วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

มัทธีอัส ของประทานของพระเจ้า

มัทธีอัส ของประทานของพระเจ้า
วันที่ 14 พฤษภาคม
ฉลองนักบุญมัทธีอัส อัครสาวก
กจ 1:15-17, 20-26
ยน 15:9-17
วันนี้พระศาสนจักรให้เราฉลองนักบุญมัทธีอัส อัครสาวก ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบสองคนของอัครสาวกแทนที่ยูดาสผู้ทรยศ เหตุผลที่ต้องเลือกคนมาแทนให้ครบสิบสอง เนื่องจากจำนวนสิบสองเป็นตัวแทนของเผ่าทั้งสิบสองของอิสราแอล ดังนั้นเมื่อพระศาสนจักรซึ่งเป็นอิสราแอลใหม่ วางรากฐานอยู่บนอัครสาวกของพระเยซูเจ้าจึงจำเป็นต้องมีสิบสองคน
ในหนังสือกิจการอัครสาวก ได้บันทึกเรื่องราวการเลือกครั้งนั้น ทำให้เราทราบว่าคนจำนวน 120 คนได้มาภาวนาร่วมกันที่ห้องชั้นบน นักบุญเปโตรได้ให้หลักเกณฑ์ว่าอัครสาวกใหม่ต้องเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าตั้งแต่เริ่มแรก ที่พระองค์รับพิธีล้างจากยอห์นบัปติสต์จนถึงวันที่พระองค์เสด็จขึ้นสวรรค์ ที่สำคัญคือได้เป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระองค์ด้วย พวกเขาได้เสนอชื่อสองคนคือยอแซฟที่เรียกว่าบาซับบาสกับมัทธีอัส อีกทั้งภาวนาขอให้พระเยซูเจ้าเป็นผู้เลือกและเป็นมัทธีอัสที่ได้รับเลือกโดยการจับสลาก
ชื่อ “มัทธีอัส” ในภาษาฮีบรูหมายถึง ของประทานของพระยาเวห์ (gift of Yahweh) ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์ 70 คนที่พระเยซูเจ้าทรงส่งไปล่วงหน้าตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อเตรียมทางสำหรับพระองค์ กล่าวกันว่าหลังจากได้รับพระจิตเจ้าท่านได้ประกาศพระวรสารที่แคว้นยูเดีย แล้วไปที่เอธิโอเปียและถูกตรึงกางเขน (ความเห็นของไนซ์โฟรัส) แต่อีกธรรมประเพณีหนึ่งบอกว่าท่านถูกชาวยิวทุ่มหินที่กรุงเยรูซาเล็มและถูกตัดศีรษะ และพระศาสนจักรตะวันตกฉลองท่านในวันที่ 14 พฤษภาคม ของทุกปี (แต่เดิมฉลองวันที่ 24 กุมภาพันธ์)
เคลเมนต์แห่งอเล็กซานเดรียกล่าวว่า มัทธีอัสเป็นเหมือนอัครสาวกองค์อื่นๆ ที่ไม่ได้รับเลือกจากพระเยซูเจ้าจากสิ่งที่ท่านเป็น แต่จากสิ่งที่พระเยซูเจ้ามองเห็นล่วงหน้าถึงสิ่งที่ท่านจะกลายเป็น ท่านได้รับเลือกมิใช่เพราะเป็นคนเหมาะสม แต่เพราะท่านได้กลายเป็นคนเหมาะสม พระเยซูเจ้าทรงเลือกเราแต่ละคนในลักษณะเดียวกัน เพื่อเป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระองค์ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักซึ่งกันและกันตามแบบอย่างของพระองค์ “นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนที่เรารักท่าน (ยน 15:12)
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์

13 พฤษภาคม 2016

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น