อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B |
อสย 61:1-2ก; 10-11 1 ธส 5:16-24 ยน 1:6-8,
19-28 |
บทนำ
อารามแห่งหนึ่งประสบภาวะวิกฤตหนัก
สมาชิกลาออก ไม่มีคนมาทำบุญ ขอคำภาวนา หรือคำแนะนำเหมือนในอดีต สมาชิกที่เหลืออยู่ล้วนสูงอายุและมีความสัมพันธ์เย็นชาต่อกัน
เมื่อทราบข่าวว่า มีฤาษีผู้ศักดิ์สิทธิ์มาอาศัยในป่าไม่ไกลจากอาราม
อธิการได้รีบรุดไปขอคำแนะนำ เพื่อฟื้นฟูอารามให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้บอกอธิการว่า “สมาชิกคนหนึ่งในอารามคือพระเยซูเจ้า
แต่พระองค์ดำเนินชีวิตในแบบที่ไม่มีใครรู้จัก”
หลังจากได้ทราบความจริง
อธิการได้รีบกลับอารามเรียกประชุมหมู่คณะและกล่าวกับทุกคนถึงสิ่งที่ผู้ศักดิ์สิทธิ์บอกให้ทราบ
สมาชิกแต่ละคนต่างมองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อ และพิจารณาดูว่า ใครในพวกเขาเป็นพระเยซูเจ้า
ต่างพูดกันว่าคนนี้ไม่น่าใช่ คนโน้นยิ่งไปกันใหญ่ ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา
อธิการได้เตือนพวกเขาว่า พระเยซูเจ้าอาจซ่อนพระองค์ หรือดำเนินชีวิตในรูปของคนไม่เอาไหน
ทำให้ทุกคนแน่ใจว่าต้องเป็นคนใดคนหนึ่งที่มิใช่ตนเอง
นับแต่นั้นเป็นต้นมา
สมาชิกในคณะต่างปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพและความสุภาพ
เพราะผู้ที่ตนเองกำลังคุยด้วยอาจเป็นพระเยซูเจ้า พวกเขาแสดงออกต่อกันด้วยความรักมากกว่าเดิม
ดำเนินชีวิตแบบพี่น้องด้วยความจริงใจและอธิษฐานภาวนาด้วยความร้อนรน
ไม่นานสัตบุรุษสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ได้พากันกลับมาใช้บริการ
มีผู้สนใจเข้าอาราม และกระแสเรียกเพิ่มมากขึ้น เพราะแต่ละคนตระหนักว่า พระเยซูเจ้าประทับอยู่ในหมู่พวกเขา
1.
พระคริสต์ประทับท่ามกลางเรา
เมื่อพวกโรมันยึดครองดินแดนปาเลสไตน์
ชาวยิวต่างรอคอยผู้นำทางการเมืองและศาสนาที่เข้มแข็ง
เพื่อไถ่กู้และปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ
การมาของผู้นำที่เป็นทั้งผู้ไถ่กู้และผู้ปลดปล่อย ได้รับการกล่าวถึงล่วงหน้าจากบรรดาประกาศก
เมื่อยอห์น บัปติสต์เริ่มงานในถิ่นทุรกันดาร ได้กลายเป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนอย่างรวดเร็ว
และทำให้มีผู้ส่งคนไปถามยอห์นว่า “ท่านเป็นใครเล่า” (ยน 1:19)
ยอห์นได้บอกประชาชนว่า
ท่านไม่ใช่แสงสว่าง แต่เป็นพยานถึงแสงสว่างแท้จริง
ยอห์นยืนยันว่าท่านไม่ใช่พระคริสตเจ้า ไม่ใช่เอลียาห์ และไม่ใช่ประกาศก แต่เป็นเสียงร้องในถิ่นทุรกันดาร
(ยน 1:20-23) ชี้บอกคนมาหาให้เตรียมต้อนรับองค์พระเจ้า
ประกอบพิธีล้างด้วยน้ำเพื่อเตือนให้ระลึกถึงการกลับใจและการให้อภัยบาปของพระเจ้า ในเวลาเดียวกันยอห์นได้เป็นพยานด้วยความสุภาพถ่อมตน
สำนึกว่า ตนเองไม่คู่ควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของพระองค์
ยอห์นได้ประกาศข่าวสำคัญแก่ชาวยิว
ซึ่งกำลังรอคอยผู้ไถ่กู้ด้วยความกระวนกระวายว่า “แต่มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่พวกท่าน
เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก” (ยน 1:26) เหตุผลที่ทำให้ผู้คนในสมัยพระเยซูเจ้าไม่รู้จักพระองค์
เพราะพวกเขาต่างคิดว่า พระคริสต์เสด็จจากสวรรค์ด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้า
และสถาปนาอาณาจักรของพระองค์ด้วยการทำลายศัตรูของชนชาติอิสราเอลให้พินาศ
เมื่อพระองค์เสด็จมาบังเกิดอย่างยากจนพวกเขาจึงไม่รู้จักพระองค์
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้และการเป็นพยานของยอห์น
บัปติสต์ ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการเตรียมฉลองการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า
ประการแรก เราต้องเป็นพยานแห่งแสงสว่าง เมื่อถูกถามว่า ท่านเป็นใคร
ยอห์นสำนึกว่า ท่านเป็นพยานแห่งแสงสว่าง ผู้เตรียมทางสำหรับองค์พระเจ้า
แล้วเราละเป็นใคร เราต้องเป็นพยานแห่งแสงสว่างของพระเจ้าที่เราเชื่อและติดตามเช่นเดียวกัน
เราต้องรักกระแสเรียกการเป็นผู้นำสารของพระเยซูเจ้าไปสู่ผู้อื่นในโลก นี่คือ
พันธกิจของพระศาสนจักรและหน้าที่ของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยาน
ด้วยการเป็นตัวอย่างดีแก่กัน
ประการที่สอง เราต้องชี้ไปที่พระเยซูเจ้า ยอห์นไม่พูดถึงตัวท่านเองเลย
แต่ชี้ไปที่พระเยซูเจ้า ตระหนักในความต่ำต้อยของตน “พระองค์จะต้องทรงยิ่งใหญ่ขึ้น
ส่วนข้าพเจ้าจะต้องด้วยลง” (ยน 3:30)
ท่านได้ทำหน้าที่โดยไม่หวังประโยชน์อะไร นอกจากพระเยซูเจ้า เราต้องไม่ชี้ไปที่ตัวเอง
หรือสำคัญผิดว่า เราคือความถูกต้องและสำคัญที่สุด แต่ต้องชี้ไปที่พระเยซูเจ้า
พระองค์ต้องทรงยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา ดำเนินชีวิตเป็นเครื่องมือที่ดีของพระองค์
ประการที่สาม
เราต้องแสวงหาพระเยซูเจ้า
ยอห์นยืนยันว่า พระคริสต์เสด็จมาแล้ว ประทับอยู่ท่ามกลางเราและเป็นผู้ที่เราไม่รู้จัก
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ซ่อนเร้น บ่อยครั้งการประทับอยู่ของพระองค์
อยู่เหนือการรับรู้และความเข้าใจของเรา เราต้องจำพระองค์ให้ได้
เป็นต้นในคนต่ำต้อยด้อยค่าและต้องการความช่วยเหลือ นั่นคือ พระคริสต์ที่ประทับท่ามกลางเรา
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้าวันนี้บอกเราชัดเจนว่า พระเยซูเจ้าได้เสด็จมาในโลกแล้ว
ทรงต้องการให้เราเป็นประจักษ์พยานถึงการประทับอยู่ของพระองค์กับทุกคนในโลก
ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำของเรา เพื่อว่าคนอื่นทั้งหลายจะได้ทราบถึงข่าวน่ายินดีแห่งการเสด็จมาของพระองค์
โดยเริ่มจากบุคคลที่อยู่รอบข้างเราก่อน เช่น ที่บ้านหรือที่ทำงาน
ก่อนขยายไปสู่ผู้อื่นที่เราพบ
พระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่างแท้จริงแห่งชีวิตคริสตชน
เราต้องมองเห็นพระองค์ในเพื่อนพี่น้องที่ต่ำต้อยและต้องการความช่วยเหลือ
ทรงเป็นผู้ทำให้ชีวิตของเรามีคุณค่าและความหมาย ศิษย์พระคริสต์ต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าท่ามกลางเรา
ดำเนินชีวิตเป็นแสงสว่างถึงพระองค์ในชีวิตประจำวัน บนพื้นฐานแห่งความรักต่อกัน
การรับใช้ซึ่งกันและกัน และการให้อภัยกันด้วยใจกว้าง
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
https://dondaniele.blogspot.com/
ของขวัญสุดประเสริฐ ความชื่นชมยินดีแห่งการบังเกิด, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562), หน้า 55-58.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น