วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2565

พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ในสายตาของศิษย์ที่ทรงรัก


พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า

ในสายตาของศิษย์ที่ทรงรัก

ยอห์น บทที่ 18-19 (ศุกร์ศักดิ์สิทธิ์)

ยน 18-19

บทนำ

มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่สร้างเกี่ยวกับพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า แต่ที่โด่งดังและเป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดคือเรื่อง The Passion of the Christ ที่กำกับและร่วมสร้างโดย เมล กิบสัน โดยเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อพุธรับเถ้า 25 กุมภาพันธ์ 2004 และติดอันดับสี่หนังทำเงินตลอดกาลของสหรัฐทันทีที่เปิดฉายในวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนในประเทศไทยภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดฉายเมื่อ 22 เมษายน 2004

The Passion of the Christ เป็นเรื่องราวเหตุการณ์ 12 ชั่วโมงสุดท้ายแห่งชีวิตของพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธ โดยเปิดฉากที่สวนเกทเสมนี สถานที่ที่พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาและเข้าตรีทูตจนพระเสโทเป็นโลหิต จนถึงฉากสุดท้ายบนไม้กางเขนที่ตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอมอบจิตวิญญาณของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” (ลก 23:46) เมื่อตรัสดังนี้แล้วก็สิ้นพระชนม์ ทำให้ทองฟ้ามืดมัวม่านในพระวิหารฉีกขาด

ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้พยายามนำเสนอความเป็นจริงเกี่ยวกับพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า โดยเรียบเรียงจากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่โดยเฉพาะพระวรสารทั้งสี่ มีการศึกษาหลักฐานทางประวัติศาสตร์และธรรมประเพณีในสมัยนั้นอย่างละเอียด ภาพที่ออกมาจึงสมจริงจนหลายคนทนดูไม่ได้ เพราะความทารุณโหดร้ายที่พระเยซูเจ้าได้รับ แต่นี่คือภาพยนตร์ที่สะท้อนเหตุการณ์จริงที่เกิดกับพระเยซูเจ้ามากที่สุด

1.        พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า

เรื่องพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของผู้นิพนธ์พระวรสารทั้งสี่ ซึ่งมีวิธีเล่าแตกต่างกันเกี่ยวกับพระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ซึ่งรวมเรียกว่า “พระธรรมล้ำลึกปัสกา” นี่คือหัวใจของคริสต์ศาสนา พระศาสนจักร และชีวิตคริสตชน โดยปกติอาทิตย์พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า หรืออาทิตย์ใบลาน ปี A เราอ่านพระวรสารนักบุญมัทธิว (บทที่ 26-27), ปี B พระวรสารนักบุญมาระโก (บทที่ 14-15) และ ปี C พระวรสารนักบุญลูกา (บทที่ 22-23)

อาทิตย์ใบลาน หรืออาทิตย์พระทรมาน เตือนเราถึงการเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มของพระเยซูเจ้าอย่างผู้มีชัย เพื่อน้อมรับการทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพที่เรียกว่า ธรรมล้ำลึกปัสกา ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นและเป็นปัจจุบันทุกครั้งในพิธีบูชาขอบพระคุณที่เรามาร่วมทุกสัปดาห์เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องเลียนแบบพระองค์ในความรักหาที่สุดมิได้ และการให้อภัยไม่สิ้นสุดในครอบครัว หมู่คณะ และชุมชนวัดของเรา

วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ของทุกปี เราได้ฟังพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าโดยพระวรสารนักบุญยอห์น พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าเป็นหัวใจสำคัญของความเชื่อคริสตชนและพระศาสนจักร นักบุญยอห์นศิษย์ที่ทรงรักทำให้เราเห็นว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นองค์ความรักที่มาจากพระเจ้า และปรากฏอย่างเด่นชัดบนไม้กางเขน ซึ่งเป็นเครื่องหมายว่า พระองค์ทรงรักเราจนถึงที่สุด คือการสิ้นพระชนมบนไม้กางเขน

1.1               พระเยซูเจ้าทรงถูกจับกุม (ยน 18:1-11)

หลังการกล่าวคำอำลาบรรดาศิษย์ที่ห้องชั้นบน พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามห้วยขิดโรนไปยังสวนแห่งหนึ่งพร้อมกับบรรดาศิษย์ (สวนเกทเสมนี หรือสวนมะกอก)  เชื่อกันว่าสวนแห่งนี้เป็นของมารดาของนักบุญมาร์โก ผู้นิพันธ์พระวรสาร ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขามะกอกเทศ ปัจจุบันยังมีต้นมะกอกเทศอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงสมัยของพระเยซูเจ้า

นักบุญยอห์นได้พูดถึงสวนเกทเสมนีซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของห้วยขิดโดรน เป็นสถานที่พระเยซูเจ้าทรงชื่นชอบเป็นพิเศษ ยูดาสรู้จักสถานที่นี้ดีเพราะพระองค์เสด็จไปอธิษฐานภาวนาบ่อย ๆ (ลก 22:39) นี่เป็นสวนที่ทรงทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ในคืนสุดท้ายก่อนรับทรมานและสิ้นพระชนมบนไม้กางเขน เป็นความทุกข์ที่นักบุญลูกาผู้เป็นหมอได้บันทึกว่า พระองค์ทรงอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส... พระเสโทตกลงพื้นดินประดุจหยดโลหิต(ลก 22:44)

นี่เป็นอาการของคนที่ทุกข์หนักที่สุด เพราะเห็นภาพล่วงหน้าของการทรมานและความตาย เป็นความเจ็บปวดและทุกระทมอย่างที่สุดของพระเยซูเจ้า มากกว่าการตายจริงบนไม้กางเขนเสียอีก ถึงขนาดที่ทรงร้องขอพระบิดาให้ถ้วยนี้พ้นไป (ลก 22:42)  จากนั้นยูดาสได้พาทหารมาจับกุมพระองค์ที่นั่น ส่วนอัครสาวกคนอื่นได้ละทิ้งพระองค์หนีไป ปล่อยให้พระองค์อยู่เพียงลำพัง

นักบุญยอห์นบันทึกว่า ยูดาสได้นำกองทหารโรมันจากค่ายที่กรุงเยรูซาเล็มและยามรักษาพระวิหาร พวกเขาถือตะเกียง ไต้ส่องสว่าง และอาวุธมาด้วย (ยน 18:3) เพื่อไปพบองค์ความแสงสว่างแท้คือพระเยซูเจ้า เมื่อพระองค์ตรัสถามว่า “ท่านทั้งหลายเสาะหาใคร” เขาตอบว่า “หาเยซู ชาวนาซาเร็ธ” และพระองค์ตรัสตอบว่า “เราเป็น” (ยน 18:4-5)

สำนวน “เราเป็น” สะท้อนพระเจ้ายิ่งใหญ่ในพันธสัญญาเดิมที่ตรัสกับโมเสสในหนังสืออพยพ “เราเป็น” ซึ่งสะท้อนภาพพระเจ้ายิ่งใหญ่ที่สุดคือพระยาเวห์ เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเป็น” เขาเหล่านั้นก็ถอยหลัง ล้มลงไปกองกับพื้นดิน (ยน 18:6) เพราะต้องเผชิญกับผู้เป็นแสงสว่างแท้ แม้จะถือตะเกียงและไต้มา พวกเขาไม่อาจต้านทานพระเยซูเจ้าเมื่อพระองค์ตรัสว่า “เราเป็น” พระเจ้าผู้ทรงชีวิตและผู้เป็นแสงสว่างแท้ นักบุญยอห์นได้ใช้คำ “เราเป็น” ซ้ำถึงสามครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าสำคัญที่สุด นั่นคือพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้า

นักบุญยอห์นบอกเราว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้า เป็นการประกาศก่อนเริ่มพระทรมาน แม้ในห้วงเวลาถูกจับพระองค์ทรงปลดปล่อย “ถ้าท่านเสาะหาเรา ก็จงปล่อยคนเหล่านี้ไป” (ยน 18:8) นี่คือพันธกิจของพระเยซูเจ้า พระองค์เสด็จมาเพื่อปลดปล่อย มีการบันทึกว่า ซีโมนเปโตรใช้ดาบฟันผู้รับใช้ถูกใบหูข้างขวาขาด (ยน 18:10)

มีเพียงยอห์นเท่านั้นบันทึกไว้ “ทำไมจึงเป็นใบหูข้างขวา” เพราะ ข้างขวาคือด้านของความจริงและความถูกต้อง (Right) นี่เป็นวิธีพูดแบบประชดประชันว่า มีหูแต่ไม่ยอมฟัง การฟังคือเครื่องหมายของการเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า ต้องฟังพระเจ้า และเครื่องหมายของการฟังพระเจ้าคือการฟังกันและกัน

1.2                พระเยซูเจ้าถูกไต่สวน (ยน 18:12-40)

ทหารและยามรักษาพระวิหารได้จับกุม และนำพระเยซูเจ้าไปหาอันนาส พ่อตาของคายาฟาสมหาสมณะในปีนั้น ที่แนะนำชาวยิวว่า “จะเป็นประโยชน์มากกว่าถ้าคนเดียวจะตายเพื่อทุกคน” (ยน 18:14) จากสิ่งที่ขุดพบในสถานที่แห่งนี้สนับสนุนความเชื่อว่า นี่เป็นบ้านของคายาฟาส บ่อน้ำที่เชื่อกันว่า หลังจากถูกตัดสินพระเยซูเจ้าถูกทรมานและหย่อนลงในบ่อนี้ตลอดทั้งคืน โดยมีบรรดาทหารคอยเฝ้า ที่ผนังชั้นใต้ดินพบห้องขังและจุดที่ผูกแขนตีตรวนนักโทษ หรือผู้กระทำความผิด เราเห็นถึงความเข้มแข็งของพระเยซูเจ้าต่อหน้ามหาสมณะและสมาชิกสภาในบ้าน กับเปโตรที่อ่อนแอซึ่งอยู่นอกบ้าน

เปโตรติดตามไปกับศิษย์อีกผู้หนึ่ง หญิงเฝ้าประตูพูดกับเปโตรว่า “ท่านไม่เป็นศิษย์ของชายผู้นี้ด้วยหรือ” เปโตรตอบว่า “ไม่เป็น” (ยน 18:17) นักบุญยอห์นได้ย้ำการปฏิเสธพระเยซูเจ้าของเปโตรว่า “ไม่เป็น” สามครั้ง “เปโตรปฎิเสธอีกครั้งหนึ่ง ทันใดนั้น ไก่ก็ขัน” (ยน 18:27) การยืนยันการเป็นศิษย์เป็นเรื่องสำคัญมาก เราต้องกล้ายืนยันการเป็นศิษย์ติดตามพระองค์

เช้าตรู่วันต่อมา พวกเขาได้นำพระเยซูเจ้าไปหาปิลาตผู้สำเร็จราชการที่จวน (ป้อมอันโตนิโอ) ซึ่งอยู่ติดกับพระวิหาร แต่ไม่ได้เข้าไปในจวนเพราะกลัวเป็นมลทิน กินปัสกาไม่ได้ ปีลาตจึงออกมาพบข้างนอก ชาวยิวเรียกร้องปีลาตให้ตัดสินประหารชีวิตพระเยซูเจ้า ปีลาตได้บอกพวกเขาให้นำไปพิพากษาตามกฎหมายของพวกเขา และพวกเขาตอบว่า “พวกเราไม่มีอำนาจประหารชีวิตผู้ใดได้” (ยน 18:30) เพราะชาวโรมันได้เพิกถอนอำนาจของสภาซันเฮดรินไม่ให้ตัดสินประหารชีวิตผู้ใดได้

ยอห์นได้นำเสนอความจริงลึกซึ้ง พวกเขาต้องการให้ปีลาตประหารชีวิตพระองค์ แต่ปีลาตกลับประกาศพระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์ “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ” (ยน 18:33) ปกติเมื่อโรมันประกาศใครเป็นกษัตริย์ ผู้สำเร็จราชการจะนำตัวมาประกาศต่อหน้าสาธารณชน และปีลาตกำลังทำเช่นนั้นกับพระเยซูเจ้า

พระเยซูเจ้าตรัสตอบปีลาตว่า “อาณาจักรของเรามิได้มาจากโลกนี้ ถ้าอาณาจักรของเรามาจากโลกนี้ ผู้รับใช้ของเราก็คงจะต่อสู้เพื่อมิให้เราถูกมอบให้ชาวยิว แต่อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้” (ยน 18:36) นี่คือการยืนยันอาณาจักรของพระเยซูเจ้าสามครั้งอย่างชัดเจน ซึ่งไม่เหมือนกับอาณาจักรของโลก พระองค์ผู้เดียวทรงยอมตายเพื่อทุกคน

พระเยซูเจ้าไม่เคยตรัสว่า พระองค์เป็นกษัตริย์  เมื่อปีลาตถาม “ท่านเป็นกษัตริย์ใช่ไหม” และพระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้นถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา” (ยน 18:37) เป็นนัยยะว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ เพราะคำประกาศของผู้สำเร็จราชการ การอยู่ต่อหน้าพระเยซูเจ้าคือการอยู่ต่อหน้าองค์ความจริง การดำเนินชีวิตตามพระวาจาคือการดำเนินชีวิตตามความจริง

ปีลาตถามพระเยซูเจ้าว่า “ความจริงคืออะไร” (ยน 18:38) เงียบ ไม่มีคำตอบ เพราะพระเยซูเจ้าคือองค์ความจริง การอยู่ต่อหน้าพระเยซูเจ้าคือการอยู่ต่อหน้าองค์ความจริง ไม่ต้องสงสัย ปีลาตได้ออกไปพบชาวยิวข้างนอก และประกาศอีกครั้งว่า “ท่านทั้งหลายต้องการให้ข้าพเจ้าปล่อยกษัตริย์ของชาวยิวหรือ” (ยน 18:39)

1.3               ความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้า (ยน 19:1-11)

บทที่ 19 ปีลาตได้สั่งให้นำพระเยซูเจ้าไปเฆี่ยน บรรดาทหารนำหนามมาสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียร ให้พระองค์ทรงเสื้อคลุมสีแดง (ยน 19:1-2) เป็นภาษาประชดประชัน แต่นี่คือเครื่องทรงของกษัตริย์ และทหารพูดกับพระองค์ว่า “กษัตริย์ของชาวยิว ขอทรงพระเจริญ” (ยน 19:3) นักบุญยอห์นต้องการสื่อว่า นี่คือการประกาศว่า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์

ปีลาตออกมาและพูดว่า เราไม่พบว่าเขามีความผิดประการใด นักบุญยอห์นบอกเราว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นลูกแกะบริสุทธิ์ ไม่มีมลทินใด ๆ ที่ถูกฆ่าถวายในเทศกาลปัสกา ปีลาตพูดกับประชาชนว่า นี่คือ คนคนนั้น (ยน 19:5) นี่คือการประกาศอย่างเป็นทางการว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ บัลลังก์ของพระองค์คือบนไม้กางเขน เมื่อมหาสมณะและยามรักษาพระวิหารร้องว่า เอาไปตรึงกางเขน เอาไปตรึงกางเขน (ยน 19:6) เป็นคำทูลเชิญพระองค์ขึ้นบนบัลลังก์

ในการตัดสินประหารชีวิต ปีลาตได้นำพระเยซูเจ้าออกมา “ให้นั่งบนบัลลังก์พิพากษาในสถานที่ที่เรียกว่า “ลานศิลา” (ยน 19:13) ใครเป็นคนนั่งบนบัลลังก์ ไม่ใช่ปีลาตแต่เป็นพระเยซูเจ้า “วันนั้นเป็นวันเตรียมฉลองปัสกา เวลาประมาณเที่ยงวัน ปีลาตบอกชาวยิวว่า “นี่คือกษัตริย์ของท่านทั้งหลาย” (ยน 19:14) นี่คือความล้ำลึกของนักบุญยอห์นที่ประกาศว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ เยี่ยงลูกแกะปัสกาที่ถูกนำไปฆ่า

1.4               พระเยซูเจ้าถูกตรึงบนไม้กางเขน (ยน 19:17-18)

บรรดาทหารนำพระเยซูเจ้าไปประหาร เป็นเครื่องหมายของการเดินไปสู่บัลลังก์ของพระองค์คือไม้กางเขน ซึ่งเน้นการเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้า ดังที่เขียนไว้ในป้ายประกาศที่ปีลาตไม่ยอมแก้ไขตามคำร้องขอของหัวหน้าชาวยิว นักบุญยอห์นเน้นการเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้าตลอดการเล่าเรื่องพระมหาทรมาน การแบกไม้กางเขนประดุจเป็นธงประจำพระองค์ (ยน 19:17) การรับทรมานจึงเป็นช่วงเวลาที่ทรงได้รับการยกย่องอย่างแท้จริง (ยน 3:35)

พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขนบนเนินหัวกะโหลกที่ภาษาฮีบรูเรียกว่า “กลโกธา” (ยน 19:17-18) ที่เป็นเช่นนี้เพราะที่นั่นมีหัวกะโหลกมากมาย รวมถึงกะโหลกที่ตำนานเชื่อว่าเป็นกะโหลกของอาดัมด้วย เพื่อสื่อความหมายว่า การสิ้นพระชนม์ของพระองค์เพื่อความรอดของมนุษย์ทุกคน ตั้งแต่อาดัมมนุษย์คนแรก ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นอาดัมใหม่

ที่วิหารพระคูหาศักดิ์สิทธิ์ ประเทศอิสราเอล ใต้เนินหัวกะโหลกที่ตั้งไม้กางเขนตรึงพระเยซูเจ้านั้น มีวัดน้อยชื่อวัดอาดัม มีรอยแตกจากที่ปักกางเขนลงไปจนถึงวัดอาดัมด้านล่าง ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่ฝังศพของอาดัม น้ำและพระโลหิตเมื่อพระองค์ถูกแทงด้วยหอก ได้ไหลลงมาตามรอยแตกนี้ เพื่อชำระล้างบาปของอาดัมมนุษย์คนแรกให้ได้รับความรอด นี่เป็นตำนานซึ่งสะท้อนประวัติศาสตร์แห่งความรอดว่า พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปมนุษย์ทุกคน

1.5               กางเขนคือบัลลังก์ (ยน 19:19-22)

ปกตินักโทษประหารจะมีการติดป้ายความผิด แต่กรณีของพระเยซูเจ้า ไม่ใช่ป้ายบอกความผิด แต่เป็นป้ายประกาศความเป็นกษัตริย์ ปีลาตได้สั่งให้เขียนป้ายประกาศว่า “เยซูชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของชาวยิว” (ยน 19:19) ในฐานะผู้สำเร็จราชการของจักรพรรดิโรมัน ปีลาตได้ประกาศความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนเป็นภาษาฮีบรู ละติน และกรีก (ยน 19:20)

ชาวยิวจำนวนมากได้อ่านป้ายประกาศนี้ (ยน 19:20) เนื่องจากโนนหัวกะโหลกอยู่นอกกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม แม้ปัจจุบันจะมีการขยายแนวกำแพงออกไป หัวหน้าสมณะของชาวยิวได้ขอให้แก้ข้อความใหม่ แต่ปีลาตตอบว่า “เขียนแล้วก็แล้วไปเถอะ” (ยน 19:22) สะท้อนสิ่งที่ผู้สำเร็จราชการประกาศ ไม่สามารถแก้ไขได้ เท่ากับเป็นการประกาศว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ และไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้

บรรดาทหารนำฉลองพระองค์ออกเป็นสี่ส่วน (ยน 19:23) ทำไมต้องเป็นสี่ส่วน เลข 4 หมายถึง 4 ทิศ หรือทั่วโลก การแบ่งออกเป็นสี่ส่วนหมายถึงความเป็นกษัตริย์ของพระองค์ ข่าวดีเรื่องพระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพ หรือธรรมล้ำลึกปัสกาต้องถูกนำไปจนสุดปลายแผ่นดิน หรือป่าวประกาศทั่วโลก พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ส่วนเสื้อยาวของพระองค์ไม่มีตะเข็บ ทอเป็นผืนเดียวกันตลอด เป็นเสื้อของมหาสมณะที่ไม่มีตะเข็บ เป็นการประกาศว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นมหาสมณะนิรันดร บรรดาทหารจึงนำเสื้อยาวของพระองค์มาจับสลาก

1.6               ความหมายของพระมหาทรมาน

พระเยซูเจ้าทรงเจริญพระชนมชีพในยุคที่มีความรุนแรง และทรงเป็นเหยื่อของความรุนแรง พระองค์ทรงน้อมรับความความรุนแรงโหดร้ายเหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า พระมหาทรมานของพระองค์มีความหมายพิเศษสำหรับคริสตชน เนื่องจากเป็นแหล่งพลังและความเข้มแข็งของผู้คนเป็นจำนวนมากตลอดประวัติศาสตร์ เมื่อพิจารณาพระมหาทรมานของพระองค์อย่างลึกซึ้ง เราพบความทุกข์ทรมานของพระองค์ใน 3 ลักษณะ

ประการแรก ความทรมานด้านจิตใจ พระเยซูเจ้าทรงถูกยูดาสทรยศและเปโตรปฏิเสธ เหตุการณ์ที่สวนเกทเสมนีแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงอยู่ในห้วงความทุกข์แสนสาหัส ทรงเห็นภาพล่วงหน้าถึงพระมหาทรมานที่กำลังจะได้รับ จนต้องร้องขอพระบิดาให้ถ้วยนี้ผ่านพ้นไป แต่ที่สุด ทรงขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า ความทรมานด้านจิตใจส่งผลต่อร่างกายจนพระเสโทเป็นโลหิต นี่คืออาการของคนทุกข์หนักอย่างแสนสาหัส

ประการที่สอง ความทรมานด้านร่างกาย พระเยซูเจ้าทรงถูกทรมานอย่างทารุณโหดร้าย อาทิการเฆี่ยนด้วยแส้ฟากรัม แส้หนังที่มีปลายร้อยด้วยเหล็กแหลมซึ่งสร้างความเจ็บปวดอย่างที่สุด การสวมมงกุฎหนาม การตรึงการเขน และการแทงด้วยหอก รอยเลือดที่ปรากฏที่ผ้าตราสังข์แห่งตูริน มองเห็นได้ชัดเจนว่า เจ้าของร่างที่ปรากฏได้ผ่านการทารุณอย่างโหดเหี้ยม และไร้มนุษยธรรม  

ประการที่สาม ความทรมานด้านวิญญาณ พระเยซูเจ้าทรงถูกทอดทิ้งจากบรรดาศิษย์ และขณะถูกตรึงบนไม้กางเขนพระองค์ทรงรู้สึกสิ้นหวัง เพราะดูคล้ายกับว่า พระบิดาทรงทอดทิ้งพระองค์ด้วย “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า” (มธ 27:46) คงไม่มีความทุกข์ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าการที่ใครคนหนึ่งรู้สึกว่า ตนเองถูกทอดทิ้งจากบุคคลอันเป็นที่รัก โดยเฉพาะในช่วงเวลาของความยากลำบาก

2.        คำถามเพื่อการไตร่ตรอง

2.1               พระมหาทรมานมีความหมายสำหรับเราอย่างไร

พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าเป็นเครื่องหมายแห่งความรักแท้สำหรับมนุษยชาติ พระองค์ทรงรักและมอบชีวิตของพระองค์บนไม้กางเขนเพื่อเราทุกคน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย (ยน 15:13) เราต้องทำให้พระมหาทรมานของพระองค์ไม่สูญเปล่า ด้วยการยอมรับความยากลำบากเพื่อพระองค์

2.2               เราจะทำให้พระมหาทรมานมีความหมายสำหรับสังคมอย่างไร

พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าเป็นต้นแบบแห่งความรัก ทรงเชื้อเชิญเราให้ดำเนินชีวิตในความรักตามมาตรฐานเดียวกับพระองค์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความรักต่อเพื่อนมนุษย์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เราได้รักท่าน (ยน 15:12) พระเยซูเจ้าทรงรักเราอย่างไร เราต้องรักกันและกันอย่างนั้น

บทสรุป

ความทุกข์ทรมานมีความหมายพิเศษสำหรับชีวิตคริสตชน พระเยซูเจ้าประทับอยู่กับผู้ที่กำลังทนทุกข์เสมอ พวกเขาไม่ได้เผชิญความยากลำบากตามลำพัง ความรักในพระเยซูเจ้าเป็นพลังทำให้เราสามารถสู้ทนกับความยากลำบากต่าง ๆ ในชีวิตได้ และถือเป็นการมีส่วนในงานไถ่กู้มนุษยชาติ ผ่านทางการทรมานและความตายพร้อมกับพระองค์เท่านั้น เราถึงจะกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์และได้รับชีวิตนิรันดร

ดังนั้น เมื่อเราต้องเผชิญกับความยากลำบาก หรือความทุกข์ทรมานใด ๆ ในชีวิต เราควรหันมาหาพระเยซูเจ้าเพื่อรับความบรรเทาและความช่วยเหลือ ศิษย์พระคริสต์ต้องเลียนแบบพระเยซูเจ้า ในความรักและการให้อภัยไม่สิ้นสุด พระทรมานของพระองค์ต้องเตือนใจให้สำนึกในบาปที่เราได้กระทำ และกลับมาหาพระองค์ผ่านทางศีลอภัยบาป เพื่อได้รับการช่วยให้รอดด้วยพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

https://dondaniele.blogspot.com/

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

24 กุมภาพันธ์ 2020

ที่มาภาพ : https://www.pluggedin.com/movie-reviews/passionofthechrist/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น