วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

เขาบอกให้ท่านทำอะไรก็จงทำเถิด


เขาบอกให้ท่านทำอะไรก็จงทำเถิด

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา
ปี C
อสย 62: 1-5
1 คร 12: 4-11
ยน 2: 1-11

บทนำ

ครั้งหนึ่งคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตาได้เล่าว่า คืนวันหนึ่งมีคนมาบอกคุณแม่ว่า “มีครอบครัวหนึ่งมีลูกแปดคน ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว” คุณแม่ได้นำอาหารและข้าวสารไปให้ครอบครัวนั้นทันที เมื่อไปถึงครอบครัวดังกล่าวคุณแม่พบว่าใบหน้าของเด็กเหล่านั้นไม่เหมือนคนที่กำลังอดหิวเลย ไม่ปรากฏความเศร้าโศกเสียใจบนใบหน้าทั้งๆ ที่ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว คุณแม่ได้ให้อาหารและข้าวสารหนึ่งกระสอบแก่ผู้เป็นแม่ เธอได้แบ่งข้าวสารออกเป็นสองส่วน และถือข้าวสารครึ่งกระสอบเดินจากไป

เมื่อเธอกลับมาคุณแม่จึงถามว่า “ไปไหนมา” เธอตอบอย่างซื่อๆว่า “นำไปให้เพื่อนบ้าน พวกเขากำลังหิวเหมือนครอบครัวของฉัน” คุณแม่เทเรซาบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคนยากจนจะเป็นคนใจกว้างเช่นนี้เสมอ แต่ที่คุณแม่แปลกใจมากคือหญิงคนนั้นทราบว่าพวกเขากำลังหิว โดยทั่วไปคนเราเมื่อกำลังทุกข์ทรมานมักจะคิดถึงตนเองก่อนเสมอ เราไม่มีเวลาที่จะไปคิดถึงคนอื่น เรื่องราวการสมรสที่หมู่บ้านคานาบอกให้เราทราบถึง แบบอย่างชีวิตของแม่พระที่ช่างสังเกตและคิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ

การอัศจรรย์ที่เมืองคานา ถือเป็นเครื่องหมายแรกในเจ็ดอย่างในพระวรสารโดยนักบุญยอห์น ซึ่งพระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์ พระเยซูเจ้า พระมารดาและสาวกของพระองค์ได้รับเชิญให้ไปในงานสมรส เมื่อเหล้าองุ่นหมดลงแม่พระได้บอกพระเยซูเจ้า ทีแรกคล้ายกับว่าพระองค์ไม่สนใจ แต่ภายหลังพระองค์ได้บอกให้คนรับใช้ตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มหกใบ และน้ำนั้นได้กลายเป็นเหล้าองุ่นอย่างดี

1.           เขาบอกให้ท่านทำอะไรก็จงทำเถิด

งานมงคลสมรสสำหรับชาวยิวถือเป็นงานใหญ่ที่มีการเลี้ยงฉลองถึง 7 วัน ในช่วงเวลาดังกล่าวบรรดาแขกจะมาที่บ้าน เพื่อนำของขวัญมาให้และร่วมความชื่นชมยินดีกับคู่บ่าวสาว สถานการณ์แห่งความยากลำบากจะเกิดขึ้นทันทีสำหรับคู่บ่าวสาวเมื่อเหล้าองุ่นหมด (แสดงว่าว่าพวกเขามาจากครอบครัวที่ยากจน) สำหรับชาวยิวในสมัยนั้น “เหล้าองุ่น” เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการรับประทานอาหารและยังใช้ในงานเลี้ยงฉลอง การที่เหล้าองุ่นหมดลงในงานมงคลสมรสจึงเป็นปัญหาหนัก ทำให้เจ้าภาพเสียหน้าและเป็นเครื่องหมายไม่ดีสำหรับคู่แต่งงานใหม่

เมื่อแม่พระมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นและบอกพระเยซูเจ้าให้ทรงทราบ ฟังดูคล้ายกับว่าพระเยซูเจ้าไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับสิ่งที่แม่พระบอก ทั้งนี้เพราะคนที่เป็นแขกไม่จำเป็นต้องรับรู้หรือสนับสนุนสิ่งที่จำเป็นทุกอย่างสำหรับงานเลี้ยง แต่พระเยซูเจ้าได้บอกแม่พระว่า “เวลาของลูกยังมาไม่ถึง” แม่พระเข้าใจพระวาจาของพระองค์เป็นอย่างดี จึงบอกคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไรก็จงทำเถิด” ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นว่าบุตรของพระนางจะไม่ทำให้คู่บ่าวสาวเสียหน้าอย่างแน่นอน

ปิตาจารย์ของพระศาสนจักรได้ให้ความหมายเกี่ยวแก่สัญลักษณ์ ในงานสมรสที่คานา ดังนี้

1)           น้ำในโอ่งหิน แทนธรรมบัญญัติและธรรมประเพณีดั้งเดิมของชาวยิว (ยรม 31:12; ฮซย 14:7; อมส 9:13) ซึ่งพระเยซูเจ้าจะทรงทำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในพระวรสาร

2)           เหล้าองุ่นที่เหลือเฟือ (120 แกนลอน) ที่พระเยซูเจ้าทรงทำอัศจรรย์ เปิดเผยถึงพระสิริรุ่งโรจน์ ความพึงพอใจ ความพอเพียงและพระพรที่เต็มเปี่ยมที่พระองค์ทรงเตรียมสำหรับคนบาป ทำให้เราไม่ขาดสิ่งใด

3)           คำแนะนำของแม่พระ “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” เชื้อเชิญเราให้มองดูพระเยซูเจ้าในฐานะเครื่องหมายใหม่แห่งความรอด และนำเราทุกคนไปหาพระเยซูเจ้า บุตรสุดที่รักของพระนางเสมอ

4)           เหล้าองุ่นอย่างดี ชี้ไปถึง “เหล้าองุ่นแห่งพันธสัญญาใหม่” และ “ปังทรงชีวิต” ที่พระเยซูเจ้าทรงจัดเตรียมสำหรับศิษย์ของพระองค์ในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวรสารวันนี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชน ในการดำเนินชีวิตประจำวันหลายประการ

ประการแรก เราต้องปฏิบัติตามคำสั่งของแม่พระ “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” นี่เป็นเพียงคำสั่งเดียวของแม่พระที่บันทึกไว้ในพระวรสาร และถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการอัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้นในครอบครัวของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลียนแบบอย่างของแม่พระในการไวต่อความเดือดร้อนและความต้องการของผู้อื่น คิดถึงผู้อื่นก่อน และเป็นผู้ที่เชื่อในพระเยซูเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม

ประการที่สอง เราต้องต้องเติมเต็มจิตใจที่ว่างเปล่าด้วยความรัก เช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าทรงเติมเต็มโอ่งน้ำที่ว่างเปล่าให้กลายเป็นเหล้าองุ่น การอัศจรรย์ที่หมู่บ้านคานา พระเยซูเจ้าทรงท้าทายเราให้เติมเต็มชีวิตที่ว่างเปล่าของผู้คนที่อยู่รายรอบตัวเรา ด้วยเหล้าองุ่นใหม่แห่งความรัก ความเมตากรุณา ความใส่ใจและการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

ประการที่สาม ให้เราตระหนักถึงการประทับอยู่ขององค์พระเจ้าบนพระแท่น ในพิธีบูชาขอบพระคุณ พระเยซูเจ้าทรงเปลี่ยนปังและเหล้าองุ่นให้กลายเป็นพระกายและพระโลหิตของพระองค์ เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตเราให้เติบโตยิ่งขึ้นในความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกัน ในครอบครัว หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา ดังนั้น เราจึงต้องเชื่อในพระองค์และรับพระองค์เข้ามาในจิตใจของเรา เพื่อให้พระองค์ประทับอยู่ในตัวเราและกลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งชีวิตของเรา

บทสรุป

พี่น้องที่รัก การอัศจรรย์ที่หมู่บ้านคานาเชื้อเชิญเราให้เลียนแบบอย่างของแม่พระ ในการไวต่อความเดือดร้อนและความต้องการของผู้อื่น คิดถึงผู้อื่นก่อนและเป็นผู้ที่เชื่อในพระเยซูเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม อีกทั้ง เปิดเผยให้เราทราบถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเยซูเจ้า ที่ทรงรับเอาบทบาทของเจ้าบ่าวในการประทานเหล้าองุ่นเลี้ยงแขกที่มาในงานสมรส

ทุกวันอาทิตย์พระเยซูเจ้าทรงเปลี่ยนปังและเหล้าองุ่น ให้กลายเป็นพระกายและพระโลหิตของพระองค์เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตเรา ให้เราได้ทำให้ทุกวันอาทิตย์กลายเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ ที่เรามาร่วมแบ่งปันชีวิตของเรากับเพื่อนพี่น้องรอบพระแท่น เพื่อให้พระองค์เติมเต็มจิตใจที่ว่างเปล่าของเรา ด้วยเหล้าองุ่นใหม่แห่งความรัก ความใส่ใจและความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
18 มกราคม 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น