ดินดีที่เกิดผล
ศุกร์ สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา |
อพย 20:1-17 มธ 13:18-23 |
พระเยซูเจ้าทรงสอนด้วยอุปมา แต่มิได้อธิบายอุปมาทุกเรื่อง
นอกจากอุปมาเรื่อง “ผู้หว่าน” พระวรสารวันนี้พระองค์ทรงบอกชัดเจนว่า เมล็ดพืช
ได้แก่ พระวาจา พระประสงค์ หรือบทบัญญัติของพระเจ้า และดินคือใจของมนุษย์
คำอธิบายได้เน้นถึงชนิดของใจหลายประเภทที่ปฏิเสธพระวาจาพระเจ้า ในความเป็นจริง
เราแต่ละคนคือตัวแทนของดินสี่ชนิดที่แตกต่างกัน
1) ดินตามทางเดิน หมายถึง “ใจที่แข็งกระด้าง” หัวใจปิดสนิท
ความจริงไม่สามารถทะลุเข้าไปได้ เป็นใจที่มองพระวาจา หรือบทบัญญัติเป็นสิ่งไร้เหตุผล
ตกยุค และล้าสมัย ค่านิยมของโลกได้ขโมยพระวาจาไปจากใจคนประเภทนี้
2) ดินบนหิน หมายถึง “ใจที่มีความเชื่อตื้นเขิน”
เหมือนดินปกคลุมพื้นหิน เมล็ดพืชไม่สามารถหยั่งรากลึกได้และเหี่ยวเฉาไปเมื่อแดดจัด
คนจำนวนมากเป็นเช่นนี้ เป็นคริสตชนแต่ในทะเบียนบ้าน มาวัดเพื่อให้เหมือนคนอื่น
เมื่อเผชิญปัญหา หรือความยากลำบากได้ละทิ้งไป
3) ดินในกอหนาม หมายถึง “ใจที่หมกมุ่นกับหลายสิ่ง”
ไม่มีเวลามาวัด อ่านพระคัมภีร์ หรืออยู่เงียบ ๆ กับพระเจ้า
การปล่อยตัวตามความสะดวกสบายและลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ ทำให้จิตใจถูกครอบงำ ไม่สามารถอุทิศตัวเพื่อพระเจ้าได้
เช่น ยูดาสที่เอาชนะความโลภในใจไม่ได้
4) ดินดี หมายถึง “ใจที่เปิดกว้าง” พร้อมรับฟังพระวาจาอย่างข้าใจ
และนำมาปฏิบัติในชีวิตด้วยความร้อนรน จนเกิดผลในจิตใจและเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างแท้จริง
เราเป็นดินแบบไหนในสี่ชนิดนี้ พระวาจาพระเจ้าต้องช่วยเราให้พบพระเยซูเจ้า
พร้อมติดตามพระองค์แม้ในห้วงเวลาแห่งความยากลำบาก กล้าหันหลังให้บาปและความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติที่ครอบงำจิตใจ
ด้วยการกลับใจมาหาพระเจ้า ให้พระองค์พรวนดินรดน้ำดินที่แข็งให้ร่วนซุย
ขุดหินขึ้นมา และตัดหนามทิ้งไป เพื่อทำให้ใจเรากลายเป็นเนื้อดินดีและเกิดผลร้อยเท่า
คริสตชนไม่เพียงมาวัดฟังพระวาจาพระเจ้าสัปดาห์ละครั้ง
แต่ต้องตอบสนองด้วยหัวใจทั้งครบ เจริญชีวิตตามพระประสงค์ รำพึงถึงพลังและความหมายของพระวาจา และนำไปปฏิบัติ
ศิษย์พระคริสต์ต้องเป็นดินดีที่เกิดผล ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาหยั่งรากลึก
เติบโตอย่างมั่นคง และเกิดผลอย่างสมบูรณ์ ผ่านทางแบบอย่างชีวิตดีงาม ในความรัก ความเมตตากรุณา การให้อภัย
และการแบ่งปันสิ่งที่มีกับผู้ทุกข์จน
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร
27 กรกฎาคม 2023
เครดิตภาพ : Adisorn Khiaopo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น