อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา ปี A |
ยรม 20:7-9 รม 12:1-2 มธ 16:21-27 |
บทนำ
ซิสเตอร์ท่านหนึ่งกำลังอธิบายการเดินรูปสิบสี่ภาคให้เด็กในชั้นเรียนฟัง
ซิสเตอร์อธิบายมาถึงสถานที่ 4 ซึ่งพระเยซูเจ้ากำลังแบกไม้กางเขนสู่เขากัลวารีโอและพบกับพระนางมารีย์
พระมารดาของพระองค์ ซิสเตอร์อธิบายว่าการเผชิญหน้ากันในสถานการณ์เช่นนั้น
พระนางมารีย์ไม่สามารถสื่อสารกับพระเยซูเจ้าด้วยคำพูดได้ นอกจากสื่อสารกันทางสายตา
ซิสเตอร์ถามเด็กในชั้นเรียนว่า
“พวกเธอคิดว่าแม่พระและพระเยซูเจ้าสื่อกันอย่างไร” เด็กนักเรียนได้ให้คำตอบมากมายแตกต่างกันไป
เด็กคนหนึ่งสะท้อนคำพูดของแม่พระว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ไม่ยุติธรรมเลย”
อีกคนบอกว่า “ขอแม่แบกกางเขนแทนได้ไหม” ที่สุดมีเด็กหญิงเล็ก ๆ
คนหนึ่งยกมือขึ้นและพูดกับซิสเตอร์ว่า “ซิสเตอร์คะ หนูมั่นใจว่าแม่พระบอกพระเยซูว่าว่า
‘จงแบกกางเขนต่อไป ลูก!”
ทำไมพระนางมารีย์ถึงบอกให้แบกกางเขนต่อไป
เพราะพระนางเข้าใจดีถึงความเชื่อคริสตชนที่ว่า “ไม่มีกางเขน ไม่มีมงกุฎ” พระเยซูเจ้าทรงเลือกหนทางแห่งไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปมนุษยชาติ
ผ่านทางไม้กางเขนพระองค์ทรงได้รับชัยชนะ เราคริสตชนไม่สามารถได้รับเกียรติรุ่งโรจน์
หากไม่ผ่านหนทางแห่งไม้กางเขน ดังคติที่ว่า “ผ่านทางไม้กางเขนนำไปสู่แสงสว่าง” (Per
Crucem ad Lucem) ความยากลำบากต่าง
ๆ ในชีวิตเป็นสิ่งมีความหมาย
1.
หนทางแห่งไม้กางเขน
หนทางแห่งไม้กางเขนคือเป้าหมายของพระเยซูเจ้าในการเสด็จมาในโลก
พระองค์ตรัสกับบรรดาสาวกว่าพระองค์จะเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม จะถูกมอบแก่ผู้มีอำนาจและถูกทรมานอย่างแสนสาหัส
“จะถูกประหารชีวิต แต่จะทรงกลับคืนชีพในวันที่สาม” (มธ 16:21) เป็นเรื่องเข้าใจยากว่าทำไมพระเจ้าต้องเลือกการทรมานเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด
พระองค์สามารถเลือกวิธีง่ายกว่านี้ได้โดยไม่ต้องมีการทรมานใด ๆ เพื่อเข้าใจความจริงข้อนี้
เราต้องเชื่อในความรักไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้า
ความรักย่อมอยู่เหนือความเข้าใจและเหตุผลทางโลกเสมอ
บ่อยครั้งเรามักเข้าใจว่ากางเขนคืออุปสรรค เป็นสิ่งที่เราต้องหลีกเลี่ยงหรือขจัดทิ้ง
เหมือนเปโตรที่พยายามขัดขวางพระเยซูเจ้า “ขอเถิด พระเจ้าข้า
เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นกับพระองค์อย่างแน่นอน” (มธ 16:22)
ซึ่งไม่ต่างกับคนอื่นทั้งหลายที่หวังว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นอัศวินขี่ม้าขาวผู้มากอบกู้ชาติ
แต่ภายหลังเปโตรได้เข้าใจว่าการทรมานและความตายมิใช่จุดจบของทุกสิ่ง
แต่เป็นหนทางสู่ชีวิต เมล็ดพืชต้องเน่าเปื่อยเพื่อเกิดต้นใหม่และให้ผล การตายต่อตัวเองเท่านั้นถึงได้ชีวิตนิรันดร
พระดำรัสของพระเยซูเจ้าชัดเจนและทรงอำนาจ “ถ้าผู้ใดอยากตามเรามา
ก็จงเลิกนึกถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา” (มธ 16:24) บนไม้กางเขนพระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติแท้จริงของพระเจ้าและมนุษย์ของพระองค์
ในความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อมนุษยชาติ พระองค์ทรงเปลี่ยนเครื่องหมายแห่งความตายและการประหารอันน่าสะพรึงกลัว
ให้กลายเป็นเครื่องหมายแห่งความรักและการให้อภัย “พระบิดาเจ้าข้า
โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” (ลก 23:34)
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเรา
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตหลายประการ
ประการแรก
จงเลิกนึกถึงตนเอง เราต้องปฏิเสธตัวเองและตอบรับพระเจ้า ไม่ยึดตัวเองเป็นที่ตั้งหรือสำคัญผิดว่าตัวเองคือความถูกต้อง
แต่ให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิต มีแต่พระเจ้าเท่านั้นยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด “พระองค์จะต้องทรงยิ่งใหญ่ขึ้นส่วนข้าพเจ้าจะต้องด้อยลง” (ยน 3:30) เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับพระเจ้า
เราไม่มีอะไรต้องอวดตัว นอกจากกล่าวเหมือนเปโตรว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด
พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” (ลก 5:8)
ประการที่สอง
จงแบกไม้กางเขนของตน เราแต่ละคนมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องแบกในชีวิต
นี่คือไม้กางเขนที่เราแต่ละคนต้องแบกในแต่ละวัน ต้องละทิ้งความสุขสบายส่วนตัว
สิทธิพิเศษ ชื่อเสียงและเกียรติยศเพื่อเห็นแก่พระเยซูเจ้า
เราต้องติดตามพระองค์ด้วยหัวใจทั้งครบบนหนทางแห่งไม้กางเขน
ในทุกสถานการณ์แห่งชีวิต เพราะหากไม่มีไม้กางเขนก็ไม่มีมงกุฎ
ผ่านทางการแบกไม้กางเขนเท่านั้น เราถึงได้รับเกียรติรุ่งโรจน์
ประการที่สาม
จงให้อภัยซึ่งกันและกัน บนไม้กางเขนพระเยซูเจ้าทรงให้อภัยผู้ประหารพระองค์ ทุกครั้งที่มองดูไม้กางเขนหรือทำสำคัญมหากางเขน
ต้องเตือนตัวเราให้เลียนแบบพระองค์ในการให้ภัยความผิดของกันและกัน เวลาเรียนรู้การให้อภัยนั่นคือจุดเริ่มต้นของสันติสุข
ดังสุภาษิตแอฟริกาที่ว่า “ผู้ให้อภัยยุติความขัดแย้ง” สำหรับคริสตชน การให้อภัยหมายถึง
การลืม ไม่จดจำความผิด และยกโทษด้วยใจจริง รักผู้ทำผิดต่อเรามากกว่าเดิม ต้อนรับและปฏิบัติต่อเขาเหมือนไม่เคยทำผิดมาก่อน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
หนทางแห่งไม้กางเขนเป็นหนทางสู่ความรอดนิรันดร ถือเป็นศูนย์กลางแห่งความเชื่อคริสตชน
เพราะเป็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระเจ้าผ่านทางการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า
บุตรพระเจ้าผู้ทรงรับเอากายเป็นมนุษย์ และทรงเปลี่ยนเครื่องหมายแห่งความตายสมัยนั้น
ให้กลายเป็นเครื่องหมายแห่งความรัก การให้อภัยและความรอดนิรันดร
คริสตชนได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้าเช่นเดียวกับประกาศกเยเรมีย์
นักบุญเปาโลและบรรดาสาวก เราต้องไม่เป็นเครื่องกีดขวางวิถีทางของพระเยซูเจ้า แต่เป็นพยานถึงพระองค์ตามวิถีดำเนินชีวิตของแต่ละคน
ศิษย์พระคริสต์ต้องไม่คิดถึงตนเองและแบกไม้กางเขนของตนติดตามพระเยซูเจ้าทุกวัน อีกทั้ง
ให้อภัยซึ่งกันและกันตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน ทั้งนี้เพราะการให้อภัยนำสันติสุขแท้มาสู่จิตใจของผู้ให้อภัยและผู้ได้รับการอภัย
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
29 สิงหาคม 2020
ภาพ: พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี, อนุสาวรีย์กางเขนที่โปแลนด์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น