วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

พันธกิจแห่งการประกาศข่าวดี


พันธกิจแห่งการประกาศข่าวดี

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา
ปี C
นหม 2-4, 5-6, 8-10
1 คร 12:12-30
ลก 1: 1-4; 4: 14-21

บทนำ

ในการสอนคำสอนเด็กครั้งหนึ่ง มีเด็กคนหนึ่งตั้งข้อสงสัยว่า “ทำไมเราไม่มีพระวรสารเพียงเล่มเดียว” เพราะการมีวรสารเพียงเล่มเดียวย่อมง่ายสำหรับการศึกษาเรียนรู้และทำความเข้าใจ อีกทั้งจะเป็นพระวรสารแห่งความจริง ความบริสุทธิ์และความเที่ยงแท้ แต่เรามีพระวรสารถึงสี่เล่ม และแต่ละเล่มมีเนื้อหาที่แตกต่างกัน ในความเป็นจริงหากเรามีพระวรสารเพียงเล่มเดียว เราก็จะเข้าใจพระเยซูเจ้าเพียงวิธีเดียว แบบเดียว

เราคงเคยได้ยินเรื่องเล่า “คนตาบอดคลำช้าง” เล่ากันว่ามีคนตาบอดหกคนถกเถียงกันว่าช้างเป็นอย่างไรกันแน่ คนแรกสัมผัสสีข้างช้างก็บอกว่าช้างเหมือนกำแพง คนที่สองสัมผัสงาช้างก็บอกว่าช้างเหมือนหอก คนที่สามสัมผัสงวงช้างก็บอกว่าช้างเหมือนงู คนที่สี่สัมผัสขาช้างก็บอกว่าช้างเหมือนต้นไม้ คนที่ห้าสัมผัสใบหูช้างก็บอกว่าช้างเหมือนพัด และคนที่หกสัมผัสหางช้างก็บอกว่าช้างเหมือนเชือก คนตาบอดแต่ละคนต่างยืนยันว่าตนเองถูกต้องส่วนคนอื่นผิด

สิ่งที่แต่ละคนพูดล้วนถูกต้องทั้งนั้น แต่ละคนต่างมีประสบการณ์เกี่ยวกับช้างในแง่มุมของตน แต่มิใช่ความรู้ทั้งหมดหรือความเป็นจริงเกี่ยวกับช้างทั้งครบ เมื่อเรานำประสบการณ์ของแต่ละคนมารวมกัน เราก็จะได้ภาพความเป็นจริงเกี่ยวกับช้าง เช่นเดียวกับความเป็นจริงเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าที่ผู้นิพนธ์พระวรสารทั้งสี่นำเสนอ แต่ละท่านต่างเล่าเรื่องราวและพันธกิจที่แตกต่างกันของพระเยซูเจ้า ช่วยให้เราได้เข้าใจความเป็นจริงเกี่ยวกับพระองค์ได้ดียิ่งขึ้น

1.           พันธกิจแห่งการประกาศข่าวดี

หลังสังคายนาวาติกันครั้งที่สอง บทพระวรสารวันอาทิตย์ของพระศาสนจักรได้รับการปรับปรุงให้มีวงรอบสามปีคือ ปี A พระวรสารนักบุญมัทธิวที่เน้นความเป็นกษัตริย์ที่ทรงอำนาจของพระเยซูเจ้า, ปี B พระวรสารนักบุญมาระโกที่เน้นฤทธานุภาพของพระเยซูเจ้าเพื่อพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระแมสิยาห์ (ในการกระทำและอำนาจเหนือธรรมชาติ) และปี C พระวรสารนักบุญลูกาเน้นพระเมตตากรุณาของพระคริสตเจ้า (ที่มีต่อคนยากจน คนที่ถูกทอดทิ้ง คนต่างชาติและผู้หญิง) ส่วนพระวรสารนักบุญยอห์นใช้อ่านในวันอาทิตย์ในเทศกาลปัสกา เน้นธรรมล้ำลึกของพระเยซูเจ้า ผู้ซึ่งเป็นอยู่กับพระบิดาเจ้าตั้งแต่นิรันดร

วันนี้เราเริ่มต้นพระวรสารโดยนักบุญลูกา ในอารัมภบท (ลก 1:1-4) ลูกาได้บอกให้เราทราบถึงเหตุผลในการเขียนพระวรสารของท่าน นั่นคือเพื่ออธิบายให้เทโอฟีลัส เจ้าหน้าที่ชาวโรมันได้เข้าใจถึงความเป็นคริสตชน เราได้พยายามที่จะอธิบายให้คนอื่นได้เข้าใจถึงความเป็นคริสตชนของเราบ้างไหม หลายคนเข้าใจว่าคริสต์ศาสนาเป็นศาสนาที่เน้นเรื่องบาป การพิพากษา นรกและสวรรค์ ทำให้หลายคนเข้าใจว่าพระเจ้าในแบบตำรวจที่คอยจับผิดและลงโทษมนุษย์ ซึ่งลูกาได้แสดงให้เห็นถึงความรักและพระเมตตาของพระเจ้ามากกว่าการลงโทษ

นั่นคือเหตุผลที่ลูกาบอกเทโอฟีลัสถึงความเชื่อคริสตชน โดยมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศาลาธรรมแห่งเมืองนาซาเร็ธอย่างมีคุณค่า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พบแต่เฉพาะในพระวรสารโดยนักบุญลูกาเท่านั้น พระเยซูเจ้าได้ประกาศอย่างเปิดเผยถึงพันธกิจของพระองค์ในโลก นั่นคือการเสด็จมาเพื่อเริ่มการปฏิวัติความรักและความเมตตากรุณาในโลก “พระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า” (ลก 4:18-19)

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวรสารวันนี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชน ในการดำเนินชีวิตประจำวันหลายประการ

ประการแรก เราต้องอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจความเป็นคริสตชน ยังมีผู้คนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่รู้จักนามเยซูและมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา เป็นหน้าที่ของเราคริสตชนแต่ละคนที่จะต้องอธิบายให้พวกเขาได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับความเชื่อและข้อคำสอนของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน

ประการที่สอง เราต้องฟังพระวาจาของพระเจ้าด้วยหัวใจ พยายามทำให้พระวาจาของพระองค์เป็นจริงในชีวิตของเรา ในทุกสถานการณ์ของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความรัก ความเมตตากรุณาและเอาใจใส่ที่เราพึงมีต่อกัน ตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้าที่นักบุญลูกาพยายามนำเสนอ

ประการที่สาม เราต้องประกาศข่าวดีของพระเจ้า พระเยซูเจ้าได้เริ่มต้นพันธกิจแห่งการประกาศข่าวดีแก่คนยากจน คนถูกกดขี่และประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเจ้าที่นาซาเรธ บ้านเกิดของพระองค์ เราจึงต้องเริ่มประกาศข่าวดีจากครอบครัวและหมู่บ้านของเรา ตามคำประกาศของพระเยซูเจ้า โดยเฉพาะกับคนยากจน คนถูกกดขี่และคนที่ต้องการความช่วยเหลือ

บทสรุป

พี่น้องที่รัก นักบุญลูกาได้แสดงให้เห็นถึงความรักและพระทัยเมตตากรุณาของพระเยซูเจ้า ที่มีต่อทุกคน โดยเฉพาะคนยากจน คนเดือนร้อนและต้องการความช่วยเหลือ เราต้องดำเนินชีวิตให้สมกับการเป็นคริสตชนที่เชื่อในพระคริสตเจ้า และกล้าที่จะประกาศให้ทุกคนได้เข้าใจถึงความเป็นคริสตชนของเรา นี่คือพันธกิจของเราแต่ละคนและหมู่คณะในการนำข่าวดีของพระองค์ไปสู่ทุกคน

วันนี้พระวรสารได้ท้าทายเราให้ฟังข่าวดีของพระองค์ ยอมรับข่าวดีเข้ามาสู่ใจของเรา และยื่นมืออกในการปฏิบัติความรักกับคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบรอบตัวเรา เพื่อช่วยพวกเขาได้ตระหนักถึงความรัก พระทัยเมตตากรุณาและความโปรดปราณของพระเจ้า ที่เสด็จมาเพื่อช่วยเหลือเราทุกคน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
25 มกราคม 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น