การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า
อาทิตย์
สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์
ปี A
|
กจ 1:1-11
อฟ 1:17-23
มธ 28:16-20
|
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่าหลังจากพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์แล้ว
บรรดาทูตสวรรค์ได้มาห้อมล้อมพระองค์ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับงานที่ทรงกระทำในโลกว่าเป็นอย่างไร
พระเยซูเจ้าทรงบอกพวกเขาทุกอย่างเกี่ยวกับงานของพระองค์ อาทิ การบังเกิด ชีวิตในโลก
การเทศน์สอน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
งานไถ่กู้โลกให้รอดของพระองค์
อัครเทวดาคาเบรียลได้ทูลถามพระองค์ว่า “ในเมื่อเวลานี้พระองค์อยู่บนสวรรค์แล้ว
ใครจะเป็นผู้สานต่องานของพระองค์ในโลก” พระเยซูเจ้าตรัสว่า ขณะที่อยู่ในโลกพระองค์ทรงรวบรวมคนกลุ่มหนึ่งซึ่งรักและเชื่อในพระองค์ และพระองค์ทรงมอบหมายให้พวกเขาสานต่องานของพระองค์ในการประกาศข่าวดี
ผ่านทางพระศาสนจักรที่พระองค์ทรงตั้งขึ้น
อัครเทวดาคาเบรียลรู้สึกฉงนใจจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า
“พระองค์หมายถึงเปโตรซึ่งเคยปฏิเสธพระองค์สามครั้ง และกลุ่มคนซึ่งหนีเอาตัวรอดเวลาพระองค์ถูกตรึงการเขนนะหรือ”
และทูลต่อว่า “หากแผนนี้ใช้ไม่ได้ผลละ พระองค์จะทำอย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
“เราไม่มีแผนอื่นอีก” เป็นความจริงว่าพระเยซูเจ้าไม่มีแผนสอง พระองค์ทรงมอบงานทุกอย่างไว้กับผู้ติดตามพระองค์
ภายใต้การนำของพระจิตเจ้า
1.
การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า
ทุกสัปดาห์เราประกาศว่า “(พระเยซูเจ้า)
เสด็จขึ้นสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระบิดา” การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้าเป็นหัวใจของแผนการของพระเจ้า
ทำให้พันธกิจของพระองค์บรรลุความสมบูรณ์ ได้รับเกียรติรุ่งโรจน์กับพระบิดาเจ้า
และปัจจุบันพระองค์ประทับอยู่กับเราในองค์พระจิตเจ้า “เราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ”
(มธ 28:20) ดังนั้น การเสด็จสู่สวรรค์หมายถึงการประทับอยู่กับพระบิดาเจ้าอย่างรุ่งเรือง
พระวรสารวันนี้ เราได้เห็นฉากสุดท้ายระหว่างพระเยซูเจ้ากับบรรดาอัครสาวก
ก่อนจากกันพระองค์ได้มอบพันธกิจสำคัญให้กับพวกเขา “ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา”
(มธ 28:19) ปฏิกิริยาของพวกเขาหลังจากนั้นคือ “กลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่ง
เขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลา ถวายพระพรแด่พระเจ้า” (ลก 24:52-53) จากที่เคยชุมนุมกันอยู่แต่ในห้องชั้นบนเพราะกลัวชาวยิว
พระเยซูเจ้าทรงสั่งบรรดาอัครสาวกให้เป็นพยานที่กรุงเยรูซาเล็ม
ทั่วแคว้นยูเดียและสะมาเรีย และจนสุดปลายแผ่นดิน (กจ 1:8) ทรงมอบพันธกิจแห่งการเป็นพยานถึงพระองค์ ด้วยการเทศน์สอนและการเจริญชีวิตตามคุณค่าพระวรสาร
การบอกเล่าเรื่องราวชีวิต พระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์
ทรงให้ความมั่นใจกับพวกเขาว่า พระจิตเจ้าจะทรงช่วยเหลือให้พันธกิจนี้ดำเนินต่อไป
ประการสำคัญ ทรงสัญญาจะอยู่กับพวกเขาเสมอไปจนสิ้นพิภพ
2.
บทเรียนสำหรับเรา
การสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์และพระวาจาของพระเจ้าวันนี้
ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องเป็นผู้ประกาศข่าวดี พระเยซูเจ้าได้มอบพันธกิจให้แก่ผู้มีความเชื่อทุกคน “ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา”
(มธ 28:19) มีความแตกต่างระหว่างการเทศน์สอนกับการประกาศ เราสอนด้วยคำพูด
แต่เราประกาศด้วยชีวิตของเรา นั่นหมายความว่า เราถูกส่งไปประกาศข่าวดีแห่งความรักและชีวิต
ข่าวดีแห่งความหวังและสันติสุข ในการเป็นพยานด้วยชีวิตของเรา
ประการที่สอง เราต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า พระองค์ได้ให้ความมั่นใจว่าจะอยู่กับเราตลอดไป
แม้ในห้วงเวลาแห่งความทุกข์และความยากลำบากในชีวิต ดังที่นักบุญเอากุสตินกล่าวเอาไว้ว่า
“เวลานี้พระเยซูเจ้าได้รับเกียรติรุ่งโรจน์ในสวรรค์ แต่ยังคงทรมานในโลก
ในความเจ็บปวดและความทุกข์ระทมที่พระกายทิพย์ของพระองค์ได้รับ” แม้อยู่ในสวรรค์แล้ว
แต่ยังทรงอยู่กับเราในโลกนี้
ประการที่สาม เราต้องดำเนินชีวิตในพระเยซูเจ้า เป็นความจริงว่า พระองค์ทรงอยู่กับเรา แต่ปัญหาคือ เราได้อยู่กับพระองค์หรือเปล่า
ดังนั้น เราต้องดำเนินชีวิตในพระองค์ ทำให้พระวาจาของพระองค์ปรากฏเป็นจริงในชีวิตของเรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความรักต่อกัน การอธิษฐานภาวนาร่วมกัน และการเป็นแสงสว่างแห่งความเชื่อ
เพื่อคนอื่นได้เห็นความรักและความดีในตัวเรา
บทสรุป
พี่น้องที่รัก ความปรารถนาสุดท้ายของพระเยซูเจ้าก่อนจากบรรดาศิษย์สู่สวรรค์
ทรงต้องการให้พวกเขาประกาศข่าวดีแก่ทุกคนในโลก นี่เป็นเหมือนกับเจตจำนงสุดท้ายที่ทรงต้องการจากบรรดาศิษย์และเราแต่ละคน
เราได้รับแสงสว่างแห่งพระวรสารแล้วตั้งแต่วันรับศีลล้างบาป ดังนั้น
เราต้องนำข่าวดีนี้ไปสู่ผู้อื่น ความเชื่อที่เรามีมิใช่สมบัติส่วนตัวที่ต้องเก็บรักษาไว้
แต่ต้องแบ่งปันกับผู้อื่นด้วยชีวิตของตน
พระเยซูเจ้าได้เสด็จสู่สวรรค์อย่างรุ่งโรจน์ เป็นความหวังสำหรับเราว่า สักวันหนึ่งเราจะได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์เช่นเดียวกัน
หากดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระองค์ ในอีกด้านหนึ่ง สวรรค์คือที่ประทับของพระเจ้า
ศิษย์พระคริสต์ต้องอุทิศตนเองทำให้โลกนี้กลายเป็นสวรรค์ที่พระเจ้าประทับอยู่ สวรรค์บังเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ในโลกนี้ในความรักต่อกัน
การให้อภัยความผิดของกันและกัน การรับใช้ซึ่งกันและกัน และในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกัน
เป็นต้น ในครอบครัว หมู่คณะ และชุมชนวัดของเรา
ขวัญ
ถิ่นวัลย์, เทศกาลปัสกา การฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562), หน้า 140-143.
ที่มาภาพ : https://www.catholicforlife.com/homily/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น