การล้างเท้า แบบอย่างแห่งความรักและการรับใช้
ยอห์น บทที่ 13 |
ยน 13:1-20 |
บทนำ
เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงล้างเท้านักโทษ ในพิธีกรรมเย็นวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ปีแรกของสมณสมัย
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการล้างเท้าที่เคยทำอย่างสิ้นเชิง ทรงเลือกล้างเท้าบรรดานักโทษ
ซึ่งมีทั้งคนต่างศาสนา ผู้ลี้ภัย ผู้หญิง และเด็ก เพื่อแสดงให้เห็นถึงการรับใช้เยี่ยงทาสอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำกับบรรดาศิษย์
นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพิธีการล้างเท้าที่ไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะผู้ชาย
ที่ได้รับการคัดสรรพิเศษในชุมชนวัดอย่างที่เคยปฏิบัติกันมาเท่านั้น
สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสกับบรรดานักโทษว่า “พ่อเป็นคนบาปคนหนึ่งแต่มาเป็นทูตของพระเยซูเจ้า
เมื่อพ่อล้างเท้าท่าน จงจำไว้ว่าพระเยซูเจ้าไม่เคยทอดทิ้งท่าน
ทั้งไม่เคยเหน็ดเหนื่อยที่จะให้อภัยท่าน” สิ่งที่พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงกระทำ
นำเรากลับไปหาคำสอนของพระเยซูเจ้าในการล้างเท้าบรรดาศิษย์
เพื่อเข้าใจความหมายแท้จริงที่พระองค์ทรงมอบบทเรียนสำคัญนี้แก่เรา ในการรับใช้กันและกัน
1.
การล้างเท้า แบบอย่างแห่งความรักและการรับใช้
นักบุญยอห์นยืนยันที่นี่เป็นครั้งแรกอย่างชัดเจนว่า ชีวิตและความตายของพระเยซูเจ้าเป็นการแสดงความรักที่มีต่อบรรดาศิษย์
ยอห์นรักษาความลับนี้ไว้ตลอดมา เพื่อเปิดเผยในช่วงเวลาสุดท้ายนี้ “พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้
พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด” (ยน 13:1) จนถึงที่สุด หมายถึง “จนถึงวาระสุดท้าย” คือความตายบนไม้กางเขน ความรักปรากฏอย่างเด่นชัดเมื่อพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
1.1
การล้างเท้าอัครสาวก (ยน 13:1-20)
ถนน หรือทางเดินสมัยพระเยซูเจ้าไม่ได้ลาดยาง
หรือเป็นถนนคอนกรีตอย่างในปัจจุบัน แต่เต็มไปด้วยฝุ่น เท้าไม่มีอะไรปกปิด
ดีที่สุดคือรองเท้าแตะ ดังนั้นเท้าย่อมสกปรก เมื่อเดินทางถึงบ้านก่อนเข้าบ้านจึงต้องล้างเท้า
ทุกบ้านมีที่สำหรับล้างเท้า และเป็นหน้าที่ของทาสที่ต้องเตรียมน้ำและล้างเท้าแขกที่มาบ้านให้สะอาด
พระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาศิษย์เยี่ยงทาส เพื่อให้การกินเลี้ยงปัสกาเป็นเวลาแห่งความสุข
ถือเป็นการการเลี้ยงปัสกาล่วงหน้า
ก่อนการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย นักบุญยอห์นเจาะจงพูดถึงพระเยซูเจ้าผู้เป็นอาจารย์และองค์พระเจ้า
ได้คุกเข่าลงต่อหน้าบรรดาศิษย์และล้างเท้าพวกเขาทีละคน
เป็นแบบอย่างแห่งความรักและการรับใช้ของพระองค์ต่อบรรดาศิษย์ อีกทั้ง เป็นเอกลักษณ์สำคัญของการเป็นคริสตชน
นี่คือบทเรียนสำคัญ ทรงสอนด้วยคำพูดและการกระทำ “ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำเป็นเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น
และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นที่หนึ่งในหมู่พวกท่าน ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ทุกคน” (มก 10:43-44)
คำสอนของพระเยซูเจ้าปรากฏเป็นจริงในการล้างเท้าบรรดาอัครสาวก
“การล้างเท้า” ถือเป็นงานของทาส
หรือของคนรับใช้ต่ำต้อยที่สุดในบ้าน
การก้มลงล้างเท้าบรรดาศิษย์ถือเป็นการถ่อมตนเองลงอย่างที่สุด พระองค์ทรงถอดเสื้อคลุมออก
ถือเป็นการถอดสภาพความเป็นพระเจ้า อาจารย์ และเจ้านายสูงสุดเพื่อรับใช้
ทรงคาดสะเอวคือการรับสภาพของทาสที่พร้อมรับใช้
เมื่อมาถึงซีโมนเปโตรจะไม่ยอมให้พระเยซูเจ้าล้างเท้า และพระองค์ตรัสตอบว่า
“ถ้าท่านไม่ให้เราล้าง
ท่านจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา” (ยน 13:8)
การไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หมายความว่า เปโตรไม่มีความสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าเยี่ยงศิษย์อีกต่อไป
นั่นคือไม่มีส่วนร่วมในภารกิจและพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์
ถ้าเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าต้องทำเยี่ยงพระองค์
นอกนั้น การล้างยังหมายถึงการมีส่วนในพระทรมานของพระเยซูเจ้า
ดังที่เราพบในพระวรสารนักบุญมาระโก เมื่อยากอบและยอห์น บุตรเสเบดี มาขอตำแหน่งซ้ายขวาจากพระเยซูเจ้า
และพระองค์ตรัสกับเขาทั้งสองว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร
ท่านดื่มถ้วยที่เราจะดื่มได้ไหม หรือรับการล้างที่เราจะรับได้หรือไม่” (มก
10:38)
การล้างเท้าบรรดาศิษย์ยังให้บทเรียนเรื่อง ความถ่อมตน “เราซึ่งเป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและอาจารย์ยังล้างเท้าให้ท่าน
ท่านก็ต้องล้างเท้าให้กันและกันด้วย” (ยน 13:14)
โรมาโน กวาร์ดีนิ (Romano
Guardini) นักเทววิทยาชาวอิตาเลียนกล่าวว่า “การที่ผู้น้อยก้มลงต่อหน้าผู้ใหญ่
มิใช่ลักษณะของความสุภาพ ถือเป็นความจริงพึงกระทำ
แต่การที่ผู้ยิ่งใหญ่ก้มลงต่อหน้าคนต่ำต้อยที่สุด นี่คือความสุภาพแท้”
1.2
คำสอนหลังการล้างเท้า
(ยน 13:12-20)
การล้างเท้าอัครสาวกของพระเยซูเจ้า
มีเพียงในพระวรสารนักบุญยอห์นเท่านั้น พระเมื่อล้างเท้าเสร็จแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อคลุมอีกครั้งหนึ่ง
เสด็จกลับไปที่โต๊ะและตรัสกับบรรดาศิษย์ พระเยซูเจ้าทรงให้บทเรียนและคำสอนสำคัญแก่บรรดาศิษย์และเราแต่ละคน
เพื่อการไตร่ตรองและนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก “ท่านต้องล้างเท้าให้กันและกันด้วย”
(ยน 13:14) หมายถึง การรับใช้ด้วยความรัก
และความถ่อมตน การรับใช้กันและกันคือความรักในภาคปฏิบัติ ที่นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตาสอนสมาชิกในคณะ
และเป็นเอกลักษณ์สำคัญของการเป็นคริสตชนที่เราต้องเลียนแบบ เราต้องมีส่วนกับพระเยซูเจ้าด้วยการรับใช้เยี่ยงทาสเช่นเดียวกับพระองค์
ประการที่สอง “ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน” (ยน 13:16) หมายความว่า เราต้องผ่านการทรมานและความยากลำบากไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระเยซูเจ้า
อาทิ คำติฉินนินทา การถูกเข้าใจผิด หรือการถูกพูดจาให้ร้าย
เพื่อได้รับเกียรติรุ่งโรจน์ เราจำเป็นต้องผ่านหนทางแห่งไม้กางเขนก่อนได้รับแสงสว่าง
(Per Crucem ad Lucem) เช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า
ประการที่สาม “ถ้าท่านปฏิบัติตาม
ท่านย่อมเป็นสุข” (ยน 13:17) หลังจากเรียนรู้คำสอนของพระเยซูเจ้า
เราต้องนำมาปฏิบัติให้เกิดผลจริงในชีวิตประจำวัน
ตัวอย่างชีวิตจำเป็นและดึงดูดใจผู้คนได้มากกว่าคำพูด เราต้องทำอย่างพระเยซูเจ้าทรงกระทำเท่านั้นจึงจะเป็นสุข
เราสามารถเป็นสุขได้ แม้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายและยากลำบาก
ประการที่สี่ “ใครรับเรา
ก็รับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา” (ยน 13:20)
สิ่งที่พระเยซูเจ้าตรัสและทรงกระทำล้วนเป็นแผนการและพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า
ซึ่งพระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวอย่างแน่นแฟ้น และทรงได้รับอำนาจทุกอย่างจากพระบิดาเจ้า
ดังนั้น เราต้องเชื่ออย่างมั่นคง ต้องรักให้สุดใจ
และเลียนแบบพระองค์อย่างเต็มใจ
2.
คำถามเพื่อการไตร่ตรอง
2.1
เราจะเลียนแบบการรับใช้ของพระเยซูเจ้าได้อย่างไร
พระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาอัครสาวกและทรงสอนการรับใช้แบบคริสตชน
พระองค์ทรงรับใช้พวกเขาก่อนและทรงสอนวิธีการรับใช้ พระองค์ทรงรับใช้เยี่ยงทาส
ทรงเป็นผู้รับใช้แห่งผู้รับใช้ทั้งหลาย ศิษย์พระคริสต์ต้องเลียนแบบและนำไปปฏิบัติในการรับใช้ซึ่งกันและกัน
การรับใช้เป็นเครื่องหมายของการเป็นคริสตชนและศิษย์พระคริสต์ นี่คือ
ความรักในภาคปฏิบัติ
2.2
เราจะรับใช้กันและกันได้อย่างไร
เราถูกเรียกร้องให้รับใช้กันและกันโดยด้วยความรักและความถ่อมตน
ชีวิตของเราต้องฉายให้เห็นความรักของพระเยซูเจ้าในการรับใช้กันและกัน
พระองค์ทรงคาดหวังให้เราแสดงความรักและความถ่อมตน เพราะความรักและความถ่อมตนเป็นเครื่องหมายแห่งการรับใช้ของพระองค์
โดยเริ่มจากในครอบครัว หมู่คณะ และชุมชนวัดของเรา
บทสรุป
การล้างเท้าอัครสาวกเป็นคำสอนสำคัญของพระเยซูเจ้าในพระวรสารนักบุญยอห์น
การล้างเท้าถือเป็นงานของทาส หรือของคนรับใช้ต่ำต้อยที่สุดในบ้าน พระเยซูเจ้าทรงสอนด้วยการกระทำ
ด้วยการก้มลงล้างเท้าบรรดาศิษย์ ถือเป็นการถ่อมตนเองลงอย่างที่สุด พระองค์ทรงถอดเสื้อคลุมออกและคาดสะเอวเพื่อรับสภาพของทาสที่พร้อมรับใช้
พระเยซูเจ้าทรงมอบแบบอย่างแห่งความรักและการรับใช้ในการล้างเท้าบรรดาอัครสาวก
ทรงรับใช้เยี่ยงทาสต่อบรรดาศิษย์ เพื่อชี้ให้เห็นว่านี่คือหนทางแท้จริงของการเป็นศิษย์
ศิษย์พระคริสต์ต้องเลียนแบบการรับใช้ของพระองค์ในชีวิตประจำวัน
รับใช้กันและกันด้วยความรักและความถ่อมตน นี่คือเอกลักษณ์สำคัญของการเป็นคริสตชน
ตำแหน่งไม่ใช่เครื่องหมายแห่งอำนาจที่อยู่เหนือคนอื่น แต่เป็นหน้าที่แห่งความรักที่พร้อมรับใช้กันและกัน
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
https://dondaniele.blogspot.com/
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
13 เมษายน 2022
ที่มาภาพ : https://www.britannica.com/topic/foot-washing
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น