อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B |
อสย 63:16-17; 64:2-7 1 คร 1:3-9 มก 13:33-37 |
บทนำ
รายการเกมโชว์รายการหนึ่ง
พิธีกรได้ยกสถานการณ์การนอนหลับและฝันว่า สิงโตตัวหนึ่งกำลังไล่ขย้ำ
ทำให้เราต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด
แต่ต้องเผชิญหน้ากับเสือที่พร้อมตะปบเราด้วยกรงเล็บอันแหลมคมของมัน เข้าทำนอง “หนีเสือปะจระเข้”
เรามองหาทางหนีข้างทาง แต่สองข้างทางเต็มไปด้วยสัตว์ป่าดุร้ายที่พร้อมทำร้ายเราเช่นกัน
ขณะนั้นเราเหมือนจนตรอก หนีไปทางไหนไม่ได้ พิธีกรถามว่า “เราจะหนีเอาตัวรอดอย่างไร”
เฉลย “จงตื่นจากฝัน”
การตื่นทำให้เราอยู่ในโลกของความเป็นจริง
ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับโลกของความฝัน ปัญหาใหญ่โตที่เรากำลังเผชิญขณะฝันไม่มีผลต่อชีวิตปัจจุบันของเรา
เมื่อตื่นขึ้นเราพบความจริงว่า อันตรายจากสัตว์ร้ายในความฝันไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด
เพราะเป็นเพียงความฝัน ไม่ใช่ความจริง
เราอาจเปรียบเทียบความฝันและการตื่นนี้กับชีวิตฝ่ายจิตของคริสตชน
การตื่นเฝ้าระวังอยู่เสมอ ทำให้เราพร้อมเผชิญทุกสิ่ง
สัปดาห์แรกของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
พระศาสนจักรเชิญชวนเราให้พร้อมต้อนรับองค์พระเจ้าที่กำลังเสด็จมา “จงตื่นเฝ้าเถิด”
เพื่อว่าเมื่อพระองค์เสด็จมาจะพบเรากำลังเตรียมพร้อมอยู่ เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ
ไม่เพียงเตรียมฉลองการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า แต่ยังเป็นการเตรียมต้อนรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์
เป็นช่วงเวลาแห่งความหวัง ด้วยการเชิญพระองค์เสด็จเข้ามาในจิตใจ
และตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ในตัวเรา
1.
จงตื่นเฝ้าเถิด
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเตือนและให้กำลังใจผู้ติดตามพระองค์ให้ระวังและตื่นเฝ้าทางจิตใจ
พระองค์กำลังจะจากพวกเขาไป พวกเขาต้องเป็นดังผู้รับใช้ที่ตื่นเฝ้าอยู่เสมอ ดังนั้น
ช่วงเวลาที่พระองค์ไม่อยู่เป็นเวลาแห่งการทดสอบความเชื่อ
พระองค์ทรงย้ำเตือนพวกเขาให้ระวังและตื่นเฝ้าเพราะไม่มีใครรู้ว่า เจ้าของบ้านจะมาเมื่อไหร่
เพื่อว่าเมื่อพระองค์เสด็จมาจะพบพวกเขากำลังตื่นเฝ้าด้วยความเชื่อและพร้อมต้อนรับพระองค์
นักบุญมาระโกได้ใช้ภาพพจน์ของผู้รับใช้ที่คอยเปิดประตูให้เจ้าของบ้าน
เพราะไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ณ เมืองเบ็ธเลแฮมพระเยซูเจ้าเสด็จมาในรูปของเด็กทารก
แต่ผู้คนจำพระองค์ไม่ได้ อุปมาเรื่องการพิพากษาครั้งสุดท้ายในสัปดาห์สุดท้าย
พระองค์เสด็จมาในรูปแบบของคนต่ำต้อยและต้องการความช่วยเหลือ คนมีความเชื่อเท่านั้นที่จำพระองค์ได้และรับใช้พระองค์
การดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อช่วยให้เรามองเห็นและจำพระองค์ได้
ชีวิตคริสตชนเป็นชีวิตแห่งการตื่นเฝ้าอยู่เสมอ
ทำหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดด้วยความซื่อสัตย์และรับผิดชอบ
การตื่นเฝ้ายังหมายถึงการเรียนรู้เครื่องหมายแห่งกาลเวลา เพื่อเข้าใจความหมายซึ่งพระเจ้าทรงต้องการบอก
และรับผิดชอบต่อหน้าที่ประจำวันจนถึงที่สุด การตื่นเฝ้าเป็นการเจริญชีวิตแห่งการรับใช้พระเจ้าด้วยความวางใจ
ปฏิบัติตามบทบัญญัติและดำรงตนในฐานะพระหรรษทาน เหมือนผู้รับใช้ซื่อสัตย์ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายอย่างเคร่งครัด
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก
จงตื่นเฝ้าเถิด การตื่นเฝ้าแสดงถึงลักษณะของผู้เป็นศิษย์ที่มุ่งหวังและรอคอยพระเยซูเจ้าเสด็จมาซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ
การตื่นเฝ้าไม่ใช่การอยู่เฉย แต่หมายถึงความรับผิดชอบและซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
การปฏิบัติตามคำสั่งของพระเยซูเจ้าที่ว่า “จงตื่นเฝ้าและอธิษฐานภาวนาเพื่อจะไม่เข้าสู่การทดลอง”
(มก 14:38) หรือเลียนแบบพระองค์ที่เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาต่อพระบิดาเจ้าตลอดทั้งคืน
(ลก 6:12)
ประการที่สอง จงเตรียมพร้อม การเสด็จมาครั้งที่สองเกิดขึ้นอย่างแน่นอนแต่ไม่มีใครรู้
มีแต่พระบิดาเจ้าเท่านั้นที่ทราบ (มก 13:32) ชีวิตของเราต้องเตรียมพร้อมต้อนรับการเสด็จมาของพระองค์
นี่คือหน้าที่ที่เราต้องทำ เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ ท้าทายเราด้วยคำถามสำคัญสามข้อ : 1) เราจะทำอะไรขณะนี้เพื่อสร้างอาณาจักรของพระเจ้าในโลก, 2) เราควรจะทำอะไรเวลานี้
และ 3) เราจะเริ่มทำอะไรบ้าง
ในสัปดาห์แรกของเทศกาลรับเสด็จฯ นี้
ประการที่สาม
จงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
การเสด็จมาครั้งที่สองเป็นเวลาแห่งการพิพากษาจะเกิดขึ้นโดยฉับพลันและไม่มีใครคาดคิด
แต่ละคนต้องดำเนินชีวิตแต่ละวันให้ดีที่สุด “จงพยายามดำเนินชีวิตให้ดีทุกวันราวกับว่า ท่านต้องตายในเย็นวันนั้น” (ชาร์ล เดอ โฟโกลด์) คริสตชนผูกพันตนเองกับปัจจุบันเพราะทุกนาทีเป็นการนัดพบพระเจ้า
และวาระสุดท้ายขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตปัจจุบัน
โดยเฉพาะการปฏิบัติต่อพี่น้องที่ต่ำต้อยในแต่ละวัน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
เป็นช่วงเวลาของการรื้อฟื้นและสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระเจ้า
เพียรทนในการอธิษฐานภาวนาด้วยความวางใจ และเปิดใจต้อนรับพระองค์ในเพื่อนมนุษย์ เป็นต้น คนยากจน คนเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือ พระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่างของโลก
ดังนั้น เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ เป็นช่วงเวลาของการก้าวเดินออกจากความมืดด้วยการกลับใจเปลี่ยนแปลงตนเอง
เพื่อเดินในแสงสว่างของพระองค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น