พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์
25
ธันวาคม สมโภชพระคริสตสมภพ (มิสซากลางวัน) |
อสย 52:7-10 ฮบ 1:1-6 ยน 1:1-5, 9-14 |
บทนำ
ทั่วโลกเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระกุมารเยซูอย่างยิ่งใหญ่
ในฐานะของขวัญสุดประเสริฐจากพระเจ้า
ทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ที่เสด็จมาในโลกเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด พระวรสารนักบุญยอห์นเน้นพระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์
ยอห์นได้ไตร่ตรองด้วยสายตาของศิษย์ที่ทรงรัก มองดูคำเทศน์สอน และภารกิจทั้งหมดของพระเยซูเจ้า
เพื่อบอกให้ทราบว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็น บทบัญญัติใหม่ โมเสสคนใหม่ พระวิหารใหม่
และ ปัสกาใหม่ สำหรับชาวยิว
นักบุญยอห์นต้องการให้ความกระจ่างว่า
พระเยซูเจ้าบุตรของพระเจ้า ไม่ทรงเป็นเหมือนสิ่งสร้างทุกชนิดในจักรวาลที่เกิดในเวลา
มีจุดเริ่มต้น แต่พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่ง และมีบทบาทสำคัญในการสร้างของพระเจ้า
ยอห์นได้ประกาศว่า การรับธรรมชาติมนุษย์ขององค์พระเจ้าเป็นความจริงพื้นฐานที่สุดในคริสตศาสนา
โดยมีจุดกำเนิดที่นิรันดรภาพของพระเจ้า
พระวรสารนักบุญยอห์นทำให้เราทราบตั้งแต่ต้นว่า
พระเยซูเจ้าเป็นใคร และเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูเจ้ากับพระเจ้า
พระวจนาตถ์คือพระวาจา (Logos)
เป็นพระวาจาของพระเจ้าที่ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และมาประทับท่ามกลางเรา นักบุญยอห์นไม่มีเรื่องเล่าการบังเกิด
แต่ย้อนกลับไปถึงการเริ่มต้นของทุกสิ่ง “เมื่อแรกเริ่มนั้น
พระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า”
(ยน 1:1)
1.
พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์
การกล่าวซ้ำ “พระวจนาตถ์” สามครั้งของนักบุญยอห์น เพื่อเน้นและทำให้เราทราบทันทีตั้งแต่เริ่มต้นว่า
พระเยซูเจ้าเป็นใคร “พระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว
พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระวาจา
ทรงดำรงอยู่แล้ว ประทับอยู่กับพระเจ้า และทรงเป็นพระเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม
ดังนั้นเราทราบตั้งแต่เริ่มต้นพระวรสารข้อแรกของนักบุญยอห์นว่า พระเยซูเจ้าเป็นใคร
นักบุญยอห์นได้ชี้ให้เห็นว่า กุมารที่เกิดในรางหญ้าเป็นพระเจ้า
และพระผู้สร้าง พระเยซูเจ้าทรงเป็นอยู่กับพระเจ้าตั้งแต่นิรันดรก่อนทรงเนรมิตสร้างโลก
และทรงเป็นศูนย์รวมของสรรพสิ่ง “พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งอาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มีสักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรงสร้างโดยทางพระวจนาตถ์”
(ยน 1:3) การสร้างเพียงแค่พระองค์ตรัส ทุกอย่างก็เกิดขึ้น ทุกสิ่งเป็นขึ้นมาได้เพราะพระวจนาตถ์
หรือพระวาจา ทุกอย่างมาจากพระวาจาของพระเยซูเจ้า
นักบุญยอห์นบอกเราว่า “ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิตเป็นแสงสว่างสำหรับมนุษย์” (ยน 1:4) พระเยซูเจ้าทรงเป็นชีวิต
เมื่อเราฉลองคริสต์มาสเราต้องทำให้การบังเกิดของพระเยซูเจ้ากลายเป็นชีวิตของเรา
เพราะพระองค์ทรงเป็นชีวิต และเป็นแสงสว่างสำหรับมนุษย์ หากเราอยากมีชีวิตแท้ต้องเชื่อในพระองค์
และดำเนินชีวิตเป็นแสงสว่างสำหรับผู้อื่น เมื่อมีชีวิตอยู่ในพระองค์ชีวิตเราย่อมมีความสุข
ไม่มืดมน การรู้จักพระเยซูเจ้าคือการมีชีวิต
พระกุมารทรงเป็น “แสงสว่างส่องในความมืดและความมืดกลืนแสงสว่างนั้นไม่ได้” (ยน
1:5) ไม่มีทางที่ความมืดซึ่งหมายถึงความชั่วร้ายและอำนาจของความชั่วร้ายจะอยู่เหนือความสว่าง
เราฉลองคริสต์มาสในยามค่ำคืน เพื่อให้เราได้ตระหนักว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่าง และเราต้องดำเนินชีวิตเป็นแสงสว่างเช่นเดียวกับพระองค์
ไม่เดินในความมืด แต่เดินในความสว่าง ในความถูกต้องชอบธรรม
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเรา
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตหลายประการ
ประการแรก เราต้องเชื่อในพระวจนาตถ์ พระวจนาตถ์ผู้ทรงดำรงอยู่แล้ว ประทับอยู่กับพระเจ้า และทรงเป็นพระเจ้า เราต้องดำเนินชีวิตเยี่ยงผู้มีพระวจนาตถ์ดำรงอยู่และประทับอยู่อย่างแท้จริง
ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ คำพูดของเราต้องสะท้อนให้เห็นถึงความรัก
ความใจดีมีเมตตาขององค์พระเจ้า ดำเนินชีวิตในความถูกต้องชอบธรรม ชีวิตของเราต้องเป็นไฟส่องสว่างและเป็นแสงแห่งความหวังสำหรับทุกคน
ประการที่สอง เราต้องแบ่งปันพระวจนาตถ์กับผู้อื่น การฉลองคริสต์มาส
ไม่ใช่การฉลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตเมื่อสองพันปีก่อนและผ่านไป
แต่เป็นการฉลองการบังเกิดขององค์พระเจ้า ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ สามารถมองเห็นได้
และประทับอยู่ท่ามกลางเรา เป็นต้น ในเพื่อนมนุษย์ที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ “แม้พระเยซูเจ้าบังเกิดที่เบธเลเฮมเป็นพันครั้ง
แต่ไม่มีประโยชน์อะไรหากพระองค์ไม่ได้บังเกิดในใจของเรา” (Angelus Silesius)
ประการที่สาม
เราต้องเดินในแสงสว่างของพระวจนาตถ์ พระวจนาตถ์ที่ประทับท่ามกลางเราเป็นแสงสว่างแท้
ทรงขับไล่ความมืดและขจัดความขุ่นมัวให้หมดสิ้นไป เราต้องเดินในแสงสว่างของพระองค์
กลับใจเปลี่ยนแปลงตนเองหันกลับมาหาพระเจ้า ดำเนินชีวิตในความถูกต้องชอบธรรม
ปฏิบัติตามบทบัญญัติ และคำสอนของพระองค์ในชีวิตประจำวัน
ชีวิตของเราต้องเป็นไฟส่องสว่างและเป็นแสงแห่งความหวังสำหรับทุกคน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก คริสต์มาสต้องเป็นเวลาที่ความคิด กิจการ และชีวิตของเราประกาศถึงการประทับอยู่ของพระวจนาตถ์ เราไม่เพียงประดับไฟบนต้นคริสต์มาส หรือบ้านเรือน แต่ต้องประดับใจของเราด้วยไฟแห่งความรัก
ดำเนินชีวิตเป็นไฟส่องสว่าง และเป็นแสงแห่งความหวังสำหรับทุกคน “สันติสุขในโลกจะบังเกิดขึ้น
เมื่อเราดำเนินชีวิตคริสต์มาสทุกวัน” (Helen
Steiner Rice) ในความรักและแบ่งปันสิ่งที่มีกับผู้อื่น
คริสตชนต้องตระหนักว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระวจนาตถ์ เป็นแสงสว่างแห่งชีวิต และประทับท่ามกลางเรา ด้วยการดำเนินชีวิตเป็นพยานถึงแสงสว่าง และตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตเยี่ยงผู้มีพระวจนาตถ์ดำรงอยู่และประทับอยู่อย่างแท้จริง ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ ปฏิบัติตามและเป็นพยานถึงพระวจนาตถ์ในชีวิตประจำวัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
https://dondaniele.blogspot.com/
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน
ดอนม่วย, สกลนคร
24 ธันวาคม 2020
ภาพ : ถ้ำพระกุมาร, วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร; 2020-12-24
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น