วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

โฮจิมินห์ ศูนย์กลางเศรษฐกิจของเวียดนาม


เวียดนามภาคใต้
(บันทึกการเดินทางไปแสวงบุญเวียดนามใต้ 27-31 กรกฎาคม 2015)
5.         นครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางเศรษฐกิจของเวียดนาม
เช้าวันที่สี่ของการเดินทาง (30 กรกฎาคม 2015) คณะของเราได้ไปถวายมิสซาที่อาสนวิหารดาหลัดหรือ “อาสนวิหารนักบุญนิโคลัส” อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการของคุณพระเจ้าและขอบคุณคุณพ่อเจ้าอาวาส ที่อำนวยความสะดวกให้พวกเราใช้สถานที่ในการเติมพลังฝ่ายจิตในช่วง 2 วันนี้ บริเวณใต้พระแท่นของอาสนวิหารมีอัฐิของนักบุญมรณสักขีชาวเวียดนามจำนวน 9 องค์ จากจำนวน 117 องค์ที่ได้สละชีวิตเพื่อพระศาสนจักรเวียดนามในศตวรรษที่ 17 ถึง 19 และได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญเมื่อวันที่ 19  มิถุนายน ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2521)
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเราได้อำลาเมืองดาหลัดเพื่อเดินทางกลับมานครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการเดินทางมาเวียดนามครั้งนี้ โฮจิมินห์แม้จะเป็นเมืองค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับเมืองอื่นของเวียดนาม เนื่องจากเพิ่งจะฉลองครบรอบ 300 ปีไปเมื่อปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) แต่ถือเป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศอยู่เสมอ ดังปรากฏหลักฐานที่คอยย้ำเตือนให้ระลึกถึงเรื่องราวในอดีตอยู่ทั่วไป




นครโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลจีนใต้ 40 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปากแม่น้ำโขง เรียบไปตามแม่น้ำไซง่อน อันเป็นชื่อดั้งเดิมของนครแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1698 (พ.ศ. 2241) ด้วยชัยภูมิที่อยู่ริมแม่น้ำทำให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าระหว่างประเทศเมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 18 ก่อนที่จะถูกฝรั่งเศสยึดในปี ค.ศ. 1861 (พ.ศ. 2404) และกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมฝรั่งเศสในโคชินจีนและเป็นเมืองท่าสำคัญ ฝรั่งเศสได้สร้างเมืองนี้ให้เหมือนกับเมืองบ้านเกิด แต่แฝงกลิ่นอายแบบตะวันออกเอาไว้
ภายหลังที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงครามที่เดียนเบียนฟู เวียดนามได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเหนือ-ใต้ ทำให้ไซ่ง่อนกลายเป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้ แต่ต้องเผชิญกับการรุกรานของเวียดนามเหนือเป็นระยะ ในช่วงสงครามเวียดนามไซ่ง่อนได้กลายเป็นฐานสำคัญของกองทัพสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนเวียดนามใต้ จวบจนเมื่อกองทัพแดงของเวียดนามเหนือบุกยึดเวียดนามใต้ได้ในปี ค.ศ. 1975 (พ.ศ. 2518) จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นนครโฮจิมินห์ เพื่อรำลึกถึง “ลุงโฮ” ผู้นำการประวัติคนสำคัญของเวียดนาม



ปัจจุบัน นครโฮจิมินห์ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ ที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง มีตึกระฟ้าตั้งเรียงราย มีโรงแรมห้าดาว อาคารสำนักงานและห้องพักหรู มีประชากรกว่า 13 ล้านคน มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิ อาสนวิหารนอทรอดาม (Notre Dame Cathedral) ที่ทำการไปรษณีย์กลาง ตลาดเบนถั่น พิพิธภัณฑ์สงคราม ทำเนียบประธานาธิบดี และอุโมงค์กู๋จีอันเลื่องชื่อ
ตลาดเบนเท่น ถือเป็นจุดสำคัญที่พลาดไม่ได้สำหรับผู้ที่ต้องการจับจ่ายหาซื้อของฝากและของที่ระลึก ด้านหน้าตรงทางเข้าตลาดมีหอนาฬิกาขนาดใหญ่แปลกตา เสร็จในปี ค.ศ. 1914 (พ.ศ. 2457)  โดยชาวฝรั่งเศส มีพื้นที่มากกว่า 11,000 ต.ร.ม. ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในนครโฮจิมินห์ มีของขายเกือบทุกอย่าง มีร้านรวงมากมายนับไม่ถ้วน เดิมเป็นตลาดที่ชาวบ้านมาหาซื้อของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน ปัจจุบัน เป็นแหล่งซื้อขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น ผ้าทอมือ ตุ๊กตาไม้ พัดฯลฯ



พวกเราได้มีโอกาสเดินดูโดยรอบ แต่ไม่รู้จะซื้ออะไรนอกจากกระเป๋าสำหรับใส่ของฝากที่ซื้อกันก่อนหน้านี้ จากนั้นได้มารวมตัวกันตรงจุดนัดหมายด้านข้างตลาดตรงประตูที่ 12 บรรดาแม่ค้าทั้งเด็กเล็ก (ขอย้ำว่าเด็กเล็กจริง) แม่ลูกอ่อน เยาวชน จนถึงคนสูงอายุได้นำสินค้ามาเสนอขาย ส่วนใหญ่เป็นของที่ระลึกและของเด็กเล่น เพราะความใจอ่อนและสงสารหลายคนจึงได้ช่วยซื้อ บางคนถึงกับออกปากว่ารู้อย่างนี้ไม่เดินหาซื้อทั่วตลาดให้เหนื่อย
จากนั้นพ่อค้าแม่ขายไม่รู้จากไหนได้นำเสนอสินค้ามาเสนอขาย จนเจ้าหน้าที่เทศกิจต้องออกมาไล่ แต่เมื่อไม่เห็นเจ้าหน้าที่ก็กลับมาอีก พวกเราต้องหลบเข้ามายืนรอภายในตลาด ทำให้ได้เรียนรู้ว่าพวกแม่ค้าเคลื่อนที่เร็วเหล่านี้ไม่สามารถเข้ามาขายภายในตลาดได้ เวลาขึ้นรถแต่ละคนได้เล่าประสบการณ์ของตนในการซื้อของ ไกด์ที่นำทางบอกว่า “ไม่ต้องอ้างว่าใครซื้อได้ถูกกว่า แต่ให้ถือว่าเราได้ทำบุญช่วยคนเวียดนาม” ทำให้พวกเรารู้สึกสบายใจขึ้นและยังพูดติดตลกด้วยว่า “เดี๋ยวนี้เวียดนามพัฒนามีจานดาวเทียมในการค้าขายแล้ว พวกเขาสามารถจับพิกัดที่พักของเราได้ และจะตามมาขายให้ถึงที่” และจริงดังพูดเมื่อรถยนต์เราถึงโรงแรมที่พัก พวกแม่ค้าเหล่านี้ก็เดินทางมาถึงพอดี



การล่องเรือชมแม่น้ำไซ่ง่อน หลังจัดข้าวของเข้าห้องพัก พวกเราได้ถือโอกาสแสดงความยินดีกับพระคุณเจ้าจำเนียร สันติสุขนิรันดร์ โอกาสวันเกิดครบ 73 ปีล่วงหน้า เนื่องจากพระคุณเจ้าไม่สบายทำให้ไม่สามารถไปล่องเรือกับพวกเราตามกำหนดการได้ พวกเราจึงเดินทางไปยังท่าเรือเบ่งเกวยตามลำพัง เพื่อรับประทานอาหารเย็นและล่องเรือชมทัศนียภาพของนครโฮจิมินต์ยามค่ำคืน ได้ดื่มด่ำกับเสียงเพลง “ลอยกระทง” และ “กุหลาบแดง” ที่จัดให้คณะของพวกเราเป็นพิเศษ นอกเหนือจากรสชาติอาหารเวียดนามบนเรือที่อร่อยและประทับใจ ก่อนจะเดินทางกลับที่พัก เป็นการสิ้นสุดภารกิจของวันนี้



Don Daniele        เรื่อง/ภาพ
Le Duy Hotel, HCMC, VIETNAM
July 30, 2015

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น