วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

พระเยซูเจ้า ผู้เลี้ยงแกะที่ดี

พระเยซูเจ้า ผู้เลี้ยงแกะที่ดี
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา
ปี A
กจ 2:14, 36-41
1 ปต 2:20, 25
ยน 10:1-10
บทนำ
ระหว่างสงครามเกาหลี มีทหารคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บใกล้ตาย เขาได้ร้องหาพระสงฆ์ แต่แพทย์สนามหาพระสงฆ์ไม่พบ ทหารบาดเจ็บอีกคนหนึ่งได้ยินเสียงร้องจึงพูดว่า “ผมเป็นพระสงฆ์” แพทย์สนามหันไปทางเสียงนั้นพบว่า เขาได้รับบาดเจ็บยิ่งกว่าอีกและเตือนว่า “อย่าขยับเขยื้อน เพราะอาจทำให้คุณตายได้” แต่พระสงฆ์ตอบว่า “วิญญาณของมนุษย์คนหนึ่ง มีค่ายิ่งกว่าเวลาแห่งชีวิตของผม” จากนั้น ได้คลานไปยังทหารบาดเจ็บ ฟังคำสารภาพบาปและยกบาปให้ ก่อนทั้งคู่จับมือกันแน่นและสิ้นใจ
สัปดาห์นี้เราฉลองพระเยซูเจ้าผู้เลี้ยงแกะที่ดี พระศาสนจักรเรียกเราให้ไตร่ตรองความหมายแห่งการเรียกของพระเจ้า และอธิษฐานภาวนาเพื่อกระแสเรียกเป็นพิเศษ อีกทั้งเตือนใจเราว่า ในฐานะคริสตชน เรามีหน้าที่และความรับผิดชอบในการส่งเสริมกระแสเรียก พระคัมภีร์ได้ใช้ภาพพจน์ของ “ผู้เลี้ยงแกะ” เพื่อแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างพระเจ้ากับประชากรอิสราแอล
อาชีพเลี้ยงแกะเป็นอาชีพหลักและสำคัญอาชีพหนึ่งในปาเลสไตน์ ชาวยิวเลี้ยงแกะเพื่อตัดขนมากกว่าเป็นอาหาร  แกะแต่ละตัวมีอายุยืนและอยู่กับคนเลี้ยงนานจนจำชื่อได้ทุกตัว ปกติคนเลี้ยงเดินนำหน้าฝูงแกะเพื่อให้แน่ใจว่า ทางข้างหน้าปลอดภัย และคอยส่งเสียงเป็นครั้งคราวให้แกะรู้ตำแหน่งที่อยู่ของตน  ลักษณะพิเศษของแกะคือฟังเสียงและติดตามคนเลี้ยงเสมอ  หากได้ยินเสียงไม่คุ้นเคยจะหยุด และหันหลังวิ่งหนีทันทีหากได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง
1.         พระเยซูเจ้า ผู้เลี้ยงแกะที่ดี
ภาพพจน์เรื่องผู้เลี้ยงแกะและฝูงแกะรู้จักแพร่หลายในพระคัมภีร์ ตั้งแต่แรกเริ่มชาวยิวมองว่า พระเจ้าคือผู้เลี้ยงทรงเลี้ยงดูพวกเขาดุจลูกแกะ (สดด 23) ต่อมาคำว่า “ผู้เลี้ยงแกะ” ได้ใช้หมายถึงผู้นำชาวยิว ซึ่งเป็นตัวแทนของพระยาห์เวห์ในโลก แต่ในความเป็นจริง ผู้เลี้ยงแกะเหล่านี้ไม่ได้เป็นผู้เลี้ยงที่ดีสมกับเป็นตัวแทนของพระองค์ ในพันธสัญญาใหม่พระเยซูเจ้าทรงเรียกผู้ติดตามและฟังพระองค์ว่า “ฝูงแกะไม่มีคนเลี้ยง” (มก 6:34) และได้เปิดเผยว่า พระองค์เป็น “ผู้เลี้ยงแกะที่ดี” (ยน 10:11)
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเปรียบเทียบให้เห็นว่าทรงเป็นทั้ง “ผู้เลี้ยงแกะ” และ “ประตูคอกแกะ” การเป็นผู้เลี้ยงแกะแสดงความเป็นเจ้าของแกะซึ่งต่างจากคนรับจ้างทั่วไป ทรงเรียกชื่อแกะแต่ละตัว แกะเหล่านั้นจำเสียงพระองค์ได้ ประการสำคัญ พระองค์ทรงยอมตายเพื่อฝูงแกะ ส่วนการเป็น “ประตูคอกแกะ” แสดงถึงความเป็นผู้นำของพระองค์ในการนำฝูงแกะมาหาพระบิดาเจ้า และปกป้องคุ้มครองแกะให้ปลอดภัย
“เราเป็นประตู ผู้ที่เข้ามาทางเราก็จะรอดพ้น” (ยน 10:9) นั่นหมายความว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นหนทาง เป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์และทรงเชิญเราให้เดินตรงไปยังพระองค์ ผ่านทางพระองค์เราได้รับการช่วยให้รอด เพราะพระองค์คือหนทางนำไปสู่ชีวิตสมบูรณ์ครบครัน ผ่านทางพระองค์เท่านั้นทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับฝูงแกะคือพระศาสนจักร และได้รับการพิทักษ์คุ้มครองให้ได้รับความรอด
2.         บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องเป็นผู้เลี้ยงและผู้นำที่ดี เราสามารถเป็นผู้เลี้ยงที่ดีได้ในความรักต่อเพื่อนมนุษย์ อธิษฐานภาวนาเพื่อเขา ให้เวลาและใช้พระพรพิเศษที่มีเพื่อผู้อื่น ดูแลและปกป้องเขาให้ได้รับความปลอดภัยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ บิดามารดาต้องดำเนินชีวิตเป็นตัวอย่างดีแก่บุตรหลานและเลี้ยงดูพวกเขาให้เติบโตในความเชื่อคริสตชน ส่งเสริมความรักและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในครอบครัว สังคม หรือหมู่คณะ
ประการที่สอง เราต้องเป็นแกะดีในฝูงของพระเยซูเจ้า ด้วยการฟังเสียงผู้เลี้ยงของเรา อย่างบิดามารดา ครูบาอาจารย์ เจ้าอาวาส หรือพระสังฆราช ปฏิบัติตามคำแนะนำและร่วมมือกับท่านในงานหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยความรับผิดชอบ ไม่หลงไปตามเสียงอื่น เช่น เสียงของความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนัง ความมักได้เห็นแก่ตัว หรือความสะดวกสบายฝ่ายโลก
ประการที่สาม เราต้องอธิษฐานภาวนาเพื่อกระแสเรียกและชีวิตผู้อภิบาล พระศาสนจักรกำหนดให้สัปดาห์นี้เป็นเวลาของการอธิษฐานภาวนาเพื่อกระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์ และชีวิตแห่งการอุทิศตนเพื่อพระเจ้า คริสตชนแต่ละคนมีส่วนในการส่งเสริมและสนับสนุนกระแสเรียก “แม้เราเป็นนักบวช หรือพระสงฆ์ไม่ได้ แต่เราสามารถสนับสนุนใครบางคนให้เป็นนักบวช หรือพระสงฆ์ที่ดีได้”
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ทรงรักและรู้จักแกะทุกตัว ทรงดูแลเอาใจใส่แกะแต่ละตัวอย่างดี และทรงปกป้องฝูงแกะจากสุนัขป่าและอันตรายด้วยชีวิตของพระองค์ ไม่ทิ้งฝูงแกะหนีไป ปล่อยให้แกะอยู่ตามยถากรรม หรือเผชิญอันตรายตามลำพังเหมือนผู้รับจ้างทั่วไป แต่ทรงทำทุกอย่างเพื่อให้แกะทุกตัวปลอดภัยและไม่กระจัดกระจายไป เพื่อว่า “จะมีแกะเพียงฝูงเดียว และผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว” (ยน 10:16)
คริสตชนต้องมีชีวิตสนิทสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าและฟังเสียงของพระองค์ ผ่านทางการอธิษฐานภาวนา การอ่านพระคัมภีร์ และการร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์พระคริสต์ต้องเลียนแบบความรักของผู้เลี้ยงแกะที่ดีในการปฏิบัติต่อผู้อื่น ดำรงตนในความรักของพระองค์ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักซึ่งกันและกัน “ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา” (ยน 13:35)
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลปัสกา การฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562), หน้า 68-71.
ที่มาภาพ : https://achristianpilgrim.files.wordpress.com/2015/04/jesus-good-shepherd-15.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น