วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

จงตื่นเฝ้าและเตรียมพร้อม

 


จงตื่นเฝ้าและเตรียมพร้อม

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา

ปี A

ปชญ 6:12-16

1 ธส 4:13-18

มธ 25:1-13

บทนำ

การแต่งงานถือเป็นเหตุการณ์สำคัญอย่างยิ่งในชีวิตของชาวยิวและสังคมยิว ตามธรรมเนียมยิวเมื่อใครคนหนึ่งแต่งงาน ต้องปฏิบัติตาม 3 ขั้นตอนนี้

1)        การเจรจา โดยปกติเป็นเรื่องของบิดามารดาหรือแม่สื่อที่จะไปเจรจา (สู่ขอ) เจ้าบ่าว-เจ้าสาวอาจไม่เคยเห็นกันมาก่อน ธรรมเนียมนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้

2)        การหมั้นหมาย เมื่อคู่บ่าวสาวถึงวัยแต่งงาน มีการหมั้นหมายและการเลี้ยงฉลอง ซึ่งขั้นตอนนี้เกือบจะเป็นการแต่งงาน ที่ผูกมัดกันไว้ชนิดไม่อาจขาดจากกันได้ หากฝ่ายชายตายไป ฝ่ายหญิงจะกลายเป็นม่าย (แม่พระกับนักบุญยอแซฟอยู่ในขั้นนี้)

3)        การสมรส จัดขึ้นหนึ่งปีหลังหมั้นหมาย โดยเจ้าบ่าวอาจเดินทางไปบ้านเจ้าสาวตอนตะวันตกดิน เพื่อรับตัวเจ้าสาว แห่แหนไปยังบ้านเจ้าบ่าว และฉลองตลอดสัปดาห์ นับเป็นเวลาที่ทุกคนรอคอยและมีความยินดีที่สุดในการร่วมขบวนแห่

มีคำกล่าวว่า “ทุกคนที่อายุตั้งแต่ 6 ขวบถึง 60 ปี จะเดินไปตามเสียงกลองพิธีแต่งงาน” แม้แต่รับบีจะหยุดการศึกษาที่ทุ่มเทมาตลอดไว้ชั่วคราว เพราะถือว่า พิธีแต่งงานเป็นพิธีมาจากพระเจ้า หลังพิธีแต่งงานมีการเลี้ยงฉลองอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ ในช่วงนี้บ่าว-สาวได้รับการปฏิบัติราวกับราชาและราชินี หญิงโง่ในพระวรสารพลาดโอกาสเฉลิมฉลองแห่งความยินดีนี้

1.        จงตื่นเฝ้าและเตรียมพร้อม

อุปมาที่พระเยซูเจ้าทรงเล่า มีพื้นฐานมาจากธรรมเนียมการแต่งงานของชาวปาเลสไตน์ เพื่อสอนเราให้เตรียมพร้อมต้อนรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ มีเพียงนักบุญมัทธิวที่กล่าวถึงเรื่องนี้ โดยพูดถึงสาวพรหมจารีสิบคนกำลังคอยรับเจ้าบ่าว หญิงสาวสิบคนนี้คือ คนได้รับเชิญให้เป็นเพื่อนเจ้าสาวในการต้อนรับเจ้าบ่าวตามธรรมเนียม ปัญหาคือไม่รู้เวลาแน่นอนว่า เจ้าบ่าวจะมาเวลาใด อาจมาถึงตอนกลางคืนจึงต้องเตรียมตะเกียงไว้จุด

ตะเกียงที่ใช้กันสมัยนั้นใช้น้ำมันจุดได้สองสามชั่วโมง ต้องเตรียมขวดบรรจุน้ำมันไปด้วยเพื่อใช้เติม พระเยซูเจ้าทรงชี้ให้เห็นหญิงโง่ห้าคนถือตะเกียงแต่ไม่ได้เอาน้ำมันไปด้วย ขณะที่หญิงฉลาดห้าคนเตรียมน้ำมันใส่ขวดไปด้วย เนื่องจากเจ้าบ่าวชักช้าทุกคนง่วงและหลับไป เมื่อเจ้าบ่าวมาถึงหญิงโง่รู้ถึงความผิดพลาดที่ไม่ได้เตรียมน้ำมันไปด้วย ได้ร้องขอน้ำมันจากหญิงฉลาดแต่มีไม่พอต้องไปซื้อที่ตลาด ทำให้พลาดโอกาสสำคัญในงานฉลองมงคลสมรส

คริสตชนในระยะเริ่มแรกคิดว่า พระเยซูเจ้าจะเสด็จมาในไม่ช้า มัทธิวได้บอกความจริงว่า การเสด็จมาครั้งที่สองอาจชักช้าและไม่เป็นไปตามคาดหมาย การตื่นเฝ้าและเตรียมพร้อมเป็นสิ่งจำเป็น “เจ้าบ่าว” คือพระคริสตเจ้า “เจ้าสาว” หมายถึงพระศาสนจักร (วว 22:17) “หญิงสาวสิบคน” คือตัวแทนสมาชิกของพระศาสนจักร “ตะเกียง” คือความเชื่อที่แต่ละคนมี “น้ำมัน” คือกิจการดี ตะเกียงที่ไม่มีน้ำมันเหมือนความเชื่อที่ไม่มีกิจการ เป็นความเชื่อที่ตายแล้ว (ยก 2:17)

2.        บทเรียนสำหรับเรา

อุปมาในพระวรสารได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก มีบางสิ่งยืมกันไม่ได้ นั่นคือ “คุณงามความดี” หรือบุญกุศลที่ทุกคนต้องสร้างและสั่งสม ในวาระสุดท้ายสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยืมใครไม่ได้ เพราะ “ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง” บ่อยครั้งเราคริสตชนหลงภูมิใจในศีลล้างบาปว่าเป็นหลักประกันสำหรับความรอด เหมือนหญิงโง่มีตะเกียงแต่ไม่มีน้ำมัน ย่อมไร้ประโยชน์ ความเชื่ออย่างเดียวไม่พอสำหรับการเอาตัวรอด ต้องมีกิจการดีและการลงมือปฏิบัติ

ประการที่สอง โอกาสเรียกคืนไม่ได้ หญิงโง่ออกไปหาซื้อน้ำมันขณะเจ้าบ่าวมาถึงและพวกเธอมาไม่ทัน ทำให้พลาดโอกาสสำคัญในการร่วมฉลองงานมงคลสมรส เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาพิพากษาโลกเป็นเช่นนี้ ผู้ตื่นเฝ้าและเตรียมพร้อมจะได้เข้าไปในงานเลี้ยงแห่งเมืองสวรรค์ ชีวิตเป็นพระพรและโอกาสที่พระเจ้าให้มา จงใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายสุดท้ายคือการอยู่กับพระเจ้า

ประการที่สาม จงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ การเสด็จมาและการเรียกของพระเจ้าไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า หญิงโง่ไม่อยู่ในสภาพเตรียมพร้อม เธอจุดตะเกียงเหมือนคนอื่นแต่ช้าเกินไป เธอมาถึงประตูงานมงคลสมรสแต่สายเสียแล้ว พระเจ้าประทานชีวิตและให้เราเป็นผู้รับผิดชอบอย่างสมบูรณ์ เราต้องใช้ให้ดีที่สุดเหมือนตะเกียงมีน้ำมันอยู่เสมอ ต้องพร้อมต้อนรับพระเยซูเจ้าทุกลมหายใจ “จงตื่นเฝ้าระวังไว้เถิด เพราะท่านไม่รู้กำหนดวันและเวลา” (มธ 25:13)

บทสรุป

พี่น้องที่รัก เราเดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของปีพิธีกรรม โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายนที่เตือนเราให้ระลึกถึงผู้ล่วงลับ วาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเราและของโลก เพื่อสามารถเตรียมเผชิญวาระสุดท้าย ไม่ใช่ด้วยความกลัวและวิตกทุกข์ร้อน แต่เลียนแบบอย่างหญิงฉลาดที่นำน้ำมันไปด้วย ด้วยการกระทำกิจการดีเพื่อทำให้ความเชื่อของเรามีชีวิต

คริสตชนต้องตื่นเฝ้าและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ต้องมีน้ำมันแห่งความรักในหัวใจ เพื่อขับไล่ความมืดให้หมดสิ้นไปจากชีวิต ทำให้แสงสว่างของพระเยซูเจ้าเจ้าฉายแสงรอบตัวเรา ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตตามคุณค่าพระวรสาร ทำดีหนีชั่ว สร้างบุญสร้างกุศล บนพื้นฐานความรัก การให้อภัย และการรับใช้ตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า และทำให้กิจการดีปรากฎเป็นจริงในภาคปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

khuanthinwan@gmail.com

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย สกลนคร

7 พฤศจิกายน 2020

ภาพ : การภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ, สุสานวัดดอนม่วย-โนนค้อ, สกลนคร; 2020-10-31

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น