ภคินีคณะรักกางเขนแห่งท่าแร่
(Sisters,
Lovers of the Cross)
1.
ภูมิหลัง
พระสังฆราชปีแอร์ มารีย์ ลังแบรต์ เดอลา ม๊อต ธรรมทูตฝรั่งเศส ผู้ร่วมก่อตั้งคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (M.E.P.) ที่สมณกระทรวงเผยแพร่ความเชื่อแห่งกรุงโรมส่งมาปกครองมิสซังโคชินไชน่า
(ญวนใต้) ได้เดินทางมาถึงกรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 1662
(พ.ศ. 2205) แต่ไม่สามารถเดินทางไปแพร่ธรรมในประเทศเวียดนามเพราะเกิดการเบียดเบียนศาสนา
จึงตัดสินใจพำนักอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาและเริ่มงานแพร่ธรรมที่นั่น
ในเวลาต่อมา
พระสังฆราชลัมแบรต์ ได้ตั้งสถาบันภคินีรักกางเขนที่ค่ายนักบุญยอแซฟอยุธยา
เมื่อวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 1672 (พ.ศ. 2215) เพื่อช่วยงานแพร่ธรรมของคณะธรรมทูต
สมาชิกกลุ่มแรกมีประมาณ 5 คนและในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 1679 (พ.ศ. 2222) พระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 11
ทรงรับรองสถาบันรักกางเขนและทุกหมู่คณะของสตรีรักกางเขนที่พระสังฆราชหรืออุปสังฆราชได้ตั้งหรือที่จะตั้งขึ้นในเอเชีย
ด้วยการประทานพระคุณการุณย์
2.
การก่อตั้งอารามคณะรักกางเขนแห่งท่าแร่
ในปี
ค.ศ. 1885 (พ.ศ. 2428) คุณพ่อยอแซฟ กอมบูริเออ พระสงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส
ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดอัครเทวดามีคาแอลท่าแร่
ขณะที่มีอายุเพียง 23 ปี
คุณพ่อได้อุทิศตนในงานธรรมทูตด้วยความร้อนรน
ทำให้มีผู้ที่สมัครเป็นคริสตชนเพิ่มจำนวนมากขึ้น และได้ก่อตั้งเป็นชุมชนคาทอลิกขึ้นในหลายหมู่บ้านทำให้ภารกิจของคุณพ่อเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
คุณพ่อเริ่มเห็นความสำคัญและความต้องการหญิงสาวที่อุทิศตนเพื่อมาช่วยงานของพระศาสนจักรท้องถิ่น
แต่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้เนื่องจากอุปสรรคและความจำกัดหลายอย่าง
จนกระทั่งปี
ค.ศ. 1922 (พ.ศ. 2465) หลังจากที่เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าแร่มา
38 ปี
คุณพ่อจึงนำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษากับ พระสังฆราชอังเยโล มารีย์ แกวง
ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นพระสังฆราชมิสซังลาวในปีนั้น พระคุณเจ้าเห็นดีด้วย
คุณพ่อจึงได้รวบรวมหญิงสาวที่ประสงค์จะอุทิศตนเพื่อช่วยงานพระสงฆ์ในด้านการสอนคำสอนและด้านอื่นๆ
มีผู้สมัครรุ่นแรกจำนวน 8 คน
คุณพ่อได้ส่งหญิงสาวเหล่านั้นไปรับการฝึกอบรมที่อารามเชียงหวาง
ประเทศลาวในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1922 (พ.ศ. 2465) ระหว่างที่บรรดาหญิงสาวรับการฝึกอบรมที่อารามเชียงหวาง
คุณพ่อได้สร้างอารามขึ้นที่บ้านท่าแร่
หลังจากได้ฝึกอบรมเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว
คุณพ่อกอมบูริเออ ได้ไปรับโปสตุลันต์ทั้ง 8
คนกลับมาที่ท่าแร่เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1923 (พ.ศ. 2466) โดยมีคุณแม่ยุสตา มารีอา เปี่ยม ชาวบ้านปากซัน
ได้ตามมาเป็นนวกจารย์และอธิการิณีคณะ
หลังจากนั้นได้มีหญิงสาวมาสมัครเข้ารับการอบรมเพิ่มมากขึ้น คุณพ่อจึงได้ขออนุญาตพระสังฆราชแกวง ตั้งอารามคณะภคินีรักกางเขนแห่งท่าแร่ขึ้นอย่างเป็นทางการ
โดยได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1924 (พ.ศ. 2467) ซึ่งในขณะนั้นมีผู้ฝึกหัดในคณะจำนวน 10 คน พร้อมกับทำหน้าที่เป็นจิตตาธิการคณะภคินีใหม่ที่คุณพ่อได้ตั้งขึ้นเรื่อยมา
จนกระทั่งวาระสุดท้ายแห่งชีวิตที่คุณพ่อได้มอบคืนดวงวิญญาณแด่พระเป็นเจ้าอย่างสงบ
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1939
(พ.ศ. 2482) สิริอายุ 78
ปี
3. จุดประสงค์ในการเปิดอารามของคุณพ่อกอมบูริเออ
3.1 เพื่อให้โอกาสหญิงสาวถวายตัวแด่พระเป็นเจ้า
ด้วยการปฏิญาณถวายตัวถือศีลบนความยากจน ความบริสุทธิ์ ความนบนอบ
ตลอดจนการรำพึงภาวนาและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าในชีวิต
3.2 เพื่อช่วยพระสงฆ์ในการแพร่ธรรม สอนคำสอน
และเป็นผู้นำด้านกิจกรรมคาทอลิกในกลุ่มคริสตชนและงานอภิบาลอื่นๆ
3.3 เพื่อช่วยดูแลวัดและงานบ้าน
2.4
เพื่อสอนเรียนในโรงเรียนของมิสซังคาทอลิกในระดับประถม-มัธยมและฝึกอบรมวิชาชีพแก่หญิงสาว
3.5 เพื่อเลี้ยงดูเด็กกำพร้า คนชรา และรักษาคนป่วย
4. การเบียดเบียนและการปิดอาราม
ในปี
ค.ศ. 1940 (พ.ศ. 2483) เกิดสงครามโลกครั้งที่
2 และเกิดกรณีพิพาทอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ส่งผลให้พระสังฆราชแกวง และพระสงฆ์ชาวฝรั่งเศสถูกบังคับให้ออกจากประเทศไทย มีการเบียดเบียนศาสนาทั่วไป เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1940 (พ.ศ. 2483) ทางการได้ยึดและปิดอาราม ขับไล่ภคินีออกจากอารามทั้งหมด บรรดาภคินีต้องกลับไปอาศัยอยู่บ้านบิดามารดาของตนเอง โดยสวมชุดฆราวาส วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 1942 (พ.ศ. 2485) คุณพ่อเปาโลศรีนวล ศรีวรกุล ผู้ดูแลมิสซังในขณะนั้นได้ส่งภคินีจำนวนหนึ่งไปอาศัยอยู่ที่อารามคณะรักกางเขนแห่งอุบลฯ
จนถึงวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1944
(พ.ศ. 2487) ภคินีเหล่านั้นได้เดินทางกลับท่าแร่และไปอาศัยอยู่ที่บ้านบิดามารดาของตน
เมื่อสงครามและกรณีพิพาทอินโดจีนยุติลง
ทางราชการได้คืนวัดวาอารามให้มิสซังเมื่อวันที่ 1
ธันวาคม ค.ศ. 1944 (พ.ศ. 2487) ดังนั้นจึงมีภคินี
12 รูป และโนวิสอีก 3 คนซึ่งฝึกอบรมระหว่างการเบียดเบียนอยู่ที่อารามรักกางเขนแห่งอุบลฯ
ต่อมาได้ถวายตัวและกลับมาที่อารามรักกางเขนแห่งท่าแร่ โดยอาศัยความรักและพระเมตตาจากพระเป็นเจ้า
ทำให้มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
1 พฤษภาคม 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น