อาทิตย์ ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ปี C |
1 ซมอ 1:20-22, 24-28 1 ยน 3:1-2, 21-24 ลก
2:41-52 |
บทนำ
นักบุญเปาโลที่ 6 พระสันตะปาปา ได้เล่าเรื่องเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพระอัครสังฆราชแห่งมิลาน
ขณะไปเยี่ยมอภิบาลตามวัดพระองค์ได้พบหญิงชราคนหนึ่งอาศัยอยู่ตามลำพัง ทรงถามเธอว่า
“สบายดีไหม” เธอตอบว่า “สบายดีตามอัตภาพและไม่ต้องทรมานเพราะความหนาว”
พระองค์ตรัสกับเธอว่า “แสดงว่ามีความสุขนะสิ” หญิงชราตอบทันทีว่า “ไม่เลย”
และเริ่มร้องไห้ “ลูกชายกับลูกสาวไม่เคยมาเยี่ยมเลย
ฉันกำลังจะตายเพราะความโดดเดี่ยว”
เหตุการณ์วันนั้นและคำพูดของหญิงชรา
“ฉันกำลังจะตายเพราะความโดดเดี่ยว” รบกวนพระทัยของนักบุญเปาโลที่ 6 เรื่อยมา พระองค์ทรงตระหนักว่า “อาหารและความอบอุ่นยังไม่เพียงพอ
คนเรายังต้องการอะไรมากกว่านั้น พวกเขาต้องการการอยู่พร้อมหน้า
ต้องการเวลาและต้องการความรักของเรา พวกเขาต้องการการสัมผัสอันอบอุ่นของเรา
เพื่อทำให้พวกเขาแน่ใจว่าไม่ถูกทอดทิ้ง”
สัปดาห์สุดท้ายของปี
พระศาสนจักรให้เราฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าประกอบด้วยพระเยซูเจ้า
พระนางมารีย์ และนักบุญยอแซฟ วันฉลองนี้เตือนใจเราถึงความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักรสากล
แต่ละครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์
เช่นเดียวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นครอบครัว
ทรงประสงค์ให้พระบุตรเกิดมาเป็นมนุษย์ในครอบครัว ในสภาพเหมือนเราทุกอย่างเว้นแต่บาป
1.
ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
เป็นการฉลองชีวิตครอบครัวของพระองค์ซึ่งดำเนินชีวิตในความรัก ความเห็นอกเห็นใจ และเคารพซึ่งกันและกัน
เป็นแบบอย่างของการแบ่งปันความยินดี ความรับผิดชอบ และการร่วมทุกข์ร่วมสุขในครอบครัว
ซึ่งพระศาสนจักรยกย่องให้เป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์และต้นแบบของครอบครัวทั้งหลาย
การฉลองนี้มุ่งความสนใจไปที่ครอบครัวคริสตชนทุกครอบครัว
และวอนขอพระพรจากพระเจ้าสำหรับครอบครัวของเราแต่ละคน
พระวรสารไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากนัก
แต่เราเข้าใจว่า นักบุญยอแซฟเป็นคนยำเกรงพระเจ้า ปฏิบัติตามพระประสงค์โดยไม่มีเงื่อนไข
มีหัวใจเปิดสู่พระเจ้า เชื่อฟังและพร้อมเผชิญความยากลำบากทุกอย่าง
เพื่อปกป้องพระกุมารและพระนางมารีย์ให้ได้รับความปลอดภัย จนได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ชอบธรรม”
มีความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าครอบครัว ขณะที่พระนางมารีย์คู่ชีวิตรับผิดชอบดูแลครอบครัวและมีส่วนในความยากลำบากต่าง
ๆ ในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเงียบ ๆ
นักบุญลูกาได้เล่าเรื่องการหายไปของพระเยซูเจ้า
ขณะเดินทางไปฉลองปัสกาที่กรุงเยรูซาเลมตอนพระชนมายุสิบสองพรรษา สะท้อนความเป็นจริงของชีวิตครอบครัวซึ่งเผชิญความยากลำบากในแบบคาดไม่ถึง
เช่น การพลัดพรากและการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
แม้เมื่อพบพระเยซูแล้วยังไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัส ที่สุด พระเยซูเจ้าได้เสด็จกลับไปนาซาเร็ธพร้อมกับบิดามารดา
ทรงอยู่กับครอบครัวต่อไปอีกสิบแปดปี แสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงเข้าใจความสำคัญและความจำเป็นลำดับแรกของชีวิตครอบครัว
2.
บทเรียนสำหรับเรา
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์และพระวาจาของพระเจ้าวันนี้
ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ประการแรก เราต้องเลียนแบบครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ พระนางมารีย์และนักบุญยอแซฟต่างทำงานหนัก
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกันในฐานะของประทานจากพระเจ้า
อีกทั้ง ช่วยกันดูแลพระเยซูเจ้าให้เติบโตขึ้นในความเป็นมนุษย์และการเป็นบุตรของพระเจ้า
บิดามารดาต้องเป็นครูคนแรกที่สอนบุตรให้เข้าใจและรู้จักพระเจ้า ประการสำคัญ ต้องมีความรับผิดชอบในการเป็นตัวอย่างดีแก่บุตรของตน
ประการที่สอง เราต้องทำให้ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
ครอบครัวเป็นหน่วยเล็กที่สุดซึ่งเป็นพื้นฐานของพระศาสนจักรสากล
แต่ละครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์ พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลสมรสเพื่ออวยพรคู่บ่าวสาวและครอบครัวของเขาให้ศักดิ์สิทธิ์ สามีภรรยาจะบรรลุความศักดิ์สิทธิ์เมื่อต่างทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์
วางใจในพระเจ้า ผ่านทางการอธิษฐานภาวนา
การอ่านพระคัมภีร์และการไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ
ประการที่สาม เราต้องเคารพเชื่อฟังและเลี้ยงดูบิดามารดา
พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปยังนาซาเร็ธพร้อมกับพระนางมารีย์และนักบุญยอแซฟ ทรงเคารพเชื่อฟังท่านทั้งสอง
และทรงทำงานช่างไม้สานต่องานของยอแซฟเพื่อเลี้ยงครอบครัว ลูกต้องเคารพเชื่อฟังและให้เกียรติบิดามารดา
“บุตรที่ให้เกียรติบิดาจะมีอายุยืน...
บุตรที่ละทิ้งบิดาก็เหมือนผู้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า” (บสร 3:6, 16) เรามีหน้าที่ต่อบิดามารดา ดูแลและเลี้ยงดูท่านยามชรา
มิใช่ปล่อยให้อยู่ตามลำพัง
บทสรุป
พี่น้องที่รัก การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า เป็นโอกาสให้เราได้พิจารณาไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวของเรา
การอยู่ร่วมกันระหว่างบิดา มารดา บุตร
เป็นไปตามแบบครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากน้อยเพียงใด เราต้องมีความรักต่อกันตามแบบของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ สามีภรรยาต้องรักและซื่อสัตย์ต่อกันต่อกันจนวันตาย
ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ในวันรับศีลสมรส
บิดามารดาต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รับผิดชอบต่อครอบครัวและทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์เพื่อบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ “ของขวัญยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งบิดามารดาสามารถให้แก่บุตรได้คือความรักที่พวกเขามีต่อกัน” (Anon) บุตรเช่นเดียวกันต้องเคารพเชื่อฟังบิดามารดา ไม่ทำให้ท่านเสียใจ กตัญญูและดูแลท่านยามแก่เฒ่า ทั้งนี้เพื่อความผาสุกของสังคม ประเทศชาติและพระศาสนจักร ดังคำกล่าวที่ว่า “ครอบครัวดี คนดี สังคมดี”
ขวัญ ถิ่นวัลย์, ของขวัญสุดประเสริฐ ความชื่นชมยินดีแห่งการบังเกิด, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562), หน้า 123-126.
ภาพ : ถ้ำพระกุมาร, วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร; 2021-12-10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น