบับที่ 1-2 ปีที่ 34, 1-16 (มกราคม) 2010, หน้า 11.

1 ความคิดเห็น: