อคติและความใจแคบ
จันทร์ สัปดาห์ที่ 3
เทศกาลมหาพรต
|
2 พกษ 5:1-15
ลก
4:24-30
|
เล่ากันว่าหากพระเยซูเจ้าเสด็จมาในยุคสมัยของเรา
เหมือนที่เคยเจริญชีวิตในปาเลสไตน์เมื่อสองพันปีก่อน แล้วจับพลัดจับผลูทำให้พระองค์ต้องเสด็จผ่านหมู่บ้านคาทอลิก หรือไปวัดวันอาทิตย์เพื่อร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณพร้อมกับเรา
ทุกคนคงมองพระองค์ด้วยสายตาที่แปลกละคนกับการดูแคลน แล้วหันมาซุปซิปกันว่า “ใครปล่อยให้คนบ้านี่มาเพ่นพ่านในวัด”
ไม่มีใครจำพระองค์ได้
พระเยซูเจ้าคงตกใจกับทุกสายตาที่จ้องมองพระองค์
ยิ่งได้เห็นพิธีกรรมเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์
รวมถึงได้ฟังพระสงฆ์เทศน์สอนคงทำให้พระองค์ตะลึงงันว่า “ใช่ข่าวดีที่พระองค์ประกาศหรือเปล่า”
พระองค์คงรู้สึกอับอายอย่างที่สุดกับสายตาทุกคู่ที่จ้องมองพระองค์
และคงรับไม่ได้กับพฤติกรรมและคำเทศน์สอนของพระสงฆ์
ซึ่งตรงข้ามกับคำสอนและแบบอย่างของพระองค์ ที่สุด พระองค์คงเล็ดลอดหนีไปแบบเงียบ ๆ
เพื่อไม่ให้ใครเห็น
พระวรสารวันนี้กล่าวถึงเรื่องราวของพระเยซูเจ้า
กับสถานการณ์ตึงเครียดในศาลาธรรมเมืองนาซาเร็ธที่พระองค์ทรงเจริญวัย
ชาวนาซาเร็ธไม่ต้อนรับพระองค์และปฏิเสธที่จะฟังพระองค์
เพราะจิตใจคับแคบของพวกเขาที่คิดว่า พระองค์เป็นแค่ลูกช่างไม้ชื่อโยเซฟ
และมีแม่ชื่อมารีย์หญิงชาวบ้านที่ไม่มีอะไร พระองค์ได้ปรีชาญาณนี้มาจากไหน
พวกเขาอยากให้พระองค์แสดง (อัศจรรย์) ให้เห็นว่า พระองค์เป็นพระผู้ไถ่แท้จริง
พระเยซูเจ้าทรงรู้ถึงความต้องการของพวกเขาและตรัสว่า
“ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน” (ลก 4:24) นี่คือความจริงที่แทงใจดำพวกเขา
พระองค์ทรงอ้างถึงความอดอยากครั้งใหญ่สมัยประกาศกเอลียาห์ มีหญิงม่ายมากมายในกาลิลีแต่มีเพียงหญิงม่ายที่เมืองเศราฟัทได้รับการช่วยเหลือ
มีคนโรคเรื้อนมากมายในอิสราเอลสมัยประกาศกเอลีชา
แต่มีเพียงนาอามานชาวซีเรียได้รับการรักษา
ถือเป็นการยกย่องคุณธรรมของคนต่างศาสนาเหนือชาวยิว
ทำให้พวกเขาโกรธและหาช่องทางฆ่าพระองค์
เราอาจตกในบาปเดียวกันกับชาวนาซาเร็ธคือ
“บาปอคติและความใจแคบ” จิตใจริษยาและคับแคบทำให้มองไม่เห็นด้านดีของผู้อื่น
เราเคยดูหมิ่นคนที่อยู่ในฐานะด้อยกว่าเราไหม
เราเชื่อไหมว่า พระหรรษทานของพระเจ้าทรงทำงานในคนเหล่านี้ พระหรรษทานของพระเจ้าได้เกิดผลเพียงใดในชีวิตของเรา และเราได้ร่วมมือกับพระหรรษทานของพระเจ้าอย่างที่ควรจะเป็นหรือเปล่า
ศิษย์พระคริสต์ต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยใจกว้าง
ด้วยท่าทีของความเป็นพี่น้องให้สมกับการเป็นลูกของพระบิดาเจ้าองค์เดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทยปัจจุบันที่มีความแตกแยกรุนแรง ความรักของพระเจ้าไม่เคยแบ่งแยก หรือเลือกที่รักมักที่ชัง
ไม่มียิว หรือกรีก ไม่มีทาส หรือไท แต่ทุกคนเป็นพี่น้องกัน ในเทศกาลมหาพรตนี้
ขอให้เรามองเห็นคุณค่าและความดีของกันและกัน
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลมหาพรต 40 วันแห่งการฟื้นฟูชีวิตคริสตชน, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2561), หน้า 75-76.
ที่มาภาพ : https://stmichaelsparish.org/wp-content/uploads/2016/01/Jesus-Preaching-1.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น