เวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 5
เทศกาลมหาพรต
ปี B
|
ยรม 31:
31-34
ฮบ 6: 7-9
ยน 12:
20-33
|
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่า
วันหนึ่งขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังเดินเล่นตามชายหาด เขาสังเกตเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังเก็บบางสิ่งบางอย่างโยนลงทะเล
เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ได้ถามว่า “หนูกำลังทำอะไร” เด็กนั้นตอบว่า “ผมกำลังเก็บปลาดาวโยนกลับลงทะเล
คลื่นซัดมันขึ้นมาเกยตื้น หากไม่มีใครโยนมันกลับลงไปมันคงตายแน่ๆ” ชายนั้นพูดกับเขาว่า
“ลูกเอ๋ย มีปลายดาวมากมายอย่างนี้และชายหาดยาวหลายกิโลเมตร หนูคงไม่สามารถทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นได้”
เด็กชายฟังคำแนะนำจากชายนั้นอย่างสุภาพ
เขาก้มลงเก็บปลาดาวตัวหนึ่งและโยนลงทะเล เขายิ้มให้ชายนั้นและพูดว่า “ดูสิครับ
ผมทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นกับปลาดาวตัวนี้” เรื่องเล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังในตัวเราแต่ละคน
ซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในชีวิตของผู้คนมากมาย ในครอบครัว สังคม และหมู่คณะของเราได้
พระวรสารวันนี้ท้าทายเราให้สร้างความแตกต่างในชีวิตของผู้คน
โดยการถ่อมตนรับใช้ผู้คนที่อยู่รอบตัวเรา ในครอบครัว ในที่ทำงาน และในสังคมของเรา
พระเยซูเจ้าได้ประกาศว่าเวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระผู้ไถ่มาถึงแล้ว
เป็นเวลาที่บุตรแห่งมนุษย์ต้องรับทนทรมานและมอบชีวิตของพระองค์เพื่อผู้อื่น
การตายต่อบาปและตายต่อตนเอง ทำให้เราสามารถมอบชีวิตของเราเองเพื่อรับใช้คนอื่นได้เช่นเดียวกัน
1.
เวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์
พระวรสารวันนี้บอกให้เราทราบว่ามีชาวกรีกบางคนรู้สึกประทับใจพระเยซูเจ้า
พวกเขาได้มาหาฟิลิปบอกว่าอยากพบพระองค์ พระเยซูเจ้าได้ใช้โอกาสนี้ประกาศว่าพระองค์เป็นบุตรแห่งมนุษย์ที่ประกาศกดาเนียลกล่าวถึง
และเวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์มาถึงแล้ว
พระองค์ได้ทำให้พวกเขาได้เข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับพระผู้ไถ่ มิใช่ผู้มีอำนาจทางการเมืองแต่เป็นผู้ยอมรับการทรมาน
การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพ
เวลาแห่งพระสิริรุ่งโรจน์สำหรับบุตรแห่งมนุษย์
เป็นเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงทำให้พระบิดาเจ้าได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ และพระองค์ทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์จากพระบิดา
เป็นเวลาแห่งการรวบรวมมนุษย์เข้าในงานไถ่กู้ของพระเจ้า การที่พระองค์ถูกยกขึ้นบนไม้กางเขนทำให้พระบิดาได้รับพระสิริรุ่งโรจน์
เตือนใจเราว่า เราสามารถทำให้พระเจ้าได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ ด้วยการยอมรับไม้กางเขนที่พระบิดาเจ้าประทานให้ด้วยความเต็มใจ
คำอุปมาเรื่องเมล็ดข้าวที่ตกลงดินและตายไป
พระเยซูเจ้าได้อธิบายให้บรรดาศิษย์ได้เข้าใจว่า โดยการทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
ได้นำชีวิตและปลดปล่อยโลกให้พ้นจากบาป
เหมือนเมล็ดข้าวที่เปื่อยเน่าและก่อให้เกิดผลมากมาย ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราตายต่อบาปและตายต่อตนเอง
เราจะเกิดใหม่ในองค์พระเยซูเจ้า การถูกฝังในดินหมายถึงการหลีกหนีบาป
ยอมรับทนทรมานและเจริญชีวิตเพื่อผู้อื่น
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้
ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติในชีวิตประจำวันสำหรับเราหลายประการ
ประการแรก เพื่อได้รับชีวิตนิรันดรเราต้องตายต่อตนเอง
พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า การตายได้ทำให้เกิดชีวิตใหม่ “เลือดของมรณสักขีคือเมล็ดพันธ์ชั้นดีของพระศาสนจักร”
การที่พวกเขาได้ยอมรับการทรมานและความตาย ได้ทำให้พระศาสนจักรเจริญเติบโตและเป็นปึกแผ่นมั่นคง
การตายต่อตัวเองทีละเล็กละน้อย ตายต่อความเห็นแก่ตัวและอคติ เหมือนเปลวเทียนที่ละลายตัวเอง
ทำให้เรากลายเป็นบุตรของพระเจ้าและสมาชิกของพระศาสนจักร
ประการที่สอง เพื่อได้รับพระสิริรุ่งโรจน์เราต้องรับใช้ผู้อื่น พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า กระแสเรียกแห่งการเป็นคริสตชนคือ
การรับใช้ เราต้องใช้พระพรและความสามารถต่างๆ ที่มีรับใช้พระเจ้าและเพื่อนพี่น้องของเรา
นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตาเป็นตัวอย่างสำหรับเราในการอุทิศตนรับใช้คนยากจนที่สุดในเมืองกัลกัตตา
ประเทศอินเดีย ท่านสอนสมาชิกในคณะว่า
“ความเชื่อในภาคปฏิบัติคือ ความรัก และความรักในภาคปฏิบัติคือ การรับใช้”
ประการที่สาม เราต้องเจริญชีวิตด้วยความเสียสละ
เราต้องใช้เวลาตลอดเทศกาลมหาพรตนี้ ในการสละตนเองและบางสิ่งที่มี เพื่อแบ่งปันให้ผู้ที่เดือดร้อนและอยู่ในฐานะด้อยกว่าเรา
ดังคำกล่าวของจอห์น เวสลีย์ (John Wesley) “จงทำความดีทุกอย่างที่ท่านสามารถทำได้
ด้วยเครื่องมือทุกอย่างที่ท่านสามารถทำได้ ด้วยวิธีการต่างๆ ที่ท่านสามารถทำได้
ในทุกสถานที่ที่ท่านสามารถทำได้ กับทุกคนที่ท่านสามารถทำได้ ตราบเท่าที่ท่านยังสามารถกระทำมันได้”
บทสรุป
พี่น้องที่รัก ความตายสำหรับคนทั่วไปหมายถึงการสิ้นสุดของทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่สำหรับพระเยซูเจ้า ความตายเป็นการทำให้ชีวิตและพันธกิจของพระองค์บรรลุความสมบูรณ์
พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้ออกจากตัวเอง ด้วยการตายต่อตัวเองทีละเล็กละน้อย
ตายต่อความเห็นแก่ตัวทุกอย่างที่เรามี พร้อมรับใช้กันและกันและสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
โดยเฉพาะผู้ที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือในเทศกาลมหาพรตนี้
เรากำลังเดินทางเข้าใกล้สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์พระคริสต์ต้องเลียนแบบพระเยซูเจ้าในการน้อมรับและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า
ผ่านทางการรับทนทรมานและความตายบนไม้กางเขน
เพื่อจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับพระบิดาเจ้า ให้เราวอนขอพระพรจากพระเจ้าผ่านทางคำเสนอวิงวอนของพระนางมารีย์
เพื่อให้ความรักและการให้อภัยของพระองค์เปิดดวงใจเรา ให้สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองและเตรียมสมโภชปัสกาที่กำลังจะมาถึง
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล
ป่าพนาวัลย์
17 มีนาคม 2018
ที่มาภาพ: http://www.bethimmanuel.org/audio/more-conquerors
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น