วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2560

การปฏิบัติต่อพี่น้องที่ทำผิด

การปฏิบัติต่อพี่น้องที่ทำผิด
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา
ปี A
อสค 33:7-9
รม 13:8-10
มธ 18:15-20
บทนำ
ในโบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่งของหมู่บ้าน เด็กช่วยมิสซาคนหนึ่งซึ่งช่วยมิสซาวันอาทิตย์ได้ทำเหล้าองุ่นหกโดยไม่ตั้งใจ พระสงฆ์ที่ถวายมิสซาวันนั้นได้ตบหน้าเขาเต็มแรงและไล่ให้ออกไปจากพระแท่น “ออกไปจากพระแท่นเดี๋ยวนี้และอย่ากลับมาอีก” ต่อมาภายหลังเด็กชายคนนี้ได้กลายเป็นผู้นำคอมมิวนิสต์ที่รู้จักกันในชื่อ ตีโต (Josip Broz Tito) ประธานาธิบดีของประเทศยูโกสลาเวียในช่วงปี ค.ศ. 1944-1980
ในอาสนวิหารของเมืองใหญ่แห่งนึ่ง เด็กช่วยมิสซาอีกคนทำหน้าที่ช่วยมิสซาพระสังฆราช ได้ทำเหล้าองุ่นหกโดยไม่ตั้งใจเช่นกัน พระสังฆราชผู้ประกอบพิธีมองเขาด้วยความเอ็นดูและกระสิบบอกเขาว่า “วันหนึ่งหนูจะเป็นพระสงฆ์” เราทราบไหมว่าต่อมาเด็กช่วยมิสซาคนนี้เป็นใคร “พระอัครสังฆราชฟูลตัน ชีน” (Fulton J. Sheen) ผู้มีชื่อเสียงชาวอเมริกันในการเทศน์สอนทางโทรทัศน์และวิทยุ
เราได้ปฏิบัติต่อผู้ที่กระทำผิดและสร้างปัญหาความยุ่งยากให้เราอย่างไร พระเยซูเจ้าได้ให้คำตอบกับเราในพระวรสารวันนี้ ในการตักเตือนกันฉันท์พี่น้องด้วยจริงใจ บนพื้นฐานแห่งความรักแบบคริสตชน ปัจจุบัน มีเด็กจำนวนมากที่ถูกลงโทษและปฏิบัติด้วยความรุนแรง หรือถูกตามใจจนเคยตัว ทำให้ชีวิตของพวกเขาหลงเดินทางผิดจนยากจะแก้ไข

1.        การปฏิบัติต่อพี่น้องที่ทำผิด
พระวรสารวันนี้พูดถึงหน้าที่คริสตชนที่พึงปฏิบัติต่อกัน คริสตชนไม่เพียงมีหน้าที่ต้องทำสิ่งถูกต้อง แต่ต้องช่วยคนอื่นให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วย เราต้องเป็นเกลือและแสงสว่างส่องโลก ที่ฉายแสงให้คนอื่นได้เห็นถึงความรักของพระเจ้า (ดู มธ 5:13-16) พระเยซูเจ้าได้กำหนดหลักพื้นฐานที่เราพึงมีต่อเพื่อนพี่น้อง “เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34) ความรักจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการปฏิบัติต่อกัน
หนังสือเลวีนิติ ได้วางระเบียบให้ชาวฮีบรูได้ตักเตือนซึ่งกันและกันระหว่างเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดาร โดยได้ให้แนวทางเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า อย่าเกลียดชังพี่น้องของเจ้าอยู่ในใจ แต่เจ้าจงตักเตือนเพื่อนบ้านของเจ้า เพื่อเจ้าจะไม่ต้องรับโทษเพราะเขา” (ลนต 19:18) พระเยซูเจ้าทรงนำคำสอนนี้มาปรับปรุงให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น “ถ้าพี่น้องของท่านทำผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำพัง ถ้าเขาเชื่อฟัง ท่านจะได้พี่น้องกลับคืนมา (มธ 18:15)
นี่คือ หน้าที่แห่งความรักที่พึงปฏิบัติต่อพี่น้องของเรา ไม่รู้สึกสะดุดใจเมื่อพี่น้องทำผิด เพราะพระศาสนจักรหรือคริสตชน มิใช่หมู่คณะของนักบุญที่มีความสมบูรณ์พร้อม  แต่เป็นหมู่คณะของคนบาปที่กำลังมุ่งไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ เราต้องก้าวเดินไปด้วยกันด้วยความรัก ไม่ทิ้งคนหนึ่งไว้ข้างหลัง แต่พยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้คนที่ทำผิดได้สำนึกตัว กลับใจและเดินในหนทางที่ถูกต้อง ทั้งนี้เพราะ “พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์... ไม่ทรงปรารถนาให้คนธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้เดียวต้องพินาศไป” (มธ 18:14)
2.        บทเรียนสำหรับเรา
พระวรสารในวันนี้ได้ให้แนวปฏิบัติหลายประการ สำหรับเราคริสตชนในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก  จงตักเตือนคนที่ทำผิดด้วยความรักแบบพี่น้อง ไม่ตำหนิ กล่าวโทษหรือด่วนตัดสินจากความผิดที่เขาได้กระทำ พระเยซูเจ้าได้ให้ 3 ขั้นตอนในการตักเตือนกันและกัน เริ่มจากไปพูดกับเขาเป็นการส่วนตัวโน้มนำเขาด้วยความรักและห่วงใย เพื่อนำมิตรภาพที่เสียไปให้กลับคืนมา หากความพยายามนี้ไร้ผล ให้พาอีกคนหรือสองคนไปด้วยเพื่อเป็นพยาน สุดท้ายจึงแจ้งให้หมู่คณะทราบ เพื่อให้เขาได้ตระหนักว่าหมู่คณะใส่ใจและต้องการให้เขากลับคืนมา
ประการที่สอง จงภาวนาให้คนที่ทำผิด พระเยซูเจ้าทรงเน้นความสำคัญของการภาวนาแบบหมู่คณะ “ถ้าท่านสองคนบนแผ่นดินพร้อมใจกันอ้อนวอนขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จะประทานให้ เพราะว่า ที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นท่ามกลางพวกเขา” (มธ 18:19-20) คำภาวนาของหมู่คณะสามารถทำให้ความบาดหมางยุติลง และนำความเป็นหนึ่งเดียวกลับคืนมาอีกครั้ง
ประการที่สาม จงรักและให้อภัยคนที่ทำผิด พระเจ้าทรงเป็นองค์ความรัก ที่ใดมีความรักที่นั่นมีพระเจ้า ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าต้องแสดงออกต่อเพื่อนพี่น้อง และถือเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสุข สันติภาพและความชื่นชมยินดี เพราะเหตุนี้เองนักบุญเปโลได้กล่าวว่า “อย่าเป็นหนี้ผู้ใด นอกจากเป็นหนี้ความรักซึ่งกันและกัน” (รม 13:8) ความรักที่แท้จริงคือการให้อภัยความผิดของกันและกันด้วยใจกว้าง ไม่ถือโทษโกรธเคืองหรือจดจำความผิด
บทสรุป
พี่น้องที่รัก การตักเตือนกันเป็นเรื่องลำบากใจ แต่ในฐานะที่เราเป็นศิษย์พระคริสต์ เป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะ เรามีความรับผิดชอบต่อพระศาสนจักรและหมู่คณะของเรา พระเจ้าทรงมอบบางคนให้อยู่ในความรับผิดชอบของเรา เช่น บุตรหลาน ลูกศิษย์ ลูกน้อง เพื่อนฝูง เพื่อนบ้าน คู่ชีวิตหรือสมาชิกในคณะ ฯลฯ บุคคลเหล่านี้ล้วนอยู่ในความรับผิดชอบของเรา ที่เราต้องช่วยเขาให้เดินในหนทางที่ถูกต้อง
เราคริสตชนมีหน้าที่รับผิดชอบในการตักเตือนกัน ด้วยความรักและความใส่ใจแบบพี่น้อง ซึ่งต้องอาศัยความกล้าหาญ ความอดทน ความสุภาพอ่อนโยน ความจริงใจและความปรีชาฉลาด ทั้งนี้เพื่อรักษาชื่อเสียงและช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ทำสิ่งถูกต้อง โดยเริ่มจากในครอบครัวของเราเป็นอันดับแรก พ่อแม่ตักเตือนบุตรหลาน พี่ตักเตือนน้อง ผู้อาวุโสตักเตือนผู้น้อยกว่า และผู้น้อยต้องเชื่อฟังคำตักเตือน นี่คือหน้าที่แห่งความรักที่เราไม่อาจปฏิเสธได้
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
9 กันยายน 2017
ภาพประกอบ: พระสมณทูตซัลวาตอเร เพนนักคีโอ, พระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน, พระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์, วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้าและดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์ สกลนคร; 2005-08-19

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น