วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สารวัดนาบัว, ปีที่ 1 ฉบับที่ 31

สารวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
ปีที่ 1 ฉบับที่ 31, อาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553): http.//dondaniele.blogspot.com
บ้านนาบัว หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120. 086-231-3231
แม่ตู้กองคาย (อายุ 81 ปี) ผูกแขนพี่ชายพ่อตู้ชาย บัวขันธ์ (อายุ 86 ปี) โอกาสวันพ่อ วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

เรามาถึงสัปดาห์ที่สามในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ในพระวรสารเราจะได้ยินถึงเรื่องราวที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ อาทิ การรักษาคนตาบอด คนหูหนวก คนง่อยและคนเจ็บไข้ได้ป่วย พระองค์ได้แสดงให้เห็นถึงความรักเมตตาต่อความทุกข์ทรมานของมนุษย์

ในศีลมหาสนิทในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ เราจะได้พบกับความรักเมตตาแบบเดียวกันของพระเยซูเจ้า ให้เราได้แสดงให้พระองค์ได้เห็นถึงความพิการ บาดแผล และความทุกข์ทรมานต่างๆ อันเป็นผลมาจากบาปที่เราได้กระทำ และขอสมาโทษพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ทรงรักษาเราให้หายและเปิดตาใจของเราให้เห็นถึงความรักของพระองค์
ซุ้มประตูโรมันทางเข้าหมู่บ้าน ขณะกำลังก่อสร้างเพื่อให้เสร็จทันฉลองวัด (วันที่เสาร์ที่ 22 มกราคม)

บทอ่านที่ 1: หนังสือประกาศกอิสยาห์ 35:1-6ข, 10

ใครที่พบกับพระเจ้า คนนั้นพบสันติสุขที่แท้จริง ความสุขจึงมิใช่สิ่งที่จะต้องเก็บไว้กับตนเอง แต่จะต้องแบ่งปันกับผู้อื่น ประกาศกอิสยาห์ได้จุดประกายความหวังสำหรับผู้ที่กำลังท้อแท้ใจ “มานะเถิด อย่ากลัว นี่แน่ะพระเจ้าของท่านทั้งหลายจะเสด็จมาแก้แกค้นแทน จะเสด็จมาช่วยท่านให้รอด”
กองทัพมด ขณะช่วยกันขนไม้สำหรับสร้างหอระฆังไม้ (อนุสรณ์ 125 ปี) วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม

บทอ่านที่ 2: จดหมายนักบุญยากอบอัครสาวก 5:7-10

นักบุญยากอบได้ย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของความพากเพียรและความหวัง ท่านได้เตือนให้มีความเพียรทนต่อความยากลำบากในชีวิตและต่อข้อบกพร่องของกันและกัน ดุจชาวนาที่รอผลผลิตที่มีค่าจากแผ่นดิน ไม่บ่นว่านินทากัน ไม่ตัดสินผู้อื่น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้จะเสด็จมาแล้ว
ไม้ขอนขนาดใหญ่สำหรับทำซุ้มประตูทางเข้าวัด (ด้านที่ติดกับบ้านผู้ใหญ่ชาญชัย นาแว่น)

พระวรสาร: นักบุญมัทธิว 11:2-11

พระเยซูเจ้าได้กล่าวชมยอห์น บัปติสต์ ขณะกำลังถูกจองจำในคุกด้วยคำพูดที่ให้เกียรติอย่างยิ่ง “ในบรรดาผู้ที่เกิดจากหญิง ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์น บัปติสต์ กระนั้นก็ดี ผู้ที่เล็กว่าหมดในเมืองสวรรค์ ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น” พระเยซูเจ้าทรงเป็นความหวังสำหรับผู้ที่กำลังทนทุกข์
ถึงจะใหญ่แค่ไหน แต่สามารถขนย้ายได้ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกัน

 ข่าวสารและประชาสัมพันธ์

1) ขอบคุณพี่น้องกลุ่มคริสตชนพื้นฐาน กลุ่มที่ 10 พลมารีและสภาอภิบาลวัด ที่ช่วยกันทำความสะอาดวัด กลุ่มที่รับผิดชอบอาทิตย์ต่อไปคือ กลุ่มที่ 11

2) ขอบคุณสภาอภิบาลวัด กรรมการหมู่บ้าน และพี่น้องที่ไปช่วยกันขนไม้สำหรับทำเสาหอระฆังไม้ อนุสรณ์ 125 ปีแห่งความเชื่อของวัดของเรา เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา รวมถึงทำถ้ำพระกุมารที่เสร็จเรียบร้อยสวยงาม

3) วันอังคารที่ 14 ธันวาคมนี้ พลมารีจากวัดต่างๆ ในเขตตะวันตกจะมาประชุมประจำปีที่วัดของเรา ขอเชิญสมาชิกพลมารีทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพ มิสซาเวลา 9.30 น.

4) ขอให้แต่ละคุ้มที่นำสลากการกุศลคริสต์มาสไปขาย ได้นำต้นขั้วมาคืนพร้อมกับเงินที่ขายได้ภายในอาทิตย์นี้ จะได้นำส่งมิสซัง

5) เงินทานวันเสาร์ ได้ 398.- บาท, วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม ได้ 5,373.- บาท, เงินต้นในมิสซาครบ 100 วัน อังเยลาสุภีร์ พิมพ์เสน (11 ธ.ค.) 6,920.- บาท และเงินทำบุญทัวร์จันทบุรี (11 ธ.ค.) 2,800.- บาท; เงินทานวัดพระนามเยซู โพนสวาง ได้ 303.- บาท
เด็กคำสอนร่วมเปํนสักขีพยานและยินดีกับสมาชิกใหม่ของวัดนาบัว วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

บทละครที่ยังเขียนไม่จบ

วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี A
อสย 35:1-6ข, 10
ยก 5:7-10
มธ 11:2-11

บทนำ

มีนักเขียนชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อ นาธาเนียล ฮอร์ธอร์น (Nathaniel Hawthorne) ในวันที่เขาตายได้พบบทละครบทหนึ่งที่ยังเขียนไม่จบวางบนโต๊ะทำงาน บทละครนี้พูดถึงตัวเอกของเรื่องที่ยังไม่ปรากฏตัวบนเวที ผู้คนต่างพูดถึง ฝันหา และรอคอยการปรากฏตัวของเขา เพราะนักแสดงคนอื่นๆ ได้บรรยายให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของเขา โดยบอกผู้ชมว่าตัวเอกของเรื่องจะเป็นเช่นไร จะทำอะไรบ้าง แต่ตัวเอกก็ยังไม่มาสักที

พระคัมภีร์พันธสัญญาเก่า ไม่ต่างจากบทละครของฮอร์ธอร์น ที่จบลงโดยที่ตัวเอกของเรื่องยังไม่ปรากฏตัว ประกาศกมากมายได้พูดถึงการปรากฏมาของพระแมสิยาห์ ทำให้ประชาชนฝันหาและเฝ้าคอยการเสด็จมาของพระองค์อย่างใจจดใจจ่อ โดยเฉพาะประกาศกอิสยาห์ที่เราได้ยินในบทอ่านแรก ได้จุดประกายความหวังสำหรับผู้ที่กำลังท้อแท้ใจว่า “มานะเถิด อย่ากลัว นี่แน่ะพระเจ้าของท่านทั้งหลายจะเสด็จมาแก้แค้นแทน จะเสด็จมาช่วยท่านให้รอด” (อสย 35:4)

ดังนั้น ในวันที่ยอห์น บัปติสต์ปรากฏตัว สอนประชาชนให้เตรียมทางสำหรับพระเจ้า และประกอบพิธีล้างที่ริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดน ประชาชนรู้สึกประหลาดใจและพูดกันว่า “บุคคลนี้เป็นใคร” ใช่พระแมสิยาห์ที่เรารอคอย หรือว่าเป็นผู้นำข่าวดีที่พระเจ้าทรงใช้มาเพื่อเตรียมทาง ยอหน์เป็นประกาศกองค์สุดท้ายในพันธสัญญาเก่า ที่ได้เป็นพยานถึงความจริงและความถูกต้องจนกระทั่งถูกจับกุม ในช่วงเวลานี้เองที่พระเยซูเจ้าได้เริ่มภารกิจในการประกาศข่าวดีของพระเจ้า ยอห์นซึ่งอยู่ในคุกได้ยินถึงกิจการที่พระองค์ทรงกระทำ เกิดความไม่แน่ใจจึงส่งศิษย์มาถามว่า “ท่านคือผู้ที่จะมาหรือเราจะต้องรอคอยใครอีก”

1. คำตอบของพระเยซูเจ้า

พระเยซูเจ้าไม่ได้ตอบคำถามศิษย์ของยอห์นโดยตรง แต่ทรงตรัสว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น” คำเทศน์สอนและการอัศจรรย์ต่างๆ ที่พระองค์ทรงกระทำเป็นเครื่องหมายถึงอาณาจักรของพระเจ้าตามที่ประกาศกในพันธสัญญาเก่ากล่าวถึง พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นถึงหนทางใหม่แห่งอาณาจักรพระเจ้า บนพื้นฐานของการสำนึกผิดและการกลับใจ

สิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำนั้นชัดเจนในตัวเอง พระองค์ทรงประทานการมองเห็นแก่คนบอด ทำให้คนง่อยเดินได้ คนหูหนวกได้ยิน คนใบ้พูดได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค และคนตายฟื้นคืนชีพ สิ่งเหล่านี้คือการทำให้คำทำนายของบรรดาประกาศกสำเร็จไป และเป็นเครื่องหมายที่ชัดแจ้งว่า พระแมสิยาห์ได้เสด็จมาแล้ว อาณาจักรของพระเจ้าได้เริ่มขึ้นแล้ว

การอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำในวันนี้คือ การกลับใจของเราเพื่อเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า สิ่งที่พระองค์ได้กระทำกับคนยากจน คนตาบอด คนง่อย และคนหูหนวก คนใบ้ คนโรคเรื้อน พระองค์ทรงกระทำกับเราเช่นเดียวกัน แต่ในรูปแบบและวิธีการที่ต่างกัน ประการสำคัญ พระองค์จะสามารถกระทำการอัศจรรย์เหล่านี้ได้ก็ต่อเมื่อ เราได้เปิดตัวเองให้พระองค์ทรงทำงานและร่วมมือกับพระหรรษทานของพระองค์

พระเยซูเจ้าได้ให้ตัวอย่างของยอห์น บัปติสต์แก่เรา เพื่อให้กำลังใจและกระตุ้นเตือนความหวังไว้ใจในเรา ยอห์นได้เป็นเครื่องมือที่ดีของพระเจ้าในการเตรียมทางของพระองค์ และได้เป็นพยานถึงความจริงด้วยชีวิต ดังนั้น พระเยซูเจ้าจึงยกย่องยอห์นว่า “เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” พระเยซูเจ้าจะทรงมอบความยิ่งใหญ่แบบเดียวกันกับเรา หากเราได้ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อและเป็นพยานถึงความจริงด้วยความกล้าหาญ

2. บทละครที่ยังเขียนไม่จบ

พระเยซูเจ้าคือพระแมสิยาห์ที่บรรดาประกาศกกล่าวถึง ที่ได้เสด็จมาเพื่อสถาปนาอาณาจักรพระเจ้าในโลก และทรงมอบภารกิจนี้แก่เราในการทำให้อาณาจักรของพระเจ้าสมบูรณ์ พระองค์ทรงมอบหมายเราแต่ละคนในการสร้างอาณาจักรของพระเจ้าในโลก และสานต่อภารกิจของพระองค์ที่ยังไม่จบให้ดำเนินต่อไป เมื่อพระองค์จะเสด็จมาอีกครั้งหนึ่งในวาระสุดท้าย พระองค์จะทรงพิพากษาเราถึงงานที่เราได้กระทำนี้

ชาวโรมันโบราณมีเทพเจ้าองค์หนึ่งชื่อ “จานุส” (Janus: คำว่า “January” มาจากชื่อเทพเจ้าองค์นี้) ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่มีสองหน้า สามารถมองเห็นทั้งข้างหน้าและข้างหลังได้ เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้ามีลักษณะแบบเดียวกันคือ การมองย้อนกลับไปถึงการเสด็จมาครั้งแรกของพระเยซูเจ้าในประวัติศาสตร์ และการมองไปข้างหน้าถึงการเสด็จมาอีกครั้งหนึ่งของพระองค์ในวาระสุดท้าย

เราแต่ละคนยืนอยู่ตรงกลางระหว่างสองเหตุการณ์นี้ งานของเราไม่ใช่การนั่งบนภูเขามองดูเฉยๆ แต่เราจะต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และทำให้ภารกิจที่พระเยซูเจ้าทรงมอบให้แก่เราในการเสด็จมาครั้งแรกให้สมบูรณ์ นั่นหมายความว่า เราจะต้องสร้างอาณาจักรของพระเจ้าในโลกของเรา โลกที่เต็มไปด้วยความรักมากกว่าความเกลียดชัง โลกแห่งการให้อภัยมากกว่าการแก้แค้นผู้พยาบาท โลกแห่งความจริงมากกว่าการโกหกหลอกลวง โลกแห่งความเมตตากรุณามากกว่าการแบ่งแยกแตกต่าง

บทสรุป

พี่น้องที่รัก นี่คือบทละครที่เราจะต้องเขียนต่อให้จบ ในการสร้างโลกในแบบเดียวกันกับที่พระเยซูเจ้าจะทรงกระทำหากพระองค์เป็นเรา นั่นหมายความว่า เราจะต้องคิดและมองสิ่งต่างๆ ด้วยสาตาของพระองค์ โดยมีความรักและความเมตตาเป็นเครื่องนำทาง จะต้องปล่อยให้หัวใจของเราเต้นในจังหวะเดียวกันกับพระองค์ เพื่อเราจะรู้ได้ว่ามีสิ่งไหนที่เราควรทำ เพื่อทำให้โลกที่พระองค์ทรงมอบให้อยู่ในมือเรานี่น่าอยู่ยิ่งขึ้น

เราจะต้องเลียนแบบอย่างยอห์น บัปติสต์ ในการเป็นเครื่องมือที่ดีของพระเจ้า และเป็นพยานถึงการเสด็จมาของพระองค์ด้วยความจริงและความถูกต้องชอบธรรม เราจะต้องรื้อฟื้นชีวิตแห่งการภาวนาและการคืนดีกับพระเจ้า เพื่อเตรียมต้อนรับการเสด็จมาของพระคริสตเจ้า เราจะต้องเป็นผู้สร้างและนำข่าวดีแห่งความรักและความหวังให้บังเกิดขึ้นในครอบครัว หมู่คณะ และสังคมของเรา เช่นนี้เอง เราจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในพระอาณาจักรสวรรค์ยิ่งกว่ายอห์นเสียอีก
ถ้าพระกุมารที่กัลชี เมืองปีซา อิตาลี (2008)
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
10 ธันวาคม 2010