การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า
ในสายตาของศิษย์ที่ทรงรัก
ยอห์น บทที่ 19 (ศุกร์ศักดิ์สิทธิ์) |
ยน 19:25-42 |
บทนำ
วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์เราระลึกถึงพระมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า
พิธีกรรมวันนี้มีสามภาคคือ ภาควจนพิธีกรรม
ภาคนมัสการกางเขน และภาครับศีลมหาสนิท
เนื้อหาสำคัญของพิธีกรรมวันนี้คือ “การปลดปล่อย” เราได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระเพราะความรักของพระเยซูเจ้าที่มีต่อเรา
พระทรมานของพระองค์นำมาซึ่งอิสรภาพยิ่งใหญ่ การมอบตนของพระองค์บนไม้กางเขน ทำให้ชีวิตของเรามีคุณค่าและมีส่วนในความชื่นชมยินดีนิรันดร
การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า ทำให้ชีวิตและกิจการดีทั้งหลายที่เรากระทำตลอดชีวิตมีความหมาย
และบรรลุถึงความสมบูรณ์ในวันสุดท้าย ไม่ตกเป็นทาสของข้อจำกัดของมนุษย์คือความตายอีกต่อไป
แต่มีอิสระอย่างแท้จริงและมีเป้าหมายสุดท้ายที่ชัดเจน ดังนั้น ทุกถ้อยคำและเครื่องหมายในพิธีกรรมวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์
เป็นการฉลองอิสรภาพของมนุษยชาติ เรียนรู้จักองค์แห่งความรัก ซึ่งได้มอบชีวิตทั้งครบของพระองค์เพื่ออิสรภาพของเรามนุษย์
1.
การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า
นักบุญยอห์นอัครสาวกได้ติดตามพระเยซูเจ้าไปจนถึงเชิงกางเขน
ได้เป็นพยานและเขียนพระวรสารที่เราใช้อ่านในพิธีกรรมวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ยอห์นต้องการบอกเราด้วยว่า
“ทำไม” พระเยซูเจ้าต้องรับทรมานและสิ้นพระชนม์ พระเยซูเจ้าทรงล่วงรู้เหตุการณ์ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์
และทรงน้อมรับมันด้วยความนอบน้อมเชื่อฟังต่อพระบิดาเจ้าอย่างสุขสงบ
1.1 พระมารดาของพระเยซูเจ้าแทบเชิงกางเขน
(ยน 19:25-27)
มีเพียงพระวรสารนักบุญยอห์นที่บันทึกเหตุการณ์ตอนนี้
พระเยซูเจ้าทรงเห็นพระมารดาและศิษย์ที่ทรงรักยืนอยู่ใกล้ ๆ จึงตรัสกับพระมารดาว่า “หญิงเอ๋ย นี่คือลูกของท่าน” (ยน 19:26) พระเยซูเจ้าเคยตรัสเช่นนี้แล้วครั้งหนึ่งในพระวรสารนักบุญยอห์น บทที่ 2 เรื่องการแต่งงานที่เมืองคานา คำว่า “หญิง” ในวรรณกรรมยอห์น
หมายถึงนคร หรืออาณาจักร เช่น ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย ธิดาเยรูซาเล็มเอ๋ย หมายถึงนครเยรูซาเล็ม
คำพูด “หญิงเอ๋ย” ในที่นี้บอกให้เราทราบว่า พระเยซูเจ้ากำลังตรัสกับพระศาสนจักร
เป็นการมอบฝากบรรดาศิษย์ของพระองค์ไว้กับพระศาสนจักร และตรัสกับศิษย์ผู้นั้นว่า “นี่คือแม่ของท่าน” (ยน 19:27) พระเยซูเจ้าไม่เพียงฝากพระมารดาไว้กับศิษย์ที่ทรงรักเท่านั้น
แต่ทรงประกาศว่า พระนางมารีย์ทรงเป็นเอวาคนใหม่ ทรงเป็นพระมารดาในจิตใจของทุกคนที่มีความเชื่อ
โดยมีศิษย์ที่ทรงรักเป็นตัวแทน (เทียบ 15:10-15)
พระเยซูเจ้าทรงประกาศความสัมพันธ์ของพระศาสนจักรกับศิษย์ของพระองค์
ซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวต่อหน้าไม้กางเขนในพระศาสนจักร การเป็นศิษย์พระคริสต์ถือกำเนิดขึ้นที่เชิงกางเขน ดังนั้น ศูนย์กลางของวัดต้องเป็นไม้กางเขนที่มีพระเยซูทรงถูกตรึงอยู่
การมาชุมนุมกันรอบพระแท่นเพื่อร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณทุกเช้า สืบเนื่องมาจากการสิ้นพระชนม์
เป็นหนึ่งเดียวกับการสิ้นพระชนม์ และเป็นปัจจุบันเสมอ
นี่เป็นธรรมล้ำลึกแห่งไม้กางเขน
1.2 พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ (ยน 19:28-30)
เมื่อเห็นว่า ทุกอย่างสำเร็จแล้ว พระเยซูเจ้าตรัสว่า
“เรากระหาย” นักบุญยอห์นต้องการเน้นว่า ไม่ใช่การกระหายน้ำ แต่เป็นการกระหายพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า
ในบทเทศน์บนภูเขาเรื่องบุญลาภ หรือความสุขแท้ พระเยซูเจ้าตรัสถึงการกระหายความชอบธรรม
หรือการปกครองของพระเจ้า พระเยซูเจ้าผู้รับใช้ของพระยาเวห์ทรงยอมทุกอย่างตามพระประสงค์ของพระเจ้า
“ทหารจึงใช้ฟองน้ำชุบน้ำองุ่นเปรี้ยวเสียบปลายกิ่งหุสบ
ยื่นถึงพระโอษฐ์” (ยน 19:29)
กิ่งหุสบ เป็นไม้เลื้อย ชาวยิวใช้กิ่งของมันในการประพรม
(ลนต 14:4; สดด 51:9) บางคนคิดว่า ไม้นี้ไม่แข็งพอที่จะส่งฟองน้ำชุบน้ำองุ่นเปรี้ยวให้พระเยซูเจ้า
จึงแก้คำนี้เป็นหอก หรือไม้อ้อ (เทียบ มธ 27:48) มหาสมณะใช้กิ่งหุสบชุบเลือดทาวงกบประตูในหนังสืออพยพ
หรือใช้ประพรมประชาชนในวันชดเชยใช้โทษบาป นักบุญยอห์นต้องการบอกว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นมหาสมณะ ทรงใช้กิ่งหุสบชุบเลือกของพระองค์เพื่อชดเชยบาปของมนุษยชาติ
หลังจากนั้นพระเยซูเจ้าตรัสว่า “สำเร็จบริบูรณ์แล้ว”
หมายถึงภารกิจที่พระบิดาเจ้าทรงมอบให้พระองค์กระทำ คือการถวายตนเป็นบูชาเพื่อช่วยมนุษยชาติให้รอดพ้น
นักบุญยอห์นไม่ได้กล่าวถึงการเรียกหาพระบิดาเหมือนในพระวรสารนักบุญมัทธิวและมาระโก
(มธ 27:46 และ มก 15:34) แต่เน้นการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า หลังจากนั้นพระเยซูเจ้าทรงเอนพระเศียรและสิ้นพระชนม์
แต่ยอห์นใช้คำว่า “พระองค์ทรงส่งพระจิตของพระองค์ออกไป” สำหรับยอห์นการสิ้นพระชนม์เป็นการส่งพระจิตแก่มนุษยชาติ (ดู
เชิงอรรถ) ทรงสิ้นลมและมอบลมแห่งชีวิตคือพระจิตเจ้า
1.3
ทหารแทงด้านข้างพระวรกาย
(ยน 19:31-37)
ทหารได้ทุบขาผู้ที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์เพื่อเร่งให้นักโทษตายเร็วขึ้น
แต่พวกทหารไม่ได้ทุบขาพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว สำหรับนักบุญยอห์นพระเยซูเจ้าทรงเป็นลูกแกะปัสกาไร้มลทิน
ไม่มีตำหนิใด ๆ อีกทั้ง ในห้วงเวลาสิ้นพระชนม์ไม่มีม่านในพระวิหารฉีกขาด
แต่ด้านข้างพระวรกายถูกแทงด้วยหอก เพื่อบอกให้ทราบว่า พระองค์ทรงเป็นพระวิหาร “จงทำลายพระวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน” (ยน 2:19)
เมื่อทหารแทงด้านข้างพระวรกาย “โลหิตและน้ำก็ไหลออกมาทันที” (ยน 19:34) พระวรกายของพระเยซูเจ้าในฐานะพระวิหารของพระเจ้าถูกแทงด้านข้าง
“พระโลหิต” แสดงว่า ลูกแกะได้ถูกฆ่าเป็นบูชาแล้วจริง
ๆ เพื่อความรอดพ้นของโลก (ยน 6:51) ส่วน “น้ำ”
เป็นสัญลักษณ์หมายถึงพระจิตเจ้า แสดงว่า การถวายบูชาของพระเยซูเจ้าเป็นบ่อเกิดแห่งพระหรรษทานอันอุดม
บรรดาปิตาจารย์หลายท่านอธิบายว่า “พระโลหิตและน้ำ”
เป็นสัญลักษณ์ของศีลล้างบาปและศีลมหาสนิท อีกทั้งยังหมายถึงพระศาสนจักร
ในฐานะเอวาคนใหม่ซึ่งเกิดจากสีข้างของอาดัมคนใหม่ (เทียบ อฟ 5:23-32) โลหิตและน้ำได้ไหลจากพระวรกายเพื่อชดเชยบาป
สอดคล้องกับคำพูดของยอห์นบัปติสต์เมื่อเห็นพระเยซูเจ้า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก” (ยน 1:29)
พระโลหิตและน้ำยังสะท้อน ชีวิตที่มีเพื่อให้ หัวใจมีเพื่อรักของพระเยซูเจ้า ทรงให้มนุษย์ทั้งหมด แม้กระทั่งชีวิตและเลือดหยดสุดท้าย
ไม่เก็บสิ่งใดไว้สำหรับพระองค์ ยกเว้นสิ่งที่ไม่มีใครอยากได้ ได้แก่
มงกุฎหนามและไม้กางเขน
ทุกครั้งที่เรามองไม้กางเขนและรำพึงถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า
ต้องเตือนเราถึงความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์ “ทรงรักเราถึงเพียงนี้” (Sic nos amamtem)
ชีวิตที่มีเพื่อให้และหัวใจมีเพื่อรักซึ่งเราต้องเลียนแบบ
1.4
ความหมายของการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า
การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าเป็นที่เข้าใจเฉพาะผู้ที่พร้อมติดตามพระองค์
และพร้อมเลียนแบบพระองค์ในการทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า พระองค์ทรงทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าจนถึงที่สุดคือความตายบนไม้กางเขน
การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ได้มอบแบบอย่างแก่เราและเตือนใจเราให้ระลึกว่า :
1) การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าเป็นรูปแบบของความตายทั้งหลาย
สรรพสิ่งในโลกอยู่ในกาลเวลาและมีวันสูญสลาย แต่สำหรับพระเยซูเจ้าผ่านทางความตายนำมาซึ่งชีวิตใหม่
“เมล็ดข้าวถ้าไม่ตกลงดินและเปื่อยเน่าไปก็จะคงอยู่เพียงเมล็ดเดียว” (ยน 12:24)
2) การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้านำมาซึ่งความหวังในการตายต่อตัวเอง
อิสรภาพแท้จริงออกมาจากการมอบชีวิตทั้งครบเพื่อผู้อื่น
การแบ่งปันความทุกข์กับคนที่กำลังมีทุกข์ทำให้ความทุกข์นั้นเบาลง เข้าทำนอง “ร่วมทุกข์ ทุกข์ลด ร่วมสุข สุขเพิ่ม”
3) การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าแสดงถึงความรักมากล้น
ทรงรักเราจนถึงที่สุดคือความตายบนไม้กางเขน ทรงปลดปล่อยเราจากบาปและความตาย ด้วยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
ทำให้การดำเนินชีวิตของเรามีคุณค่าและความหมาย
และทำให้กิจการดีทั้งหลายที่เราทำไม่ไร้ค่า
2.
คำถามเพื่อการไตร่ตรอง
2.1 การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้ามีความหมายอย่างไรสำหรับเรา
บนไม้กางเขนพระเยซูเจ้าทรงมอบแบบอย่างของความรักแท้
พระองค์ไม่เพียงสอน แต่ทำให้เป็นจริงด้วยชีวิตของพระองค์บนไม้กางเขน อิสรภาพแท้จริงออกมาจากการมอบชีวิตทั้งครบเพื่อผู้อื่น การแบ่งปันความทุกข์กับคนกำลังมีทุกข์ทำให้ความทุกข์นั้นเบาลง
เข้าทำนอง “ร่วมทุกข์
ทุกข์ลด ร่วมสุข สุขเพิ่ม”
2.2 เราได้ตระหนักถึงความรักยิ่งใหญ่ของพระเยซูเจ้าต่อเราอย่างไร
พระเยซูเจ้าทรงปลดปล่อยเราจากบาปและความตาย
ด้วยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขน ทำให้การดำเนินชีวิตของเรามีคุณค่าและความหมาย และทำให้กิจการดีทุกอย่างที่เราทำไม่ไร้ค่า เราต้องตระหนักในความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์ เลียนแบบความรักนี้
ที่รักทุกคนอย่างหาที่สุดมิได้ไม่มีเงื่อนไข และไร้ขีดจำกัด
บทสรุป
พิธีกรรมวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์
เชิญชวนเราให้มีส่วนในพระมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า
ไม่ใช่ด้วยความทุกข์โศกเศร้า แต่ด้วยความหวังในการกลับคืนชีพ พระวาจาของพระเจ้าได้กระตุ้นเตือนและเปิดเผยให้เราเห็นถึง
การยอมรับการทรมานและการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้าผู้บริสุทธิ์ นี่คือความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่ทรงรักเราจนถึงที่สุด
“ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่
กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย” (ยน 15:13)
คริสตชนต้องวอนขอพระหรรษทานจากพระเจ้า
เพื่อดำเนินชีวิตด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงพระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า
ศิษย์พระคริสต์ต้องติดตามและเลียนแบบพระเยซูเจ้า
ในความรักหาที่สุดมิได้เยี่ยงพระองค์ต่อเพื่อนมนุษย์ แสวงหาและมอบตนเองต่อพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าในชีวิตประจำวัน เพื่อรับชีวิตใหม่และกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
https://dondaniele.blogspot.com/
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
26 กุมภาพันธ์ 2020
ที่มาภาพ : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Theophile_Lybaert_-_Jesus%27_body_is_removed_from_the_cross.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น