วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563

พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์

 


พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์

25 ธันวาคม

สมโภชพระคริสตสมภพ

(มิสซากลางวัน)

อสย 52:7-10

ฮบ 1:1-6

ยน 1:1-5, 9-14

บทนำ

ทั่วโลกเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระกุมารเยซูอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะของขวัญสุดประเสริฐจากพระเจ้า ทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ที่เสด็จมาในโลกเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด พระวรสารนักบุญยอห์นเน้นพระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ ยอห์นได้ไตร่ตรองด้วยสายตาของศิษย์ที่ทรงรัก มองดูคำเทศน์สอน และภารกิจทั้งหมดของพระเยซูเจ้า เพื่อบอกให้ทราบว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็น บทบัญญัติใหม่ โมเสสคนใหม่ พระวิหารใหม่ และ ปัสกาใหม่ สำหรับชาวยิว

นักบุญยอห์นต้องการให้ความกระจ่างว่า พระเยซูเจ้าบุตรของพระเจ้า ไม่ทรงเป็นเหมือนสิ่งสร้างทุกชนิดในจักรวาลที่เกิดในเวลา มีจุดเริ่มต้น แต่พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่ง และมีบทบาทสำคัญในการสร้างของพระเจ้า ยอห์นได้ประกาศว่า การรับธรรมชาติมนุษย์ขององค์พระเจ้าเป็นความจริงพื้นฐานที่สุดในคริสตศาสนา โดยมีจุดกำเนิดที่นิรันดรภาพของพระเจ้า

พระวรสารนักบุญยอห์นทำให้เราทราบตั้งแต่ต้นว่า พระเยซูเจ้าเป็นใคร และเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูเจ้ากับพระเจ้า พระวจนาตถ์คือพระวาจา (Logos) เป็นพระวาจาของพระเจ้าที่ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และมาประทับท่ามกลางเรา นักบุญยอห์นไม่มีเรื่องเล่าการบังเกิด แต่ย้อนกลับไปถึงการเริ่มต้นของทุกสิ่ง เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า” (ยน 1:1)

1.        พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์

การกล่าวซ้ำ “พระวจนาตถ์” สามครั้งของนักบุญยอห์น เพื่อเน้นและทำให้เราทราบทันทีตั้งแต่เริ่มต้นว่า พระเยซูเจ้าเป็นใคร “พระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระวาจา ทรงดำรงอยู่แล้ว ประทับอยู่กับพระเจ้า และทรงเป็นพระเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นเราทราบตั้งแต่เริ่มต้นพระวรสารข้อแรกของนักบุญยอห์นว่า พระเยซูเจ้าเป็นใคร

นักบุญยอห์นได้ชี้ให้เห็นว่า กุมารที่เกิดในรางหญ้าเป็นพระเจ้า และพระผู้สร้าง พระเยซูเจ้าทรงเป็นอยู่กับพระเจ้าตั้งแต่นิรันดรก่อนทรงเนรมิตสร้างโลก และทรงเป็นศูนย์รวมของสรรพสิ่ง พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งอาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มีสักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรงสร้างโดยทางพระวจนาตถ์” (ยน 1:3) การสร้างเพียงแค่พระองค์ตรัส ทุกอย่างก็เกิดขึ้น ทุกสิ่งเป็นขึ้นมาได้เพราะพระวจนาตถ์ หรือพระวาจา ทุกอย่างมาจากพระวาจาของพระเยซูเจ้า

นักบุญยอห์นบอกเราว่า “ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิตเป็นแสงสว่างสำหรับมนุษย์(ยน 1:4)  พระเยซูเจ้าทรงเป็นชีวิต เมื่อเราฉลองคริสต์มาสเราต้องทำให้การบังเกิดของพระเยซูเจ้ากลายเป็นชีวิตของเรา เพราะพระองค์ทรงเป็นชีวิต และเป็นแสงสว่างสำหรับมนุษย์ หากเราอยากมีชีวิตแท้ต้องเชื่อในพระองค์ และดำเนินชีวิตเป็นแสงสว่างสำหรับผู้อื่น เมื่อมีชีวิตอยู่ในพระองค์ชีวิตเราย่อมมีความสุข ไม่มืดมน การรู้จักพระเยซูเจ้าคือการมีชีวิต

พระกุมารทรงเป็น “แสงสว่างส่องในความมืดและความมืดกลืนแสงสว่างนั้นไม่ได้” (ยน 1:5)  ไม่มีทางที่ความมืดซึ่งหมายถึงความชั่วร้ายและอำนาจของความชั่วร้ายจะอยู่เหนือความสว่าง เราฉลองคริสต์มาสในยามค่ำคืน เพื่อให้เราได้ตระหนักว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่าง และเราต้องดำเนินชีวิตเป็นแสงสว่างเช่นเดียวกับพระองค์ ไม่เดินในความมืด แต่เดินในความสว่าง ในความถูกต้องชอบธรรม

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเรา ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตหลายประการ

ประการแรก เราต้องเชื่อในพระวจนาตถ์ พระวจนาตถ์ผู้ทรงดำรงอยู่แล้ว ประทับอยู่กับพระเจ้า และทรงเป็นพระเจ้า เราต้องดำเนินชีวิตเยี่ยงผู้มีพระวจนาตถ์ดำรงอยู่และประทับอยู่อย่างแท้จริง ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ คำพูดของเราต้องสะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความใจดีมีเมตตาขององค์พระเจ้า ดำเนินชีวิตในความถูกต้องชอบธรรม ชีวิตของเราต้องเป็นไฟส่องสว่างและเป็นแสงแห่งความหวังสำหรับทุกคน

ประการที่สอง เราต้องแบ่งปันพระวจนาตถ์กับผู้อื่น การฉลองคริสต์มาส ไม่ใช่การฉลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตเมื่อสองพันปีก่อนและผ่านไป แต่เป็นการฉลองการบังเกิดขององค์พระเจ้า ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ สามารถมองเห็นได้ และประทับอยู่ท่ามกลางเรา เป็นต้น ในเพื่อนมนุษย์ที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ “แม้พระเยซูเจ้าบังเกิดที่เบธเลเฮมเป็นพันครั้ง แต่ไม่มีประโยชน์อะไรหากพระองค์ไม่ได้บังเกิดในใจของเรา” (Angelus Silesius)

ประการที่สาม เราต้องเดินในแสงสว่างของพระวจนาตถ์ พระวจนาตถ์ที่ประทับท่ามกลางเราเป็นแสงสว่างแท้ ทรงขับไล่ความมืดและขจัดความขุ่นมัวให้หมดสิ้นไป เราต้องเดินในแสงสว่างของพระองค์ กลับใจเปลี่ยนแปลงตนเองหันกลับมาหาพระเจ้า ดำเนินชีวิตในความถูกต้องชอบธรรม ปฏิบัติตามบทบัญญัติ และคำสอนของพระองค์ในชีวิตประจำวัน ชีวิตของเราต้องเป็นไฟส่องสว่างและเป็นแสงแห่งความหวังสำหรับทุกคน

บทสรุป

พี่น้องที่รัก คริสต์มาสต้องเป็นเวลาที่ความคิด กิจการ และชีวิตของเราประกาศถึงการประทับอยู่ของพระวจนาตถ์ เราไม่เพียงประดับไฟบนต้นคริสต์มาส หรือบ้านเรือน แต่ต้องประดับใจของเราด้วยไฟแห่งความรัก ดำเนินชีวิตเป็นไฟส่องสว่าง และเป็นแสงแห่งความหวังสำหรับทุกคน สันติสุขในโลกจะบังเกิดขึ้น เมื่อเราดำเนินชีวิตคริสต์มาสทุกวัน” (Helen Steiner Rice) ในความรักและแบ่งปันสิ่งที่มีกับผู้อื่น

คริสตชนต้องตระหนักว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระวจนาตถ์ เป็นแสงสว่างแห่งชีวิต และประทับท่ามกลางเรา ด้วยการดำเนินชีวิตเป็นพยานถึงแสงสว่าง และตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตเยี่ยงผู้มีพระวจนาตถ์ดำรงอยู่และประทับอยู่อย่างแท้จริง ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ ปฏิบัติตามและเป็นพยานถึงพระวจนาตถ์ในชีวิตประจำวัน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

https://dondaniele.blogspot.com/

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

24 ธันวาคม 2020

ภาพ : ถ้ำพระกุมาร, วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร; 2020-12-24

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น