บทบัญญัติเอก
อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 30
เทศกาลธรรมดา ปี A |
อพย 22:20-26 1 ธส 1:5-10 มธ 22:34-40 |
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่าในบั้นปลายชีวิตของนักบุญยอห์น
ผู้นิพนธ์พระวรสาร เวลามีประชุมกลุ่มคริสตชน ต้องมีผู้หามท่านไปยังที่ประชุม เนื่องจากสังขารอ่อนแรงทำให้ไม่สามารถเทศน์สอนได้นาน
ท่านมักพูดซ้ำคำพูดสั้น ๆ ว่า “ลูกรัก
จงรักกันและกัน” บรรดาศิษย์รู้สึกเบื่อหน่ายกับคำพูดเดิม ๆ
ซ้ำไปซ้ำมานี้ และถามท่านว่า ทำไมไม่พูดอย่างอื่นบ้าง ท่านตอบพวกเขาว่า “จงรักกันและกัน แค่นี้เพียงพอแล้ว”
บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีได้ออกกฎเกณฑ์มากมาย เพื่อขยายความบทบัญญัติของพระเจ้า
สมัยพระเยซูเจ้ามีธรรมบัญญัติมากถึง 613 ข้อ แยกเป็น “ข้อห้าม” 365 ข้อ และ “ข้อปฏิบัติ” 248 ข้อ
ในหมู่ชาวยิวมีการถกเถียงกันมาช้านานว่า “ธรรมบัญญัติข้อใดสำคัญที่สุด”
สำนักฮิลเลล (Rabbi Hillel) พูดอย่างหนึ่ง สำนักกามาลิเอล (Rabbi
Gamaliel) พูดอีกอย่าง บรรยากาศเช่นนี้ทำให้มีผู้คาดหวังใครซักคนถามพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ พระเยซูเจ้าทรงเผชิญหน้ากับชาวฟาริสี และผู้นำทางการเมืองที่รวมตัวกันเล่นงานพระองค์
ต้องเสียภาษีแก่ซีซาร์หรือไม่ (มธ 22:15-22) ต้องเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพของร่างกายหรือไม่ (มธ 22:23-33) พระวรสารวันนี้ชาวฟาริสีได้มาชุมนุมพร้อมกันหมายจับผิด
และบัณฑิตทางกฎหมายคนหนึ่งได้ทูลถามพระองค์ว่า “บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรมบัญญัติ”
(มธ 22:36) คำตอบของพระเยซูเจ้าทำให้ทุกคนตาสว่าง และเข้าใจถึงแก่นแท้ของบทบัญญัติ
1.
บทบัญญัติเอก
พระเยซูเจ้าทรงตอบปัญหาของบัณฑิตทางกฎหมาย และทำให้ปัญหาคาใจชาวยิวได้รับความกระจ่าง
“ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน...
ท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” (มธ 22:37-38) นี่คือบทสรุปของพระวรสาร
หรือหลักคำสอนของพระเยซูเจ้า ทรงสรุปบทบัญญัติของพระเจ้าให้เหลือเพียงสองประการ
และทรงยืนยันหนักแน่นว่า ไม่มีบทบัญญัติข้อใดใหญ่กว่าสองประการนี้
พระเยซูเจ้าทรงวางบทบัญญัติสองประการเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรก
ในความสัมพันธ์ที่มนุษย์มีต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ทรงขยายความหมายของคำว่า “เพื่อนมนุษย์” ให้กว้างออกไปสู่ทุกคน “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องที่ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา”
(มธ 25:40)
ชีวิตมนุษย์เป็นของประทานจากพระเจ้า ทำให้เราสามารถเติบโตในความรักของพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์
ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของบทบัญญัติ และต้องไปด้วยกันเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน
นักบุญยอห์น อัครสาวกเป็นผู้ที่เข้าใจ และอธิบายความสัมพันธ์ของบทบัญญัติสองประการได้ดีที่สุด
ท่านได้ยืนยันกับศิษย์ของท่านจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตว่า “จงรักกันและกัน” เพราะการรักเพื่อนมนุษย์เป็นหนทางนำไปสู่ความรักต่อพระเจ้า
“ถ้าผู้ใดพูดว่า ‘ฉันรักพระเจ้า’ แต่เกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นย่อมเป็นคนพูดเท็จ
เพราะผู้ไม่รักพี่น้องที่เขาแลเห็นได้ ย่อมไม่รักพระเจ้าที่เขาแลเห็นไม่ได้” (1 ยน 4:20)
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก
เราต้องรักพระเจ้าสุดจิตใจ นี่เป็นบทสรุปบทบัญญัติสามประการแรก พระเยซูเจ้าทรงอ้างข้อความจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ
(ฉธบ 6:5)
และหนังสือเลวีนิติ (ลนต 19:18) นั่นหมายความว่า
เราต้องรักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด พระองค์ต้องยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา
ความรักต่อพระเจ้าทำให้ชีวิตของเรามีความหมาย และสามารถรักผู้อื่นได้ เพราะพระเจ้าทรงรักเราก่อนโดยไม่แบ่งแยก
ไม่มีเงื่อนไข และไร้ขีดจำกัด
ประการที่สอง
เราต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง นี่เป็นบทสรุปบทบัญญัติที่เหลือ
พระเยซูเจ้าทรงย้ำว่า ความรักต่อเพื่อนมนุษย์เป็นหน้าที่สำคัญต่อพระเจ้า
ความรักที่มีต่อพระเจ้าต้องแสดงออกต่อผู้อื่น เป็นความรักไม่เห็นแก่ตัวที่ออกจากตัวเองและแบ่งปันกับทุกคน มิใช่แต่เฉพาะพวกพ้องที่เรารักเท่านั้น แต่กับทุกคนแม้กระทั่งศัตรู ความรักต่อผู้อื่นนำเราไปสู่พระเจ้า
และทำให้ความรักต่อพระเจ้าปรากฏเป็นรูปธรรม
ประการที่สาม เราต้องรักกันเหมือนพระเจ้าทรงรักเรา ความรักเป็นบัญญัติเดียวที่พระเยซูเจ้าทรงเน้นเป็นพิเศษ “นี่คือบทบัญญัติของเราให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน”
(ยน 15:12)
ความรักเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคริสตชน และเป็นเครื่องหมายบอกคนอื่นให้รู้ว่า
เราเป็นศิษย์พระคริสต์ ความรักต้องเป็นมาตรฐาน และเครื่องชี้วัดกิจการทุกอย่างที่เราทำ
ดังคำกล่าวของนักบุญเอากุสตินที่ว่า “จงรักและทำสิ่งที่ความรักบอกให้ทำ”
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าได้ให้คำตอบชัดเจนกับเราวันนี้ว่า การรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์เป็นแก่นแท้ของชีวิตคริสตชน
ไม่เพียงตอบคำถามของชาวฟาริสี แต่ยังได้ให้หลักปฏิบัติสำหรับเราทุกยุคสมัย การรักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ต้องเป็นแรงจูงใจ และนำทางเราในคำพูดและการกระทำทุกอย่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการให้อภัย การให้กำลังใจ การร่วมทุกข์ร่วมสุข และการแบ่งปันช่วยเหลือผู้ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน
พระเยซูเจ้าทรงทำให้ความหมายของความรักนี้เด่นชัดยิ่งขึ้น
ด้วยแบบอย่างแห่งความรักบนไม้กางเขน “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่
กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย” (ยน 15:13) ศิษย์พระคริสต์ถูกเรียกร้องให้รักตามมาตรฐานของพระเยซูเจ้า
เดินในหนทางแห่งความรักของพระองค์ทุกวัน มองเห็นพระองค์ในผู้อื่น และปฏิบัติกิจเมตตาต่อพี่น้องที่ต้องการความช่วยเหลือ
เพื่อเห็นแก่ความรักของพระองค์
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
23 ตุลาคม 2020
ภาพ : การผูกแขนรับขวัญ, คุมประชาสุขสันต์, ดอนม่วย, สกลนคร; 2020-10-23
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น