วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2563

พระทรมานของพระเยซูเจ้า

พระทรมานของพระเยซูเจ้า
อาทิตย์พระทรมาน
แห่ใบลาน
ปี A
อสย 50:4-7
ฟป 2:6-11
มธ 27:11-54
บทนำ
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับลาที่พระเยซูเจ้าทรงใช้ประทับเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม ลาตัวนั้นคิดว่า การต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ของผู้คนมากมายวันนั้นจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติสำหรับตัวเอง มันรู้สึกภูมิใจและคิดว่า สัตว์ตัวอื่นคงชื่นชมและคิดว่า มันเป็นลาที่พิเศษกว่าตัวอื่น ลาน้อยถามแม่ว่า ถ้ามันเดินตามถนนโดยลำพังในวันข้างหน้าเพื่อรับเกียรติเช่นนั้นอีกได้ไหม แม่ของมันรีบตอบทันทีว่า “ไม่ได้เด็ดขาด แกไม่มีอะไรเลยหากไม่มีคน ๆ นั้นนั่งบนหลังของแก”
5 วันต่อมา ลาน้อยเห็นผู้คนมากมายตามท้องถนน วันนั้นเป็นวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ทหารกำลังนำพระเยซูเจ้าสู่เนินเขากัลวารีโอ เกียรติที่ได้รับวันก่อนทำให้มันอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ รีบวิ่งไปที่ถนนไม่สนใจคำเตือนของแม่อีกต่อไป เมื่อไปถึงมันต้องผงะและรีบวิ่งหนีสุดชีวิต เพราะพวกทหารไล่กวดด้วยแส้และผู้คนเอาหินขว้างมัน ลาน้อยได้บทเรียนว่า แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงลา (โง่) น่าสงสาร หากปราศจากพระเยซูเจ้าประทับบนหลังของมัน
ในปาเลสไตน์และตะวันออกกลาง ลาไม่ใช่สัตว์ต่ำต้อยแต่ทรงเกียรติ ปกติกษัตริย์ขี่ม้าออกศึกสงคราม เมื่อรบชนะ หรือปราบกบฏได้ นำพาประเทศสู่ความสงบสุข กษัตริย์จะประทับบนหลังลาเข้าเมืองอย่างผู้มีชัย การประทับบนหลังลาของพระเยซูเจ้าเป็นการประกาศว่า พระองค์ทรงเป็น “องค์สันติราชา” ทรงไว้ซึ่ง “ความรักและสันติสุข” นี่คือแนวทางที่พระองค์ทรงเลือกในการเผชิญหน้ากับผู้เกลียดชังพระองค์
ชาวยิวต้อนรับพระเยซูเจ้าด้วยกิ่งมะกอก สัญลักษณ์แห่งชัยชนะและความมีเกียรติ ขณะที่ผู้นำศาสนาและชาวฟาริสีวางแผนจับตัวและประหารพระองค์ ที่สุด พระองค์ทรงรับทรมานและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พิธีกรรมวันนี้มีทั้งความยินดีและความเศร้าโศก ใบลานที่เราใช้แห่หมายถึงการเดินทางของเราพร้อมกับพระเยซูเจ้า ร่วมในพระทรมานของพระองค์เพื่อกลับคืนชีพและอยู่กับพระองค์ตลอดไป บทอ่านวันนี้ท้าทายเราว่า เราได้เจริญชีวิตพร้อมกับพระคริสตเจ้าและเป็นพยานถึงพระองค์ในชีวิตประจำวันหรือเปล่า
1.        พระทรมานของพระเยซูเจ้า
พระเยซูเจ้าไม่เพียงมีชีวิตในยุคที่มีความรุนแรง แต่ยังทรงเป็นเหยื่อของความรุนแรงด้วย พระองค์ทรงน้อมรับความความรุนแรงโหดร้ายเหมือนลูกแกะถูกนำไปฆ่า พระทรมานของพระองค์ที่เราระลึกถึงวันนี้ ได้กลายเป็นแหล่งพลังและความเข้มแข็งของผู้คนเป็นจำนวนมากตลอดประวัติศาสตร์ เมื่อเราพิจารณาดูพระมหาทรมานของพระองค์อย่างลึกซึ้ง เราเห็นถึงความทุกข์ทรมานของพระองค์ใน 3 ลักษณะ
ประการแรก ความทรมานทางด้านจิตใจ พระเยซูเจ้าทรงถูกยูดาสศิษย์ของพระองค์ทรยศ เหตุการณ์ที่สวนเกทเสมนีแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงอยู่ในห้วงความทุกข์อย่างแสนสาหัส ขณะกำลังอธิษฐานภาวนาทรงเห็นภาพล่วงหน้าถึงมหาทรมานที่กำลังจะได้รับ จนต้องร้องขอพระบิดาให้ถ้วยนี้ผ่านพ้นไป (The will of man) แต่ที่สุด ทรงขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า (The will of God) ความทรมานด้านจิตใจได้ส่งผลต่อร่างกายของพระองค์จนพระเสโทเป็นโลหิต นี่คืออาการของคนเป็นทุกข์หนักแสนสาหัส
ประการที่สอง ความทรมานด้านร่างกาย พระเยซูเจ้าทรงถูกทรมานอย่างทารุณ รอยเลือดที่ปรากฏที่ผ้าตราสังข์แห่งตูริน มองเห็นชัดเจนว่า เจ้าของร่างที่ปรากฏได้ผ่านการทารุณอย่างโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม โดยเฉพาะรอยเลือดที่ไหลเป็นทางจากศีรษะและแขนทั้งสองข้าง รอยเปื้อนขนาดใหญ่ที่สีข้าง ที่ข้อมือและเท้า บาดแผลตามร่างกายอันเกิดจากการเฆี่ยนตี ที่ปลายของรอยแผลมีรอยลึกซึ่งเกิดจากแส้ ฟลากรัม” (Flagrum) ทำด้วยเชือก หรือเส้นหนังมีก้อนตะกั่ว หรือกระดูกผูกติดไว้ปลายแส้ เพื่อให้ตวัดเนื้อติดมาด้วย
ประการที่สาม ความทรมานด้านวิญญาณ พระเยซูเจ้าทรงถูกทอดทิ้งจากบรรดาศิษย์ และขณะทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนพระองค์ทรงรู้สึกสิ้นหวัง เพราะดูคล้ายกับว่า พระบิดาทรงทอดทิ้งพระองค์ด้วย “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า” (มธ 27:46) คงไม่มีความทุกข์ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าการที่ใครคนหนึ่งรู้สึกว่า ตนเองถูกทอดทิ้งจากบุคคลอันเป็นที่รัก โดยเฉพาะในห้วงเวลากำลังใกล้จะตาย
2.        บทเรียนสำหรับเรา
พระทรมานของพระเยซูเจ้าเป็นที่มาแห่งความรอดพ้นของมนุษยชาติ อีกทั้งได้ให้บทเรียนสำคัญแก่เราด้วยชีวิตและแบบอย่างของพระองค์
ประการแรก พระทรมานเป็นเครื่องหมายแห่งความรักแท้ พระองค์ทรงรักและมอบชีวิตของพระองค์บนไม้กางเขนเพื่อเราทุกคน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย (ยน 15:13)
ประการที่สอง พระทรมานท้าทายเราให้ดำเนินชีวิตความรักแบบพระองค์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความรักต่อเพื่อนพี่น้อง นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เราได้รักท่าน (ยน 15:12)
ประการที่สาม พระทรมานเผยให้เห็นพระเมตาหาที่สุดมิได้ของพระเจ้า ขณะกำลังแบกกางเขนพระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปให้กำลังใจหญิงชาวเยรูซาเล็ม ที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญถึงพระองค์ (ลก 23:28) และยังทรงอธิษฐานภาวนาขอให้พระบิดาทรงอภัยแก่ผู้ที่ประหารพระองค์ (ลก 23:33) อีกทั้ง ทรงยกโทษแก่นักโทษคนหนึ่งที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์ (ลก 24:43)
บทสรุป
พี่น้องที่รัก ในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์นี้ คริสตชนต้องพร้อมมอบชีวิตของตนแด่พระเยซูเจ้า และต้อนรับพระองค์เข้ามาในชีวิตของตนในฐานะพระผู้ไถ่ ใบลานที่เราได้รับและนำกลับบ้านเตือนเราว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งจิตใจของเรา ทำให้ชีวิตของเรามีความหมาย ให้เราได้มอบตัวเองแด่พระเยซูเจ้าในการอธิษฐานภาวนาร่วมกัน และในการปฏิบัติศาสนกิจร่วมกับหมู่คณะ หรือส่วนตัว เพื่อพบสันติสุขแท้ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
ประการสำคัญ เมื่อเราต้องเผชิญกับความยากลำบาก หรือความทุกข์ทรมานใด ๆ ในชีวิต ควรหันมาหาพระเยซูเจ้าเพื่อรับความบรรเทาและความช่วยเหลือ ศิษย์พระคริสต์ต้องเลียนแบบพระเยซูเจ้าในความรักและการให้อภัยไม่สิ้นสุด พระทรมานของพระองค์ควรเตือนใจเราให้สำนึกในบาปที่ได้กระทำ และกลับมาหาพระองค์ผ่านทางศีลอภัยบาป เพื่อรับการช่วยให้รอดด้วยพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลมหาพรต 40 วันแห่งการฟื้นฟูชีวิตคริสตชน, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊บ, 2561), หน้า 136-139.
ภาพ : พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม, วัดน้อยที่เบธฟายี, ภูเขามะกอก, อิสราเอล; 2018-04-20

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น