วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สมโภชพระจิตเจ้า

สมโภชพระจิตเจ้า
วันอาทิตย์
สมโภชพระจิตเจ้า
ปี A B C
กจ 2:1-11
1 คร 12:3-7, 12-13
ยน 20:19-23
บทนำ
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณพ่อมักซีมิเลียน โกลเบ ถูกทหารนาซีเยอรมันจับเป็นเชลยที่ค่ายกักกัน Auschwitz พร้อมกับชาวโปแลนด์จำนวนมาก ถูกทรมาน ถูกบังคับให้ทำงานหนัก ได้กินอาหารเพียงเล็กน้อย ทำให้หลายคนเสียชีวิต ส่วนใหญ่จึงหาทางหลบหนีเพื่อให้รอดชีวิต ทำให้ทหารนาซีตั้งกฎว่า “หากมีเชลยหนึ่งคนหนีไปเชลยที่เหลือสิบคนจะต้องตายแทน” วันหนึ่งทหารนาซีตรวจนับจำนวนเชลยปรากฏว่าหายไปหนึ่งคน จึงสั่งเชลยที่เหลือเข้าแถวแล้วสุ่มเอาสิบคนไปฆ่าเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง
หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นชายวัยกลางคน พอรู้ว่าเป็นตนเองถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงวิงวอนว่า ผมยังมีภรรยาและลูกเล็กๆ ที่ต้องเลี้ยงดู ขาดผมไปพวกเขาคงลำบากมาก โปรดเมตตาผมเถิด ทหารนาซีไม่ฟังคำอ้อนวอนใดๆ ยืนกรานจะเอาตัวเขาไปฆ่า คุณพ่อมักซีมิเลียน โกลเบ อยู่ในแถวเชลยวันนั้นด้วย มองดูชายเคราะห์ร้ายคนนั้นด้วยความสงสารและสลดใจ จึงตัดสินใจก้าวออกไปข้างหน้าและกล่าวว่า เอาผมไปฆ่าแทนชายคนนี้เถิด ผมตัวคนเดียวไม่มีพันธะอะไร
ทุกคนตกตะลึงในความกล้าหาญของคุณพ่อ ทหารนาซีเองนึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าหาญเช่นนี้ ชายคนนั้นจึงรอดตาย ส่วนคุณพ่อมักซีมิเลียน โกลเบ และเพื่อนเชลยอีกเก้าคนถูกนำตัวไปประหารในห้องแก๊ส ในวันที่คุณพ่อมักซีเลียน โกลเบ ได้รับสถาปนาเป็นนักบุญ ชายคนที่รอดชีวิตได้เป็นพยานถึงความเสียสละและกล้าหาญของท่าน เขานั่งอยู่แถวหน้าพร้อมครอบครัวด้วยน้ำตานองหน้า อะไรที่ทำให้คุณพ่อมักซิมิเลียน โกลเบ ยอมตายแทนชายคนนั้นได้

1.        สมโภชพระจิตเจ้า
หลังโศกนาฏกรรมวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอัครสาวกได้รวมตัวกันที่ห้องชั้นบนที่พระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย พวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หลังจากพระเยซูเจ้าถูกจับตรึงกางเขนและสิ้นพระชนม์ พวกเขาต่างคาดการณ์ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวคงจะเกิดขึ้นกับพวกเขาในไม่ช้า ค่ำวันต้นสัปดาห์พระเยซูเจ้าได้ปรากฏพระองค์ต่อหน้าพวกเขา ทรงทักทายพวกเขาให้มีสันติสุขและทรงเป่าลมเหนือพวกเขา ตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้า ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็จะได้รับการอภัย” (ยน 19:23)
พระเยซูเจ้าได้มอบพันธกิจที่ได้รับจากพระบิดาเจ้าให้แก่บรรดาอัครสาวก พระองค์ทรงส่งพวกเขาไปเหมือนอย่างที่พระบิดาทรงส่งพระองค์มา ดังนั้น พวกเขาจึงสานต่องานของพระองค์ในการช่วยประชากรของพระองค์ให้พ้นจากบาป เป็นการทำให้งานไถ่กู้ของพระองค์สำเร็จไปด้วยการนำของพระจิตเจ้า ด้วยเหตุนี้พระเยซูเจ้าจึงทรงเป่าลมเหนือพวกเขาและประทานอำนาจในการอภัยบาป อันเป็นเครื่องหมายของการประทานพระจิตเจ้า
หลังจากได้รับพระจิตเจ้าในวันเป็นเตกอสเต (Pentecoste) วันฉลองการเก็บเกี่ยวของชาวยิว บรรดาอัครสาวกได้กลายเป็นคนกล้าหาญ เข้มแข็งและร้อนรนในการประกาศพระวรสารโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและกลัวความตาย พระจิตเจ้าองค์เดียวกันนี้เองที่ทำให้คุณพ่อมักซิมิเลียน โกลเบ กล้าเผชิญกับความตายแทนชายคนนั้น พระจิตเจ้าจึงเป็นของประทานที่ประเสริฐสำหรับพระศาสนจักร ยังทรงทำงานในพระศาสนจักร และทำให้พระศาสนจักรเติบโต

2.        ความหมายสำหรับเรา
พระจิตเจ้าที่เราสมโภชและบทอ่านวันนี้ ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก เราต้องให้พระจิตเจ้านำทางชีวิต เราได้รับพระจิตเจ้าแล้วตั้งแต่วันที่เราได้รับศีลล้างบาปและศีลกำลัง: 1) เราต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระจิตเจ้าในตัวเรา, 2) ให้พระจิตเจ้าบันดาลความเข้มแข็งในการเอาชนะการประจญ, 3) แสวงหาความช่วยเหลือของพระจิตเจ้าในความคิด วาจา และการกระทำ และ 4) ฟังเสียงของพระจิตเจ้าที่ตรัสกับเราผ่านทางพระคัมภีร์และคำแนะนำที่ดีต่างๆ
ประการที่สอง เราต้องดำเนินชีวิตในการให้อภัย พระเยซูเจ้าทรงเป่าลมเหนือบรรดาอัครสาวกและประทานอำนาจในการอภัยบาป ดังนั้น เราควรมีท่าทีแห่งการให้อภัยในการปฏิบัติต่อผู้อื่น เราถูกท้าทายให้แสดงออกต่อกันด้วยความรัก ความอดทน ความใจกว้าง และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การเรียนรู้ที่จะให้อภัยเป็นสิ่งที่เราต้องทำตลอดชีวิต เพื่อเราจะสามารถเป็นตัวแทนของพระจิตเจ้าผู้ให้อภัยบาป
ประการที่สาม เราต้องดำเนินชีวิตในพระคุณของพระจิต ผู้บันดาลให้เราร้อนรนด้วยไฟแห่งความรักของพระเจ้า พร้อมที่จะอุทิศตนเพื่อพระศาสนจักร พร้อมที่จะสร้างสันติสุขเพื่อขจัดความขัดแย้งให้หมดสิ้นไป พร้อมที่จะนำความสุขของพระเจ้าไปสู่ผู้ยากจนและถูกทอดทิ้ง และพร้อมที่จะใช้พระพรต่างๆ ที่เราได้รับเพื่อประโยชน์ของเพื่อนพี่น้อง พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มีพระจิตเจ้าองค์เดียว (1 คร 12:4)

บทสรุป
พี่น้องที่รัก วันนี้เราฉลองการถือกำเนิดของพระศาสนจักร พระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า ในพระกายทิพย์นี้เราได้รับการล้างและการเจิมด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ ผ่านทางศีลล้างบาปและศีลกำลังเราได้รับพระจิตเจ้าเหมือนบรรดาอัครสาวกได้รับในวันเปนเตกอสเต และเราได้รับมอบพันธกิจให้สานต่องานของพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกับบรรดาอัครสาวก ในการทำให้อาณาจักรของพระเจ้าเกิดขึ้นในโลก นี่คือพันธกิจและการเรียกที่เราเฉลิมฉลองในวันนี้

          พระเยซูเจ้าบอกเราว่าสันติสุขแท้คือการให้อภัย คืนดีกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ดังนั้น เราต้องดำเนินชีวิตในความรักต่อกันและให้อภัยความผิดของกันและกันด้วยใจกว้าง ไม่คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกหรือดีกว่าคนอื่น เมื่อนั้นสันติสุขแท้จะบังเกิดขึ้น ในอีกด้านหนึ่ง เราต้องสร้างความเป็นหนึ่งเดียวให้เกิดขึ้น โดยเริ่มจากในครอบครัว สังคม และหมู่คณะของเรา เพื่อมุ่งสู่ความเป็นหนึ่งเดียวแท้จริงกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
14 พฤษภาคม 2016

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น