วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2563

หนทางแห่งไม้กางเขน


หนทางแห่งไม้กางเขน

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

ปี A

ยรม 20:7-9

รม 12:1-2

มธ 16:21-27

บทนำ

ซิสเตอร์ท่านหนึ่งกำลังอธิบายการเดินรูปสิบสี่ภาคให้เด็กในชั้นเรียนฟัง ซิสเตอร์อธิบายมาถึงสถานที่ 4 ซึ่งพระเยซูเจ้ากำลังแบกไม้กางเขนสู่เขากัลวารีโอและพบกับพระนางมารีย์ พระมารดาของพระองค์ ซิสเตอร์อธิบายว่าการเผชิญหน้ากันในสถานการณ์เช่นนั้น พระนางมารีย์ไม่สามารถสื่อสารกับพระเยซูเจ้าด้วยคำพูดได้ นอกจากสื่อสารกันทางสายตา

ซิสเตอร์ถามเด็กในชั้นเรียนว่า “พวกเธอคิดว่าแม่พระและพระเยซูเจ้าสื่อกันอย่างไร” เด็กนักเรียนได้ให้คำตอบมากมายแตกต่างกันไป เด็กคนหนึ่งสะท้อนคำพูดของแม่พระว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ไม่ยุติธรรมเลย” อีกคนบอกว่า “ขอแม่แบกกางเขนแทนได้ไหม” ที่สุดมีเด็กหญิงเล็ก ๆ คนหนึ่งยกมือขึ้นและพูดกับซิสเตอร์ว่า “ซิสเตอร์คะ หนูมั่นใจว่าแม่พระบอกพระเยซูว่าว่า จงแบกกางเขนต่อไป ลูก!”

        ทำไมพระนางมารีย์ถึงบอกให้แบกกางเขนต่อไป เพราะพระนางเข้าใจดีถึงความเชื่อคริสตชนที่ว่า “ไม่มีกางเขน ไม่มีมงกุฎ” พระเยซูเจ้าทรงเลือกหนทางแห่งไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปมนุษยชาติ ผ่านทางไม้กางเขนพระองค์ทรงได้รับชัยชนะ เราคริสตชนไม่สามารถได้รับเกียรติรุ่งโรจน์ หากไม่ผ่านหนทางแห่งไม้กางเขน ดังคติที่ว่า ผ่านทางไม้กางเขนนำไปสู่แสงสว่าง (Per Crucem ad Lucem) ความยากลำบากต่าง ๆ ในชีวิตเป็นสิ่งมีความหมาย

 

1.        หนทางแห่งไม้กางเขน

หนทางแห่งไม้กางเขนคือเป้าหมายของพระเยซูเจ้าในการเสด็จมาในโลก พระองค์ตรัสกับบรรดาสาวกว่าพระองค์จะเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม จะถูกมอบแก่ผู้มีอำนาจและถูกทรมานอย่างแสนสาหัส “จะถูกประหารชีวิต แต่จะทรงกลับคืนชีพในวันที่สาม” (มธ 16:21) เป็นเรื่องเข้าใจยากว่าทำไมพระเจ้าต้องเลือกการทรมานเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด พระองค์สามารถเลือกวิธีง่ายกว่านี้ได้โดยไม่ต้องมีการทรมานใด ๆ เพื่อเข้าใจความจริงข้อนี้ เราต้องเชื่อในความรักไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้า ความรักย่อมอยู่เหนือความเข้าใจและเหตุผลทางโลกเสมอ

บ่อยครั้งเรามักเข้าใจว่ากางเขนคืออุปสรรค เป็นสิ่งที่เราต้องหลีกเลี่ยงหรือขจัดทิ้ง เหมือนเปโตรที่พยายามขัดขวางพระเยซูเจ้า “ขอเถิด พระเจ้าข้า เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นกับพระองค์อย่างแน่นอน” (มธ 16:22) ซึ่งไม่ต่างกับคนอื่นทั้งหลายที่หวังว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นอัศวินขี่ม้าขาวผู้มากอบกู้ชาติ แต่ภายหลังเปโตรได้เข้าใจว่าการทรมานและความตายมิใช่จุดจบของทุกสิ่ง แต่เป็นหนทางสู่ชีวิต เมล็ดพืชต้องเน่าเปื่อยเพื่อเกิดต้นใหม่และให้ผล การตายต่อตัวเองเท่านั้นถึงได้ชีวิตนิรันดร

พระดำรัสของพระเยซูเจ้าชัดเจนและทรงอำนาจ “ถ้าผู้ใดอยากตามเรามา ก็จงเลิกนึกถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา” (มธ 16:24) บนไม้กางเขนพระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติแท้จริงของพระเจ้าและมนุษย์ของพระองค์ ในความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อมนุษยชาติ พระองค์ทรงเปลี่ยนเครื่องหมายแห่งความตายและการประหารอันน่าสะพรึงกลัว ให้กลายเป็นเครื่องหมายแห่งความรักและการให้อภัย “พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” (ลก 23:34)

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเรา ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตหลายประการ

ประการแรก  จงเลิกนึกถึงตนเอง เราต้องปฏิเสธตัวเองและตอบรับพระเจ้า  ไม่ยึดตัวเองเป็นที่ตั้งหรือสำคัญผิดว่าตัวเองคือความถูกต้อง แต่ให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิต มีแต่พระเจ้าเท่านั้นยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด “พระองค์จะต้องทรงยิ่งใหญ่ขึ้นส่วนข้าพเจ้าจะต้องด้อยลง (ยน 3:30) เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับพระเจ้า เราไม่มีอะไรต้องอวดตัว นอกจากกล่าวเหมือนเปโตรว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” (ลก 5:8)

ประการที่สอง จงแบกไม้กางเขนของตน เราแต่ละคนมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องแบกในชีวิต นี่คือไม้กางเขนที่เราแต่ละคนต้องแบกในแต่ละวัน ต้องละทิ้งความสุขสบายส่วนตัว สิทธิพิเศษ ชื่อเสียงและเกียรติยศเพื่อเห็นแก่พระเยซูเจ้า เราต้องติดตามพระองค์ด้วยหัวใจทั้งครบบนหนทางแห่งไม้กางเขน ในทุกสถานการณ์แห่งชีวิต เพราะหากไม่มีไม้กางเขนก็ไม่มีมงกุฎ ผ่านทางการแบกไม้กางเขนเท่านั้น เราถึงได้รับเกียรติรุ่งโรจน์

ประการที่สาม จงให้อภัยซึ่งกันและกัน บนไม้กางเขนพระเยซูเจ้าทรงให้อภัยผู้ประหารพระองค์  ทุกครั้งที่มองดูไม้กางเขนหรือทำสำคัญมหากางเขน ต้องเตือนตัวเราให้เลียนแบบพระองค์ในการให้ภัยความผิดของกันและกัน เวลาเรียนรู้การให้อภัยนั่นคือจุดเริ่มต้นของสันติสุข ดังสุภาษิตแอฟริกาที่ว่า “ผู้ให้อภัยยุติความขัดแย้ง” สำหรับคริสตชน การให้อภัยหมายถึง การลืม ไม่จดจำความผิด และยกโทษด้วยใจจริง รักผู้ทำผิดต่อเรามากกว่าเดิม ต้อนรับและปฏิบัติต่อเขาเหมือนไม่เคยทำผิดมาก่อน

บทสรุป

พี่น้องที่รัก หนทางแห่งไม้กางเขนเป็นหนทางสู่ความรอดนิรันดร ถือเป็นศูนย์กลางแห่งความเชื่อคริสตชน เพราะเป็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระเจ้าผ่านทางการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า บุตรพระเจ้าผู้ทรงรับเอากายเป็นมนุษย์ และทรงเปลี่ยนเครื่องหมายแห่งความตายสมัยนั้น ให้กลายเป็นเครื่องหมายแห่งความรัก การให้อภัยและความรอดนิรันดร

คริสตชนได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้าเช่นเดียวกับประกาศกเยเรมีย์ นักบุญเปาโลและบรรดาสาวก เราต้องไม่เป็นเครื่องกีดขวางวิถีทางของพระเยซูเจ้า แต่เป็นพยานถึงพระองค์ตามวิถีดำเนินชีวิตของแต่ละคน ศิษย์พระคริสต์ต้องไม่คิดถึงตนเองและแบกไม้กางเขนของตนติดตามพระเยซูเจ้าทุกวัน อีกทั้ง ให้อภัยซึ่งกันและกันตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน ทั้งนี้เพราะการให้อภัยนำสันติสุขแท้มาสู่จิตใจของผู้ให้อภัยและผู้ได้รับการอภัย

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

khuanthinwan@gmail.com

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

29 สิงหาคม 2020

ภาพ: พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี, อนุสาวรีย์กางเขนที่โปแลนด์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น