วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

การเสด็จมาของพระเยซูเจ้า

 

การเสด็จมาของพระเยซูเจ้า

อาทิตย์ สัปดาห์ที่

เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

ปี A

อสย 2:1-5

รม 13:11-14

มธ 24:37-44

บทนำ

 จอห์น เอฟ เคนเนดี้ (John F. Kennedy) ได้เล่าเรื่องหนึ่งซึ่งมีความหมายมาก ในการปราศรัยรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีปี 1960 เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้พันดาเวนพอร์ท (Colonel Davenport) โฆษกสมาชิกสภารัฐคอนเนกติกัทซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการประชุมสภาปี 1789 ขณะกำลังประชุมกันอยู่นั้น ได้เกิดท้องฟ้ามืดมัวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน สมาชิกสภาบางคนมองผ่านหน้าต่างและคิดว่า นี่คือเครื่องหมายแห่งวาระสุดท้ายของโลก

เหตุการณ์วันนั้น ทำให้บรรดาสมาชิกสภาร้องเอ็ดอึงลั่นห้องประชุมขอให้เลื่อนการประชุมออกไป แต่ผู้พันดาเวนพอร์ทยืนขึ้นและกล่าวว่า “ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ วันพิพากษากำลังจะมาถึงหรือไม่ ไม่มีใครทราบ หากยังมาไม่ถึงก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะเลื่อนการประชุมออกไป แต่ถ้ามาถึงแล้ว ข้าพเจ้าขอเลือกตายในหน้าที่ ดังนั้น ข้าพเจ้าขอให้จุดเทียนเพื่อประชุมต่อ” ได้มีการนำเทียนมาจุดและเริ่มการประชุมต่อไป

เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นการเตรียมฉลองการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า และเป็นการเตรียมต้อนรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ เราอยู่ระหว่างการเสด็จมาครั้งแรกที่เบธเลแฮม กับการเสด็จมาครั้งที่สองในวาระสุดท้ายเพื่อพิพากษาทุกคน เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ จึงเป็นช่วงเวลาของการไตร่ตรองถึงการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า ด้วยการเชิญพระองค์เข้ามาในจิตใจของเรา และตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ในตัวเราและเพื่อนมนุษย์

1.        การเสด็จมาของพระเยซูเจ้า

พระวรสารวันนี้พูดถึงการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าในวาระสุดท้ายของโลก เราเตรียมตัวรับสถานการณ์นี้อย่างไร ปัจจุบันมีคนสองกลุ่มมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า กลุ่มหนึ่งเตรียมตัวด้วยความวิตกทุกข์ร้อนหวาดระแวง ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งไม่สนใจว่า อะไรจะเกิดขึ้น พระวรสารบอกอะไรเราเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของโลก และเราต้องเตรียมตัวเผชิญเหตุการณ์นี้อย่างไร

พระเยซูเจ้าทรงใช้ภาพพจน์สองอย่างเพื่ออธิบายการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ ซึ่งไม่มีใครทราบว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เวลาใด (มธ 24:42ข) อย่างแรกคือน้ำวินาศที่กวาดผู้คนซึ่งกำลังกินดื่มสนุกสนานในสมัยโนอาห์จนหมดสิ้น อีกภาพพจน์หนึ่งคือขโมยที่มาในเวลากลางคืนซึ่งเจ้าของบ้านไม่ได้เฝ้าระวัง การเสด็จมาครั้งที่สองและวาระสุดท้ายของโลกอย่างที่พระเยซูเจ้าบอกเรา จะเกิดขึ้นโดยทันทีแบบไม่มีใครคาดฝัน ไม่มีการบอกให้ทราบล่วงหน้า ดังนั้น เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ

การดำเนินชีวิตคริสตชนเป็นชีวิตที่ต้องตื่นเฝ้าอยู่เสมอ ด้วยการทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเหมือนอย่างผู้พันดาเวนพอร์ทที่พร้อมตายในหน้าที่ ไม่ตื่นตระหนกไปกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น การตื่นเฝ้ายังหมายถึงการเรียนรู้เครื่องหมายแห่งกาลเวลา เพื่อเข้าใจความหมายที่พระเจ้าทรงต้องการบอกเราให้ทราบ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ประจำวันจนถึงที่สุด ดังนั้น การตื่นเฝ้าจึงเป็นการเจริญชีวิตแห่งการรับใช้พระเจ้าด้วยความวางใจ ปฏิบัติตามบทบัญญัติ และดำรงตนในฐานะแห่งพระหรรษทานเหมือนผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องตื่นเฝ้าอยู่เสมอ การตื่นเฝ้าแสดงให้เห็นลักษณะของผู้เป็นศิษย์ ซึ่งมุ่งหวังและรอคอยพระเยซูเจ้าเสด็จกลับมา ด้วยการดำเนินชีวิตรับใช้พระเจ้าด้วยความวางใจ และในการอธิษฐานภาวนาอย่างจริงจังตามคำสั่งของพระเยซูเจ้า “จงตื่นเฝ้าและอธิษฐานภาวนาเพื่อจะไม่เข้าสู่การทดลอง” (มก 14:38) หรือปฏิบัติตามแบบอย่างของพระองค์ที่เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนา และทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน (ลก 6:12)

ประการที่สอง เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทราบวาระสุดท้ายของโลก และการเสด็จมาอีกครั้งหนึ่งของพระเยซูเจ้า ดังนั้น ชีวิตของเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระองค์ นี่คือหน้าที่ที่เราต้องทำ เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ ท้าทายเราด้วยคำถามสำคัญสามข้อ : 1) เราจะทำอะไรขณะนี้, 2) เราควรจะทำอะไรเวลานี้ และ 3) เราจะเริ่มทำอะไรบ้างตอนนี้ นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตากล่าวว่า “สิ่งที่ท่านทำในครอบครัวของท่าน เพื่อลูก เพื่อสามี เพื่อภรรยา จงทำเพื่อพระเยซูเจ้า”

ประการที่สาม เราต้องเตรียมต้อนรับพระเยซูเจ้าอยู่เสมอ พระองค์เสด็จมาหาเราทุกวันในพิธีบูชาขอบพระคุณ และในเพื่อนมนุษย์ที่เราพบแต่ละวัน เป็นต้น คนยากจน และคนต้องการความช่วยเหลือ คริสตชนต้องเตรียมรับเสด็จด้วยการเปิดใจต้อนรับพระองค์ กลับใจเปลี่ยนแปลงตนเอง และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนมนุษย์ เวลาที่เราทำหน้าที่เพื่อพระองค์ พระองค์จะเสด็จมาหาเรา และเวลาที่เราอธิษฐานภาวนาร่วมกันในนามของพระองค์ พระองค์จะประทับอยู่กับเรา

บทสรุป

พี่น้องที่รัก บ่อยครั้งเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการจับจ่ายซื้อของขวัญเพื่อมอบแก่กัน ของขวัญคริสต์มาสแท้จริงมีเพียงอย่างเดียวคือ องค์พระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นของประทานจากพระบิดาเจ้าสำหรับเรา เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ เป็นช่วงเวลารื้อฟื้นและสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระเจ้า เป็นช่วงเวลาแห่งความเพียรทนในการอธิษฐานภาวนาด้วยความวางใจ และเปิดใจเราต้อนรับพระองค์ในเพื่อนมนุษย์ เป็นต้น คนยากจน และต้องการความช่วยเหลือ

พระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่างของโลก ดังนั้น เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ เป็นช่วงเวลาของการเดินออกจากความมืดเพื่อเดินในแสงสว่างของพระองค์ ศิษย์พระคริสต์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเองและคิดถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของตน มุ่งไปหาพระเจ้าด้วยการทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด และถอดแบบความรักของพระเยซูเจ้าต่อเพื่อนมนุษย์ เพื่อทำให้พระองค์ปรากฏเป็นจริงในชีวิตประจำวัน

ขวัญ ถิ่นวัลย์, ของขวัญสุดประเสริฐ ความชื่นชมยินดีแห่งการบังเกิด, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562),  หน้า 3-6.

ภาพ : พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี, อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่, สกลนคร; 2022-11-18

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น