อำนาจการอภัยบาป
พฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา |
ปฐก 22:1-19 มธ 9:1-8 |
เรื่องพระเจ้าทรงลองใจอับราฮัมให้เผาอิสอัคบุตรชายคนเดียวถวายแด่พระเจ้า
ถือเป็นเรื่องที่รู้จักแพร่หลายที่สุดในหนังสือปฐมกาล นำไปสู่การตีความและการเปรียบเทียบระหว่างอับราฮัมถวายอิสอัค
กับพระบิดาเจ้าที่ถวายพระบุตรของพระองค์บนไม้กางเขน อับราฮัมได้ชื่อว่าเป็น “บิดาแห่งความเชื่อ”
ที่มีความวางใจพระเจ้าอย่างสุดจิตใจโดยปราศจากความสงสัย
และถือเป็นต้นแบบของความเชื่อคริสตชน
เราพบความเชื่อแบบเดียวกันในพระวรสารวันนี้
คนอัมพาตและเพื่อนที่พามาต่างมีความเชื่อ เขาเจาะจงมาหาพระเยซูเจ้าเพราะแน่ใจว่า พระองค์สามารถรักษาให้หายได้
อีกทั้ง เพื่อนของเขาไม่รู้สึกเป็นภาระที่ต้องแบกแคร่มาหาพระองค์
พระวรสารนักบุญมาระโกและนักบุญลูกาได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า คนหามได้เปิดหลังคาและหย่อนแคร่ลงมา
เนื่องจากคนมาก มาเฝ้าพระองค์เข้าทางประตูไม่ได้ ส่วนมัทธิวเน้นเรื่อง “การอภัยบาปของพระเยซูเจ้า”
หลายวันที่ผ่านมาเราได้ยินพระเยซูเจ้าทรงรักษาคนเจ็บป่วย ทรงบังคับลมและทะเล
ทรงขับไล่ปีศาจ และวันนี้ทรงอภัยบาป พระองค์ตรัสกับคนอัมพาตว่า “ทำใจดี ๆ
ไว้เถิด ลูกเอ่ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” (มธ 9:2) ทำให้ธรรมาจารย์บางคนตัดสินว่า พระองค์ดูหมิ่นพระเจ้า
เนื่องจากชาวยิวถือว่า โรคภัยไข้เจ็บที่เขาได้รับเป็นผลมาจากบาปของเขา และอำนาจอภัยบาปเป็นของพระเจ้าเท่านั้น
พระเยซูเจ้าไม่ได้มองคนอัมพาตด้านร่างกายเท่านั้น แต่มองที่จิตใจด้วย
พระองค์ได้ทรงให้อภัยบาปเขา ทรงทราบดีว่า การแสดงออกเช่นนั้นย่อมนำไปสู่ข้อขัดแย้ง
เพราะการอภัยบาปเป็นเรื่องภายในมองไม่เห็น แต่การรักษาร่างกายให้หายมองเห็นได้และง่ายแก่การพิสูจน์
การรักษาฝ่ายกายจึงเป็นหลักฐานชัดแจ้งถึงการรักษาจิตวิญญาณด้วยอำนาจที่พระองค์มี โดยตรัสกับคนอัมพาตว่า
“จงลุกขึ้น แบกแคร่ กลับบ้านเถิด” (มธ 9:6)
พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เป็นว่า พระองค์มีอำนาจอภัยบาป
และได้มอบอำนาจนี้แก่เปโตร บรรดาอัครสาวก และผู้สืบต่อมาในพระศาสนจักร ผ่านทางศาสนบริกรแห่งศีลอภัยบาป
ศิษย์พระคริสต์ต้องเห็นคุณค่าและกลับใจมาหาพระเจ้าผ่านทางศีลอภัยบาปบ่อย ๆ ตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่รักษาเราให้หายจากโรคร้ายฝ่ายวิญญาณ
ประการสำคัญ เราต้องให้อภัยบาปผู้ทำผิดต่อเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร
5 กรกฎาคม 2023
ที่มาภาพ : http://mjdasma.blogspot.com/2020/06/reflection-for-july-2-thursday.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น