วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

60 ปี บ้านเณรฟาติมาท่าแร่ (2)



2.     60 ปีสามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่: ค.ศ. 1954-2014  
สามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2497)  นับเนื่องถึงปัจจุบันจะมีอายุครบ 60 ปีพอดี  หากเทียบเคียงกับชีวิตคน  60 ปีคือคนวัยเกษียร ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวและประสบการณ์หลากหลายรูปแบบทั้งสุขและทุกข์ ที่หลอมรวมกันทำให้แข็งแกร่งและพร้อมสำหรับการเป็นเสาหลักของบุตรหลานและสังคมต่อไป  
สามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ ในปัจจุบันดูจะไม่ต่างกันเท่าไรนัก เรื่องราวและเหตุการณ์มากมายในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นความก้าวหน้าและการเติบโตอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็น หัวใจ ของพระศาสนจักรภาคอีสานในระยะเริ่มแรก และอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงในปัจจุบัน
60 ปีที่ผ่านมาของสามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ จึงเป็น 60 ปีแห่งพระพรอันล้ำค่าที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับหลายชีวิต ตั้งแต่พระสังฆราช ผู้ให้การอบรม ผู้รับการอบรม บรรดาคริสตชน และทุกสิ่งที่ประกอบกันขึ้นเป็นสามเณราลัยแห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่บทบาทอย่างมากในก้าวย่างที่มั่นคงนี้คือ บรรดาอธิการ รวม 14 องค์  ดังจะกล่าวถึงต่อไปนี้
2.1            คุณพ่อยอแซฟ อินทร์  นารินรักษ์: อธิการองค์แรก ค.. 1954-1955
ปี ค.. 1948 (.. 2491) พระสังฆราชเกลาดิอุส บาเย ได้ส่งรายงานแจ้งจุดประสงค์ที่จะสร้างอาคารที่พักสามเณรหลังใหม่ในที่ดินของมิสซังทางฝั่งตะวันตกของบ้านท่าแร่  พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ได้อนุมัติเงินอุดหนุนการก่อสร้างผ่านทางองค์การนักบุญเปโตร เป็นเงินจำนวน 50,000.-  ดอลลาร์สหรัฐ โดยจ่ายให้ปีละ 10,000.- ดอลลาร์ เป็นเวลา 5 ปี เริ่มจ่ายในปี ค.. 1950 (.. 2493)
ปี ค.ศ. 1949 (พ.ศ. 2492) คุณพ่อยอแซฟ อินทร์  นารินรักษ์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิการสามเณราลัยและรับผิดชอบการก่อสร้าง ซึ่งเริ่มขึ้นอย่างจริงจังหลังพิธีวางศิลาฤกษ์โดย พระสังฆราชเกลาดิอุส บาเย เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ค.. 1952 (.. 2495) และบรรดาคริสตชนจากหลายวัดได้บริจาคเพื่อการก่อสร้างด้วยใจกว้าง จนกระทั่งแล้วเสร็จ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ สูง 3 ชั้น สร้างด้วยวัสดุที่พอจะหาได้ในท้องถิ่นอีสาน แต่ต้องถือว่าทันสมัยมากในสมัยนั้น

พิธีเสกสามเณราลัยแห่งใหม่เริ่มขึ้นในเช้าวันที่ 13 ตุลาคม ค.. 1954 (.. 2497) โดยพระสังฆราชมีแชล มงคล (อ่อน) ประคองจิต ประมุของค์ใหม่ของมิสซังท่าแร่ เป็นประธานในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ และได้ถวายสามเณราลัยแห่งนี้แด่พระมารดาแห่งฟาติมา สามเณราลัยแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า สามเณราลัยฟาติมา   หลังจากนั้นพระสังฆราชเกลาดิอุส บาเย ได้เป็นผู้เสกอาคารใหม่  ในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มและมีส่วนสำคัญในการก่อสร้างตั้งแต่เริ่มแรก สามเณราลัยแห่งนี้ได้ใช้เป็นที่อบรมบรรดาสามเณรทั่วภาคอีสานเรื่อยมา รวมถึงสังฆมณฑลเชียงใหม่ด้วยในระยะเริ่มแรก

เพื่อให้สามเณรได้รับการศึกษาเล่าเรียนอย่างเต็มที่จึงได้ยื่นขออนุญาตเปิดสามเณราลัยฟาติมา ท่าแร่ เป็นโรงเรียนชื่อ โรงเรียนวรธรรมพิทยาคาร  ในปี ค.ศ. 1955 (พ.ศ. 2498) ดังนั้น สามเณรที่เข้าใหม่ในปีนั้นจนถึงชั้นมัธยมปีที่ 3 ได้เรียนที่โรงเรียนวรธรรมพิทยาคาร โดยมีพระสงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (M.E.P.) ได้แก่ คุณพ่อหลุยส์  เลอดึก,  คุณพ่อยัง ยักเกอแมง, คุณพ่อแยร์แมง  แบร์ทอลด์ และคุณพ่อโมริส  บริสซอง และครูฆราวาสเป็นผู้สอน  ส่วนชั้นมัธยมปีที่ 4-6  ยังคงเดินไปเรียนที่โรงเรียนเซนต์ยอแซฟตามเดิม 
2.2            คุณพ่อโมริส  บริสซอง: อธิการองค์ที่ 2  .. 1955-1958
คุณพ่อโมริส  บริสซอง เข้ามาประจำที่สามเณราลัยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2497)  ปลายเดือนตุลาคม ค.ศ. 1955 (พ.ศ. 2498) จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิการองค์ที่ 2 ตามนโยบายของ พระสังฆราชมีแชล มงคล ประคองจิต ที่ต้องการให้พระสงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีสดูแลสามเณราลัย เพื่อจัดระเบียบและวางรากฐานทางการศึกษาให้ก้าวหน้า  หลังรับตำแหน่งอธิการ คุณพ่อบริสซอง ได้ปรับเปลี่ยนหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องระเบียบวินัยและการศึกษา
ปี ค.ศ.1956 (พ.ศ. 2499) คุณพ่อบริสซอง ได้ส่งสามเณร 2 คน คือ สามเณรพิชิต  ศรีอ่อน และสามเณรวาท  อินทนาม ไปเรียนวิชาปรัชญาที่สามเณราลัยบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ของมิสซังราชบุรี  เนื่องจากปีต่อมาสามเณรชั้นมัธยมปีที่ 5-6 มีน้อย จึงได้ส่งสามเณรรวม 6 คนไปเรียนที่โรงเรียนดรุณานุเคราะห์  อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม

ปี ค.ศ. 1958 (พ.ศ. 2501) ได้มีการเปลี่ยนแปลงครูใหญ่จากครูบุญถม  หงษ์ทอง เป็นครูนารถ  มุขยวงศ์  พร้อมทั้งได้บรรจุสามเณรรุ่นพี่เป็นครูโรงเรียนราษฎร์ตามกฎหมาย  สอนตามความถนัดของแต่ละคน โดยจัดให้ครูเหล่านี้สอนเรียนในภาคเช้า ส่วนภาคบ่ายให้เรียนวิชาภาษาลาติน, ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส  สามเณรทุกรุ่นหลังเรียนจบจะได้รับการบรรจุเป็นครูหรือลาตินิสต์ (Latinist) เพื่อช่วยสอนสามเณรรุ่นน้องอีกอย่างน้อย 2-4 ปี 
2.3      คุณพ่อยัง ยักเกอแมง: อธิการองค์ที่ 3.. 1958-1965
คุณพ่อยัง ยักเกอแมง เข้ามาเป็นพระสงฆ์ประจำสามเณราลัยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2497) เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1958 (พ.ศ. 2501) ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการองค์ที่ 3 กิจการของโรงเรียนวรธรรมพิทยาคารในขณะนั้นก้าวหน้าเป็นอย่างมาก เพราะความเอาใจใส่และร่วมแรงร่วมใจของคณะสงฆ์ผู้ร่วมงาน บรรดาครูฆราวาส ครูเณร ที่ได้ช่วยกันปรับปรุงกิจกรรมต่างๆ ทุกด้าน ทำให้กิจการของโรงเรียนเจริญรุดหน้าและประสบผลสำเร็จ ผลการเรียนของนักเรียนทุกคนจัดอยู่ในระดับแนวหน้าของโรงเรียนในสังกัดเขตการศึกษา 9

ปี ค.ศ. 1963 (พ.ศ. 2506) เมื่อจำนวนสามเณรเพิ่มมากขึ้น ได้มีการสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 3 ชั้นต่อจากอาคารเดิมไปทางทิศตะวันตก เพื่อใช้เป็นวัด ห้องเรียน ห้องพักพระสงฆ์ และห้องนอนสำหรับสามเณรใหญ่ จนกระทั่งการก่อสร้างแล้วเสร็จ  มีพิธีเสกและเปิดโอกาสฉลองสามเณราลัยโดย พระสังฆราชมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์  พร้อมกับให้ชื่ออาคารใหม่นี้ว่า อาคารนาซาแร็ธ

ปี ค.ศ. 1964 (พ.ศ. 2507) คุณพ่อยักเกอแมงได้สร้างถังเก็บน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ 3 ถังเพื่อเก็บน้ำฝนไว้ดื่มตลอดปี  และปรับปรุงอาคารฟาติมาเดิม โดยต่อเติมระเบียงด้านหน้าของชั้นที่สองและสามเป็นบานเกล็ด ติดตั้งเหล็กดัดและมุ้งลวดในชั้นที่สามเพื่อขยายห้องนอนทั้งสองห้องให้กว้างขึ้นให้สามารถรองรับจำนวนเณรได้มากขึ้น   


1 ความคิดเห็น:

  1. ภาพคนที่ยืนอ่าน"คำอำลา"นั้นเป็นนายสมบัติ ถาวร ในวันที่ ๑๗ ตุลา ๒๕๐๘ ในเย็นวันอำลาท่านอธิการจักแมง ผู้หมดหน้าที่อธิการและส่งต่อหน้าที่อธิการให้พ่อกิลแมง อธิการท่านต่อ
    (คำอธิบายที่ประกอบภาพที่พ่อขวัญ ถิ่นวัลย์ให้ไว้ในหนังสือ ๖๐ ปีบ้านเณรฟาติมา ท่าแร่นั้นไม่ถูกนะครับ

    ตอบลบ