วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ข่าวดีแห่งการให้อภัย


ข่าวดีแห่งการให้อภัย

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 11 เทศกาลธรรมดา
ปี C
2 ซมอ 12:7-10, 13
กท 2:16, 19-21
ลก 7:36-8:3

บทนำ

 มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อสมหมายได้เล่าเรื่องราวชีวิตของเขาให้พระสงฆ์ท่านหนึ่งฟังว่า พ่อของเขาได้แยกทางกับแม่ของเขาตอนเขาอายุได้ 11 ขวบ ทำให้ครอบครัวของเขาล่มสลาย ทุกคนในครอบครัวตกอยู่ในความทุกข์ระทมยกเว้นตัวเขาเอง เขาเริ่มเกลียดพ่อของตัวเอง โดยเฉพาะสิ่งที่พ่อทำให้แม่ที่เขารักมากต้องเจ็บปวด เมื่ออายุได้ 12 ปี เขาได้หันเข้าหายาเสพติด อบายมุขและอาชญากรรม

วันหนึ่ง แม่ซึ่งเป็นคริสตชนได้ชักชวนเขาให้มาเข้าเงียบกับบรรดาเยาวชนที่ทางวัดจัดขึ้น เขาเพียงแค่อยากให้แม่สบายใจจึงไปเข้าเงียบอย่างเสียไม่ได้ ในระหว่างการเข้าเงียบ เขามีความรู้สึกอยู่ในภวังค์เหมือนตนเองกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าพระเยซูเจ้าผู้ถูกตรึงกางเขน บาปมากมายที่เขาทำทับโถมบนตัวเขาจนหนักอึ้ง  เขาร้องไห้และขอให้พระเยซูเจ้าอภัยบาปเขา และพระองค์ได้อภัยบาปเขา ทรงรักเขาในสภาพที่เขาเต็มไปด้วยบาปสิ่งสกปรก

หลังตื่นจากภวังค์เขาได้กลับใจคืนดีกับพระเจ้า เลิกกินดื่มเที่ยวเตร่อย่างที่เคยทำ การได้มีโอกาสภาวนาอยู่กับพระเจ้าทำให้เขาคิดถึงพ่อที่ไม่ได้พบกันหลายปี เขาตัดสินใจไปหาพ่อ เมื่อพบหน้าพ่อเขาได้ขอให้พ่ออภัยเขาสำหรับความเกลียดชังและสิ่งที่เขาได้กระทำกับพ่อที่แล้วมา พ่อไม่พูดอะไรแต่ได้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งมีข้อความว่า “ไม่ว่าแกจะคิดว่าตัวเองเป็นใคร และกำลังทำอะไรอยู่ ขอให้รับรู้ว่าฉันเกลียดแก และจะไม่ขอรับสิ่งใดจากแกอีกเลยในชีวิต” จาก สมหมาย ลูกที่ไม่เคยมีพ่อ

นี่เป็นข้อความที่เขาเขียนถึงพ่อของเขาเมื่อหลายปีก่อน พ่อดึงตัวเขามาสวมกอดและร้องไห้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงความรักของพ่อและมีความรู้สึกว่า ตนเองกำลังเดินออกจากประตูคุกแห่งความเกลียดชังที่จองจำเขาเป็นเวลานานหลายปี เขาได้สนทนากับพ่อนานพอควร ก่อนจะกล่าวคำอำลาและเดินทางกลับบ้านด้วยใจยินดี เขาขอบคุณพระเจ้าสำหรับความรักของพระองค์และช่วงเวลาที่วิเศษนี้

เรื่องราวชีวิตของเด็กหนุ่มสมหมาย สะท้อนเรื่องราวที่เราได้ยินในบทอ่านอาทิตย์นี้ ช่วยขยายความให้เราได้เข้าใจการให้อภัยของพระเจ้าที่มีต่อดาวิดในบทอ่านที่หนึ่ง และการให้อภัยของพระเยซูเจ้าที่มีต่อหญิงคนบาปที่บ้านของซีโมนฟาริสีที่เราได้ยินในพระวรสาร แสดงให้เห็นถึงการให้อภัยที่ไม่มีเงื่อนไข อีกทั้ง แสดงให้เราเห็นพลังที่น่าอัศจรรย์ของการให้อภัย ที่ทำให้สิ่งที่แตกสลายกลับมามีสภาพสมบูรณ์ดังเดิม นี่คือ ข่าวดีแห่งการให้อภัยที่เราเฉลิมฉลองในวันของพระเจ้า

1.     ข่าวดีแห่งการให้อภัย

“การให้อภัย คือความต้องการและความสำเร็จสูงสุดของมนุษย์” (Horace Bushnell) เราทุกคนเป็นคนบาป ดังนั้นเราจึงต้องการการให้อภัย เพื่อเราจะได้รับการรักษาฝ่ายจิตใจ ทางความคิด แม้กระทั่งทางร่างกาย บาปได้ทำลายความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าและผู้อื่น ทำให้เราถอยห่างจากหนทางที่ถูกต้อง แต่พระเยซูเจ้าสามารถอภัยบาปเรา “บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” นี่คือ ท่าทีของพระเจ้าที่มีต่อคนบาป

ซีโมนฟาริสีที่เชิญพระเยซูเจ้าไปเลี้ยงที่บ้าน รู้สึกภูมิใจในตนเองและดูแคลนหญิงคนบาปคนนั้น เขาจึงไม่ได้รับการอภัย ขณะที่หญิงที่ถูกมองว่าเป็นคนบาป ร้องไห้สำนึกผิดและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักในพระเยซูเจ้า เธอจึงได้รับการอภัย สิ่งที่ขวางกั้นมนุษย์ไม่ให้ได้รับพระหรรษทานของพระเจ้าคือ ความหยิ่งทะนงและภูมิใจในตนเอง คิดว่าตนเอง “ดีพอแล้ว”

ในความเป็นจริง คนที่มีความสุภาพถ่อมตนจะสำนึกในความบาปผิดของตน ดังตัวอย่างนักบุญเปาโล ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอัครสาวกผู้ยิ่งใหญ่ ท่านได้เขียนถึงทิโมธีว่า พระคริสตเยซูเสด็จมาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอดพ้น ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้ (1 ทธ 1:15) อีกคนหนึ่งคือนักบุญฟรังซิสอัสซีซี ที่บอกใครต่อใครว่า ในโลกนี้จะหาคนบาปที่หยาบช้าและน่าสมเพชมากกว่าข้าพเจ้าเป็นไม่มี สำหรับนักบุญเหล่านี้ บาปหนักที่สุดคือการคิดว่าตนไม่มีบาป

พระวรสารวันนี้เตือนใจเราว่า พระเจ้าคือองค์ความรักที่พร้อมจะให้อภัยเรา ทุกครั้งที่เราหันกลับมาหาพระองค์ด้วยใจสำนึกผิด พระองค์ได้ประทานศีลแห่งการคืนดีเพื่ออภัยบาปเราผ่านทางพระสงฆ์ นั่นแสดงให้เห็นว่า พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งเราแม้จะเป็นคนบาป แต่ทรงช่วยเราให้กลับมาคืนดีกับพระบิดาเจ้า พระองค์ไม่เคยถือโทษแม้เราจะทำบาปผิดต่อพระองค์ เพราะพระทัยเมตตาของพระองค์ไม่มีขอบเขตจำกัด

2.     บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชน ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันหลายประการ

ประการแรก เราต้องแสดงออกถึงความรักและชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า หญิงคนบาปได้แสดงให้เห็นความรักที่ยิ่งใหญ่ของเธอ บาปของเธอจึงได้รับการอภัย ชีวิตของซีโมน ฟาริสีเตือนใจเราว่า เพียงแค่รู้จักพระเยซูเจ้าเท่านั้นไม่พอ เช่นเดียวกับการเป็นคริสตชน ไม่ใช่เพียงแค่ได้รับศีลล้างบาป มาวัด ทำบุญให้ทานหรือภาวนาตามโอกาส เพราะหากปราศจากความรักและชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าแล้ว กิจการที่เราทำทั้งหมดก็ไร้ค่าเหมือนซีโมนฟาริสี

ประการที่สอง เราต้องแสดงออกถึงการสำนึกผิด หญิงคนบาปในพระวรสารได้แสดงถึงการสำนึกผิด ด้วยการร้องไห้เสียใจ ใช้น้ำตาชโลมพระบาทของพระเยซูเจ้า เพื่อจะได้รับการอภัยจากพระเจ้า เราต้องสำนึกผิดด้วยการไปสารภาพบาปกับพระสงฆ์ผ่านทางศีลแห่งการคืนดี พยายามหลีกหนีโอกาสบาปและตั้งใจที่จะไม่กระทำบาปนั้นอีก

ประการสุดท้าย เราต้องมีท่าทีแห่งการให้อภัยเพื่อนพี่น้อง แม้การให้อภัยจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่เราต้องมีท่าทีเช่นนี้ในจิตใจ ไม่ถือโทษโกรธเคืองคนที่กระทำผิดต่อเรา เพื่อเราจะได้รับพระเมตตากรุณาและการให้อภัยจากพระเจ้า โดยเริ่มจากการทำส่วนของเราให้ดีที่สุด หาทางแก้ไขการทะเลาะเบาะแว้ง ความเข้าใจผิดและความไม่ลงรอยกันในทุกรูปแบบ และที่สุด เราต้องภาวนาให้ผู้ที่กระทำผิดหรือทำไม่ดีต่อเรา

บทสรุป

พี่น้องที่รัก หญิงคนบาปคนนั้นสอนเราว่า คนที่มีความสุภาพถ่อมตน ยอมรับว่าตนเองเป็นคนบาปและสำนึกในความไม่มีอะไรของตน จะได้รับพระพรมากล้นจากพระเจ้า ใครที่มาหาพระเจ้าด้วยความรักและนมัสการพระองค์ด้วยจริงใจและความสัตย์จริง จะได้รับการตอบแทนอย่างล้นเหลือ ดังที่พระเยซูเจ้าทรงให้หลักประกันเราว่า “บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว จงไปเป็นสุขเถิด” (ลก 7:48) วันนี้เราเลือกที่จะเป็นอย่างซีโมนหรือหญิงคนบาป

เราทุกคนเคยทำบาป เคยผิดพลาดมาด้วยกันทั้งนั้น ทุกครั้งที่เราผิดพลาด เราอยากให้คนรอบข้างเข้าใจ ให้โอกาส ให้กำลังใจและให้อภัย หากเวลาที่เราทำผิดมีแต่คนประณาม เหยียบย่ำซ้ำเติม  เราย่อมรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง หมดกำลังใจ หากไม่คิดที่จะให้กำลังใจใครก็อย่าซ้ำเติมกัน เพราะ พระเจ้าให้โอกาส ให้อภัยและไม่ซ้ำเติมใคร ดังนั้น วันนี้ขอให้เราเป็นผู้นำสารแห่งความรักเมตตาและการให้อภัยของพระเจ้าไปสู่ผู้อื่นในครอบครัว สังคม หมู่คณะและวัดของเรา

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
14 มิถุนายน 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น