พฤหัสบดี สัปดาห์ที่
1 เทศกาลธรรมดา |
1 ซมอ 4:1-11 มก 1:40-45 |
โรคเรื้อนเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่สุดพระคัมภีร์
สามารถติดต่อและทำลายบุคคลทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และศาสนา ชาวยิวเชื่อและปฏิบัติต่อคนโรคเรื้อนว่า
“เป็นการลงโทษของพระเจ้า” (ดู ลนต
13:1-2, 45-46) พระวรสารวันนี้
พระเยซูเจ้าซึ่งเป็นผู้ที่พระบิดาเจ้าทรงเจิมและส่งมา ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า
ความรัก ความเมตตากรุณา และความเห็นอกเห็นใจของพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าโรคร้ายนี้
ผู้เป็นโรคเรื้อนละเมิดกฎของโมเสสที่บอกให้เขาอยู่ห่างจากผู้คน
เขามาเฝ้าพระเยซูเจ้าและคุกเข่าลงอ้อนวอนว่า “ถ้าพระองค์พอพระทัย
พระองค์ย่อมสามารถรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” (มก 1:40) นี่เป็นลักษณะของการอธิษฐานภาวนาที่ดี พระเยซูเจ้าทรงสงสาร ตื้นตันพระทัย
ทรงยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขา และตรัสว่า “เราพอใจ จงหายเถิด” (มก 1:41) นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่า โรคเรื้อนมิใช่การลงโทษของพระเจ้า
พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า ความรัก ความเมตตากรุณา
และความเห็นอกเห็นใจมีพลังมากกว่าโรคร้าย พระองค์ทรงรักษาความเจ็บป่วยด้านร่ายกายและจิตใจของเขาได้
และทรงทำให้เราเป็นอิสระจากการเป็นทาสของบาปทางศีลแห่งการคืนดี เราต้องมั่นมาหาพระองค์บ่อย
ๆ เพื่อให้พระองค์ทรงรักษาเรา พระองค์ไม่เพียงอภัยบาปของเรา
แต่ยังทรงรักษาความอ่อนแอของชีวิตฝ่ายจิตของเราด้วย
พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยว่า ไม่มีโรคชนิดไหนทำให้มนุษย์เป็นมลทินที่ต้องถูกตัดขาดไม่ให้ร่วมพิธีทางศาสนา
พระองค์ทรงปลอบใจคนโรคเรื้อนด้วยการสัมผัสเขา ตามกฎของโมเสส
ใครที่สัมผัสคนโรคเรื้อนต้องเป็นมลทินจนถึงเย็น ทรงแสดงความรัก ความเมตตากรุณา และความเห็นอกเห็นใจของพระเจ้าต่อมนุษย์ทุกคนโดยไม่ยกเว้น
เพราะพระองค์เสด็จมาเพื่อตามหาแกะที่ผลัดฝูง และทรงกางพระกรต้อนรับทุกคน
ปัจจุบันโรคที่แพร่ละบาดไม่ใช่โรคเรื้อน
แต่เป็นโรคแห่งความเกียดชัง พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราแต่ละคนทำพันธกิจของพระองค์ ในการสัมผัสและนำทุกคนให้มาเป็นหนึ่งเดียวกันในพระองค์
ศิษย์พระคริสต์ได้รับการเรียกให้เจริญชีวิตความเชื่อในหมู่คณะ
เป็นเครื่องหมายแห่งความรัก ความเมตตากรุณา และความเห็นอกเห็นใจของพระเจ้า เป็นมือของพระองค์ที่พร้อมช่วยเหลือทุกคน
โดยไม่มีใครถูกตัดขาดหรือถูดทอดทิ้ง
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
ID LINE : dondaniele
วัดนักบุญยอแซฟ
ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร
10 มกราคม 2024
ที่มาภาพ : https://fra3.net/rijec-o-rijeci/isus-i-gubavac-594
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น