วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ความอดทนและการให้โอกาส

 

ความอดทนและการให้โอกาส

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา

ปี A

ปชญ 12: 13, 16-19

รม 8: 26-27

มธ 13: 24-43

บทนำ

มีเรื่องเล่าว่า พระสังฆราชองค์หนึ่งเดินทางไปทวีปยุโรปกับเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ เมื่อขึ้นไปบนเรือพบว่า ต้องพักร่วมห้องกับผู้โดยสารชายคนหนึ่ง หลังจากจัดสำภาระในกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย พระสังฆราชได้ไปหากัปตันเรือ ขอให้ช่วยเก็บสร้อยคอทองคำและของมีค่าในตู้เซฟโดยให้เหตุผลว่า เพื่อนร่วมห้องท่าทางไม่น่าไว้ใจและกลัวเขาจะขโมยของมีค่าของตน

กัปตันเรือยิ้มและบอกกับพระสังฆราชว่า “ด้วยความยินดีครับพระคุณเจ้า ผมจะเก็บรักษาสมบัติของพระคุณเจ้าไว้ให้อย่างดีและปลอดภัย” ไม่นานหลังจากนั้น ชายคนพักร่วมห้องกับพระสังฆราชได้ไปหากัปตันเรือบ้าง และฝากของมีค่าของตนให้กัปตันเรือช่วยเก็บรักษาไว้ ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ เขารู้สึกไม่ไว้ใจพระสังฆราชผู้พักร่วมห้องเดียวกันกับเขา

พระวรสารวันนี้เตือนเราให้รู้จักอดทนและให้โอกาส มองเห็นความดีของกันและกัน ไม่ตัดสินใครว่า ดีหรือไม่ดี น่าไว้ใจหรือไม่น่าไว้ใจ แต่ควรเลียนแบบพระเจ้า ผู้ทรงอดทนและให้โอกาสทุกคน “พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม” (มธ 5:45) โดยทั่วไป เรามักจำแนกสิ่งดีและไม่ดีจากสิ่งปรากฏภายนอก แต่พระเจ้ากลับมองลึกเข้าไปถึงสิ่งที่อยู่ในใจ

1.        ความอดทนและการให้โอกาส

อุปมาเรื่อง “ข้าวละมาน” พระเยซูเจ้าทรงต้องการบอกว่า เราเป็นเนื้อนาของพระเจ้า เป็นดินที่ทรงหว่านเมล็ดพันธุ์ดีให้เจริญเติบโต และเป็นหมู่คณะที่ทรงเจิมด้วยพระจิตเจ้า อุปมาได้แสดงให้เห็นความอดทนและพระทัยเมตตาของพระเจ้า ทรงปล่อยให้คนดีกับคนไม่ดีอยู่ด้วยกันในโลก เพื่อให้โอกาสคนไม่ดีได้กลับใจก่อนถึงวาระสุดท้ายและรับการลงโทษ “จงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว” (มธ 14:30)

พระเจ้าทรงเรียกร้องให้เราอดทนต่อความผิดพลาดของกันและกัน ไม่มองใครว่าเป็นคนชั่ว เป็นวัชพืชที่ต้องกำจัดทิ้ง เพราะในความเป็นจริงเราเองมีทั้งความดีและความไม่ดี นักบุญเปาโลเป็นผู้ตระหนักถึงธรรมชาติของความดีและความชั่วในตัวท่าน “เมื่อใดข้าพเจ้าอยากทำดี เมื่อนั้นความชั่วก็มาอยู่ใกล้ข้าพเจ้าเสมอ...” (รม 7:21-25) และตระหนักว่า ในความอ่อนแอมีความช่วยเหลือ “พระหรรษทานของเราเพียงพอสำหรับท่าน” (2 คร 12:9)

ประการสำคัญ เวลาแห่งการพิพากษายังมาไม่ถึง เป็นเวลาแห่งการกลับใจเปลี่ยนแปลงตนเอง แต่จะถึงเวลาเก็บเกี่ยว แยกข้าวละมานออกจากข้าวพันธุ์ดี แยกปลาดีจากปลาเน่าเสีย (มธ 13:47-50) แยกแกะออกจากแพะ (มธ 25:31-46) การเก็บเกี่ยวเป็นหน้าที่ของพระเจ้าไม่ใช่หน้าที่เรา แต่เราควรร่วมมือกับพระหรรษทานของพระองค์ ในการกำจัดข้าวละมานแห่งความเห็นแก่ตัว ความโลภ ความอิจฉาริษยา และความเกลียดชังให้ออกไปจากใจเรา

2.        บทเรียนสำหรับเรา

อุปมาเรื่องข้าวละมานได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องมีความอดทน โดยเฉพาะต่อความอ่อนแอและข้อบกพร่องของกันและกัน เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบและดีพร้อม เราต้องมีทัศนะเชิงบวกในการมองสิ่งต่าง ๆ เข้าทำนอง “ในชั่วมีดี ในดีมีชั่ว” อีกทั้ง ปฏิบัติต่อกันด้วยความรัก ความเมตตา การให้อภัยและไม่ซ้ำเติมใคร มีแต่สิ่งนี้เท่านั้นสามารถช่วยพี่น้องผู้ผิดหลงให้หันกลับมาเดินในหนทางถูกต้อง ผ่านทางแบบอย่างดีและการอธิษฐานภาวนาด้วยความร้อนรนเพื่อเขา

ประการที่สอง เราต้องไม่ตัดสินคนอื่นโดยเบาความ การตัดสินเป็นหน้าที่ของพระเจ้า สิ่งเราควรทำคือมองดูชีวิตของตน พิจารณาความผิดบกพร่องต่าง ๆ ที่ได้ทำ สำนึกผิดและกลับมาหาพระเจ้า ผู้ที่เราควรตัดสินไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นตัวเรา โดยทั่วไปเรามักมองข้ามความผิดของตนเอง แต่กลับมองเห็นแต่ความผิดของคนอื่น ดังคำกล่าว “ความผิดของคนอื่นมองเห็นเท่าขุนเขา ความผิดของตนเล่ามองเห็นเท่าเส้นขน”

ประการที่สาม เราต้องให้โอกาสคนทำผิด เจ้าของสวนปล่อยให้ข้าวพันธุ์ดีและข้าวละมานเจริญเติบโตด้วยกัน แสดงถึงพระทัยเมตตาของพระเจ้าผู้ทรงอดทนและให้โอกาสคนบาปเสมอ พระเยซูเจ้าไม่ได้กำจัดยูดาสและเปโตรออกไป ทั้ง ๆ ที่ทราบล่วงหน้าว่า คนหนึ่งจะทรยศและอีกคนจะปฏิเสธพระองค์ ตรงข้ามทรงให้โอกาส ความรักไม่มีเงื่อนไขและการให้อภัยไม่สิ้นสุดของพระองค์ ได้เปลี่ยนเปโตรให้กลายเป็นเสาหลักของพระศาสนจักร เราต้องดำเนินชีวิตในความรักและการให้อภัยตามแบบอย่างของพระองค์

บทสรุป

พี่น้องที่รัก อุปมาเรื่องข้าวละมานที่พระเยซูเจ้าทรงเล่า สอนเราเกี่ยวกับธรรมล้ำลึกแห่งพระอาณาจักรสวรรค์ พระองค์ตรัสถึงการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเล็กที่สุด กลายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ ประการสำคัญ พระเจ้าผู้หว่านเมล็ดพันธุ์ดีได้อนุญาตให้ข้าวละมานเจริญเติบโตขึ้นด้วยกัน ทรงอดทนและให้โอกาสทุกคน จนถึงเวลาเก็บเกี่ยวทรงปฏิบัติต่อคนดีและคนไม่ดีตามความประพฤติของเขา

คริสตชนได้รับการเรียกให้เป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า เลียนแบบความอดทนและการให้โอกาสของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน ศิษย์พระคริสต์ต้องอดทนต่อความผิดบกพร่องของกันและกัน ไม่ตัดสินคนอื่นโดยเบาความ และให้โอกาสคนทำผิดได้ปรับปรุงแก้ไขตนเอง บนพื้นฐานแห่งความรักไม่มีเงื่อนไขและการให้อภัยไม่สิ้นสุด ตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้าพระอาจารย์ของเรา

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

khuanthinwan@gmail.com

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

22 กรกฎาคม 2023

ภาพ : นาข้าว. San Giorgio, Lombardy, Italy; 2008-8-22

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น