วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2565

การล้างเท้า แบบอย่างแห่งความรักและการรับใช้

 


การล้างเท้า แบบอย่างแห่งความรักและการรับใช้

ยอห์น บทที่ 13

ยน 13:1-20

บทนำ

เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงล้างเท้านักโทษ ในพิธีกรรมเย็นวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ปีแรกของสมณสมัย ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการล้างเท้าที่เคยทำอย่างสิ้นเชิง ทรงเลือกล้างเท้าบรรดานักโทษ ซึ่งมีทั้งคนต่างศาสนา ผู้ลี้ภัย ผู้หญิง และเด็ก เพื่อแสดงให้เห็นถึงการรับใช้เยี่ยงทาสอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำกับบรรดาศิษย์ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพิธีการล้างเท้าที่ไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะผู้ชาย ที่ได้รับการคัดสรรพิเศษในชุมชนวัดอย่างที่เคยปฏิบัติกันมาเท่านั้น

สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสกับบรรดานักโทษว่า “พ่อเป็นคนบาปคนหนึ่งแต่มาเป็นทูตของพระเยซูเจ้า เมื่อพ่อล้างเท้าท่าน จงจำไว้ว่าพระเยซูเจ้าไม่เคยทอดทิ้งท่าน ทั้งไม่เคยเหน็ดเหนื่อยที่จะให้อภัยท่าน” สิ่งที่พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงกระทำ นำเรากลับไปหาคำสอนของพระเยซูเจ้าในการล้างเท้าบรรดาศิษย์ เพื่อเข้าใจความหมายแท้จริงที่พระองค์ทรงมอบบทเรียนสำคัญนี้แก่เรา ในการรับใช้กันและกัน

1.        การล้างเท้า แบบอย่างแห่งความรักและการรับใช้

นักบุญยอห์นยืนยันที่นี่เป็นครั้งแรกอย่างชัดเจนว่า ชีวิตและความตายของพระเยซูเจ้าเป็นการแสดงความรักที่มีต่อบรรดาศิษย์ ยอห์นรักษาความลับนี้ไว้ตลอดมา เพื่อเปิดเผยในช่วงเวลาสุดท้ายนี้ “พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด” (ยน 13:1) จนถึงที่สุด หมายถึง “จนถึงวาระสุดท้าย” คือความตายบนไม้กางเขน ความรักปรากฏอย่างเด่นชัดเมื่อพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน

1.1               การล้างเท้าอัครสาวก (ยน 13:1-20)

ถนน หรือทางเดินสมัยพระเยซูเจ้าไม่ได้ลาดยาง หรือเป็นถนนคอนกรีตอย่างในปัจจุบัน แต่เต็มไปด้วยฝุ่น เท้าไม่มีอะไรปกปิด ดีที่สุดคือรองเท้าแตะ ดังนั้นเท้าย่อมสกปรก เมื่อเดินทางถึงบ้านก่อนเข้าบ้านจึงต้องล้างเท้า ทุกบ้านมีที่สำหรับล้างเท้า และเป็นหน้าที่ของทาสที่ต้องเตรียมน้ำและล้างเท้าแขกที่มาบ้านให้สะอาด พระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาศิษย์เยี่ยงทาส เพื่อให้การกินเลี้ยงปัสกาเป็นเวลาแห่งความสุข ถือเป็นการการเลี้ยงปัสกาล่วงหน้า

ก่อนการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย นักบุญยอห์นเจาะจงพูดถึงพระเยซูเจ้าผู้เป็นอาจารย์และองค์พระเจ้า ได้คุกเข่าลงต่อหน้าบรรดาศิษย์และล้างเท้าพวกเขาทีละคน เป็นแบบอย่างแห่งความรักและการรับใช้ของพระองค์ต่อบรรดาศิษย์ อีกทั้ง เป็นเอกลักษณ์สำคัญของการเป็นคริสตชน นี่คือบทเรียนสำคัญ ทรงสอนด้วยคำพูดและการกระทำ ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำเป็นเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นที่หนึ่งในหมู่พวกท่าน ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ทุกคน (มก 10:43-44)

คำสอนของพระเยซูเจ้าปรากฏเป็นจริงในการล้างเท้าบรรดาอัครสาวก การล้างเท้า ถือเป็นงานของทาส หรือของคนรับใช้ต่ำต้อยที่สุดในบ้าน การก้มลงล้างเท้าบรรดาศิษย์ถือเป็นการถ่อมตนเองลงอย่างที่สุด พระองค์ทรงถอดเสื้อคลุมออก ถือเป็นการถอดสภาพความเป็นพระเจ้า อาจารย์ และเจ้านายสูงสุดเพื่อรับใช้ ทรงคาดสะเอวคือการรับสภาพของทาสที่พร้อมรับใช้

เมื่อมาถึงซีโมนเปโตรจะไม่ยอมให้พระเยซูเจ้าล้างเท้า และพระองค์ตรัสตอบว่า “ถ้าท่านไม่ให้เราล้าง ท่านจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา” (ยน 13:8) การไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หมายความว่า เปโตรไม่มีความสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าเยี่ยงศิษย์อีกต่อไป นั่นคือไม่มีส่วนร่วมในภารกิจและพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ถ้าเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าต้องทำเยี่ยงพระองค์

นอกนั้น การล้างยังหมายถึงการมีส่วนในพระทรมานของพระเยซูเจ้า ดังที่เราพบในพระวรสารนักบุญมาระโก เมื่อยากอบและยอห์น บุตรเสเบดี มาขอตำแหน่งซ้ายขวาจากพระเยซูเจ้า และพระองค์ตรัสกับเขาทั้งสองว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยที่เราจะดื่มได้ไหม หรือรับการล้างที่เราจะรับได้หรือไม่” (มก 10:38)

การล้างเท้าบรรดาศิษย์ยังให้บทเรียนเรื่อง ความถ่อมตน “เราซึ่งเป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและอาจารย์ยังล้างเท้าให้ท่าน ท่านก็ต้องล้างเท้าให้กันและกันด้วย” (ยน 13:14) โรมาโน กวาร์ดีนิ (Romano Guardini) นักเทววิทยาชาวอิตาเลียนกล่าวว่า การที่ผู้น้อยก้มลงต่อหน้าผู้ใหญ่ มิใช่ลักษณะของความสุภาพ ถือเป็นความจริงพึงกระทำ แต่การที่ผู้ยิ่งใหญ่ก้มลงต่อหน้าคนต่ำต้อยที่สุด นี่คือความสุภาพแท้

1.2               คำสอนหลังการล้างเท้า (ยน 13:12-20)

การล้างเท้าอัครสาวกของพระเยซูเจ้า มีเพียงในพระวรสารนักบุญยอห์นเท่านั้น พระเมื่อล้างเท้าเสร็จแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อคลุมอีกครั้งหนึ่ง เสด็จกลับไปที่โต๊ะและตรัสกับบรรดาศิษย์ พระเยซูเจ้าทรงให้บทเรียนและคำสอนสำคัญแก่บรรดาศิษย์และเราแต่ละคน เพื่อการไตร่ตรองและนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก “ท่านต้องล้างเท้าให้กันและกันด้วย” (ยน 13:14) หมายถึง การรับใช้ด้วยความรัก และความถ่อมตน การรับใช้กันและกันคือความรักในภาคปฏิบัติ ที่นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตาสอนสมาชิกในคณะ และเป็นเอกลักษณ์สำคัญของการเป็นคริสตชนที่เราต้องเลียนแบบ เราต้องมีส่วนกับพระเยซูเจ้าด้วยการรับใช้เยี่ยงทาสเช่นเดียวกับพระองค์

ประการที่สอง ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน (ยน 13:16) หมายความว่า เราต้องผ่านการทรมานและความยากลำบากไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระเยซูเจ้า อาทิ คำติฉินนินทา การถูกเข้าใจผิด หรือการถูกพูดจาให้ร้าย เพื่อได้รับเกียรติรุ่งโรจน์ เราจำเป็นต้องผ่านหนทางแห่งไม้กางเขนก่อนได้รับแสงสว่าง (Per Crucem ad Lucem) เช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า

ประการที่สาม ถ้าท่านปฏิบัติตาม ท่านย่อมเป็นสุข (ยน 13:17) หลังจากเรียนรู้คำสอนของพระเยซูเจ้า เราต้องนำมาปฏิบัติให้เกิดผลจริงในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างชีวิตจำเป็นและดึงดูดใจผู้คนได้มากกว่าคำพูด เราต้องทำอย่างพระเยซูเจ้าทรงกระทำเท่านั้นจึงจะเป็นสุข เราสามารถเป็นสุขได้ แม้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายและยากลำบาก

ประการที่สี่ ใครรับเรา ก็รับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา (ยน 13:20) สิ่งที่พระเยซูเจ้าตรัสและทรงกระทำล้วนเป็นแผนการและพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวอย่างแน่นแฟ้น และทรงได้รับอำนาจทุกอย่างจากพระบิดาเจ้า ดังนั้น เราต้องเชื่ออย่างมั่นคง ต้องรักให้สุดใจ และเลียนแบบพระองค์อย่างเต็มใจ

2.        คำถามเพื่อการไตร่ตรอง

2.1               เราจะเลียนแบบการรับใช้ของพระเยซูเจ้าได้อย่างไร

พระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาอัครสาวกและทรงสอนการรับใช้แบบคริสตชน พระองค์ทรงรับใช้พวกเขาก่อนและทรงสอนวิธีการรับใช้ พระองค์ทรงรับใช้เยี่ยงทาส ทรงเป็นผู้รับใช้แห่งผู้รับใช้ทั้งหลาย ศิษย์พระคริสต์ต้องเลียนแบบและนำไปปฏิบัติในการรับใช้ซึ่งกันและกัน การรับใช้เป็นเครื่องหมายของการเป็นคริสตชนและศิษย์พระคริสต์ นี่คือ ความรักในภาคปฏิบัติ

2.2               เราจะรับใช้กันและกันได้อย่างไร

เราถูกเรียกร้องให้รับใช้กันและกันโดยด้วยความรักและความถ่อมตน ชีวิตของเราต้องฉายให้เห็นความรักของพระเยซูเจ้าในการรับใช้กันและกัน พระองค์ทรงคาดหวังให้เราแสดงความรักและความถ่อมตน เพราะความรักและความถ่อมตนเป็นเครื่องหมายแห่งการรับใช้ของพระองค์ โดยเริ่มจากในครอบครัว หมู่คณะ และชุมชนวัดของเรา

บทสรุป

การล้างเท้าอัครสาวกเป็นคำสอนสำคัญของพระเยซูเจ้าในพระวรสารนักบุญยอห์น การล้างเท้าถือเป็นงานของทาส หรือของคนรับใช้ต่ำต้อยที่สุดในบ้าน พระเยซูเจ้าทรงสอนด้วยการกระทำ ด้วยการก้มลงล้างเท้าบรรดาศิษย์ ถือเป็นการถ่อมตนเองลงอย่างที่สุด พระองค์ทรงถอดเสื้อคลุมออกและคาดสะเอวเพื่อรับสภาพของทาสที่พร้อมรับใช้

พระเยซูเจ้าทรงมอบแบบอย่างแห่งความรักและการรับใช้ในการล้างเท้าบรรดาอัครสาวก ทรงรับใช้เยี่ยงทาสต่อบรรดาศิษย์ เพื่อชี้ให้เห็นว่านี่คือหนทางแท้จริงของการเป็นศิษย์ ศิษย์พระคริสต์ต้องเลียนแบบการรับใช้ของพระองค์ในชีวิตประจำวัน รับใช้กันและกันด้วยความรักและความถ่อมตน นี่คือเอกลักษณ์สำคัญของการเป็นคริสตชน ตำแหน่งไม่ใช่เครื่องหมายแห่งอำนาจที่อยู่เหนือคนอื่น แต่เป็นหน้าที่แห่งความรักที่พร้อมรับใช้กันและกัน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

https://dondaniele.blogspot.com/

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

13 เมษายน 2022

ที่มาภาพ : https://www.britannica.com/topic/foot-washing

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น