การเสด็จมาของพระเยซูเจ้า
อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี A |
อสย 2:1-5 รม 13:11-14 มธ 24:37-44 |
บทนำ
จอห์น
เอฟ เคนเนดี้ (John F. Kennedy) ได้เล่าเรื่องหนึ่งซึ่งมีความหมายมาก
ในการปราศรัยรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีปี 1960
เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้พันดาเวนพอร์ท (Colonel Davenport) โฆษกสมาชิกสภารัฐคอนเนกติกัทซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการประชุมสภาปี 1789 ขณะกำลังประชุมกันอยู่นั้น ได้เกิดท้องฟ้ามืดมัวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
สมาชิกสภาบางคนมองผ่านหน้าต่างและคิดว่า นี่คือเครื่องหมายแห่งวาระสุดท้ายของโลก
เหตุการณ์วันนั้น
ทำให้บรรดาสมาชิกสภาร้องเอ็ดอึงลั่นห้องประชุมขอให้เลื่อนการประชุมออกไป
แต่ผู้พันดาเวนพอร์ทยืนขึ้นและกล่าวว่า “ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ
วันพิพากษากำลังจะมาถึงหรือไม่ ไม่มีใครทราบ
หากยังมาไม่ถึงก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะเลื่อนการประชุมออกไป แต่ถ้ามาถึงแล้ว
ข้าพเจ้าขอเลือกตายในหน้าที่ ดังนั้น ข้าพเจ้าขอให้จุดเทียนเพื่อประชุมต่อ”
ได้มีการนำเทียนมาจุดและเริ่มการประชุมต่อไป
เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
เป็นการเตรียมฉลองการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า
และเป็นการเตรียมต้อนรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ เราอยู่ระหว่างการเสด็จมาครั้งแรกที่เบธเลแฮม
กับการเสด็จมาครั้งที่สองในวาระสุดท้ายเพื่อพิพากษาทุกคน เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ
จึงเป็นช่วงเวลาของการไตร่ตรองถึงการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า
ด้วยการเชิญพระองค์เข้ามาในจิตใจของเรา และตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ในตัวเราและเพื่อนมนุษย์
1.
การเสด็จมาของพระเยซูเจ้า
พระวรสารวันนี้พูดถึงการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าในวาระสุดท้ายของโลก
เราเตรียมตัวรับสถานการณ์นี้อย่างไร
ปัจจุบันมีคนสองกลุ่มมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า
กลุ่มหนึ่งเตรียมตัวด้วยความวิตกทุกข์ร้อนหวาดระแวง ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งไม่สนใจว่า อะไรจะเกิดขึ้น
พระวรสารบอกอะไรเราเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของโลก
และเราต้องเตรียมตัวเผชิญเหตุการณ์นี้อย่างไร
พระเยซูเจ้าทรงใช้ภาพพจน์สองอย่างเพื่ออธิบายการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์
ซึ่งไม่มีใครทราบว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เวลาใด (มธ 24:42ข) อย่างแรกคือน้ำวินาศที่กวาดผู้คนซึ่งกำลังกินดื่มสนุกสนานในสมัยโนอาห์จนหมดสิ้น
อีกภาพพจน์หนึ่งคือขโมยที่มาในเวลากลางคืนซึ่งเจ้าของบ้านไม่ได้เฝ้าระวัง
การเสด็จมาครั้งที่สองและวาระสุดท้ายของโลกอย่างที่พระเยซูเจ้าบอกเรา
จะเกิดขึ้นโดยทันทีแบบไม่มีใครคาดฝัน ไม่มีการบอกให้ทราบล่วงหน้า ดังนั้น เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
การดำเนินชีวิตคริสตชนเป็นชีวิตที่ต้องตื่นเฝ้าอยู่เสมอ
ด้วยการทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเหมือนอย่างผู้พันดาเวนพอร์ทที่พร้อมตายในหน้าที่
ไม่ตื่นตระหนกไปกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น การตื่นเฝ้ายังหมายถึงการเรียนรู้เครื่องหมายแห่งกาลเวลา
เพื่อเข้าใจความหมายที่พระเจ้าทรงต้องการบอกเราให้ทราบ
และรับผิดชอบต่อหน้าที่ประจำวันจนถึงที่สุด ดังนั้น
การตื่นเฝ้าจึงเป็นการเจริญชีวิตแห่งการรับใช้พระเจ้าด้วยความวางใจ ปฏิบัติตามบทบัญญัติ
และดำรงตนในฐานะแห่งพระหรรษทานเหมือนผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก
เราต้องตื่นเฝ้าอยู่เสมอ
การตื่นเฝ้าแสดงให้เห็นลักษณะของผู้เป็นศิษย์ ซึ่งมุ่งหวังและรอคอยพระเยซูเจ้าเสด็จกลับมา
ด้วยการดำเนินชีวิตรับใช้พระเจ้าด้วยความวางใจ และในการอธิษฐานภาวนาอย่างจริงจังตามคำสั่งของพระเยซูเจ้า
“จงตื่นเฝ้าและอธิษฐานภาวนาเพื่อจะไม่เข้าสู่การทดลอง” (มก 14:38)
หรือปฏิบัติตามแบบอย่างของพระองค์ที่เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนา
และทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน (ลก 6:12)
ประการที่สอง
เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทราบวาระสุดท้ายของโลก และการเสด็จมาอีกครั้งหนึ่งของพระเยซูเจ้า
ดังนั้น ชีวิตของเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระองค์
นี่คือหน้าที่ที่เราต้องทำ เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ ท้าทายเราด้วยคำถามสำคัญสามข้อ :
1) เราจะทำอะไรขณะนี้, 2) เราควรจะทำอะไรเวลานี้ และ 3)
เราจะเริ่มทำอะไรบ้างตอนนี้ นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตากล่าวว่า “สิ่งที่ท่านทำในครอบครัวของท่าน
เพื่อลูก เพื่อสามี เพื่อภรรยา จงทำเพื่อพระเยซูเจ้า”
ประการที่สาม
เราต้องเตรียมต้อนรับพระเยซูเจ้าอยู่เสมอ พระองค์เสด็จมาหาเราทุกวันในพิธีบูชาขอบพระคุณ และในเพื่อนมนุษย์ที่เราพบแต่ละวัน
เป็นต้น คนยากจน และคนต้องการความช่วยเหลือ คริสตชนต้องเตรียมรับเสด็จด้วยการเปิดใจต้อนรับพระองค์
กลับใจเปลี่ยนแปลงตนเอง และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนมนุษย์ เวลาที่เราทำหน้าที่เพื่อพระองค์
พระองค์จะเสด็จมาหาเรา และเวลาที่เราอธิษฐานภาวนาร่วมกันในนามของพระองค์
พระองค์จะประทับอยู่กับเรา
บทสรุป
พี่น้องที่รัก บ่อยครั้งเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการจับจ่ายซื้อของขวัญเพื่อมอบแก่กัน ของขวัญคริสต์มาสแท้จริงมีเพียงอย่างเดียวคือ
องค์พระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นของประทานจากพระบิดาเจ้าสำหรับเรา
เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ เป็นช่วงเวลารื้อฟื้นและสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระเจ้า
เป็นช่วงเวลาแห่งความเพียรทนในการอธิษฐานภาวนาด้วยความวางใจ และเปิดใจเราต้อนรับพระองค์ในเพื่อนมนุษย์
เป็นต้น คนยากจน และต้องการความช่วยเหลือ
พระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่างของโลก
ดังนั้น เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ
เป็นช่วงเวลาของการเดินออกจากความมืดเพื่อเดินในแสงสว่างของพระองค์ ศิษย์พระคริสต์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเองและคิดถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของตน
มุ่งไปหาพระเจ้าด้วยการทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด และถอดแบบความรักของพระเยซูเจ้าต่อเพื่อนมนุษย์
เพื่อทำให้พระองค์ปรากฏเป็นจริงในชีวิตประจำวัน
ขวัญ ถิ่นวัลย์, ของขวัญสุดประเสริฐ ความชื่นชมยินดีแห่งการบังเกิด, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562), หน้า 3-6.
ภาพ : พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี, อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่, สกลนคร; 2022-11-18
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น