วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

การสัมผัสรักษาด้วยความรัก

 


การสัมผัสรักษาด้วยความรัก

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา

ปี B

ลนต 13:1-2, 45-46

1 คร 10:23-11:1

มก 1:40-45

บทนำ

มาร์ตินเป็นนายทหารหนุ่มในกองทัพโรมัน วันหนึ่งขณะขี่ม้าไปตามถนน คนโรคเรื้อนคนหนึ่งได้เรียกเขาเพื่อขอเศษเงิน กลิ่นเน่าเหม็นจากบาดแผลของโรคเรื้อน ทำให้มาร์ตินรู้สึกสะอิดสะเอียนและกำลังจะขวบม้าหนีไป แต่มีบางสิ่งจากภายในทำให้มาร์ตินหยุดและเดินตรงไปที่ชายขอทานนั้น มาร์ตินได้ตัดชุดคลุมทหารเป็นสองส่วน ให้ส่วนหนึ่งแก่คนโรคเรื้อนและคลุมตัวด้วยส่วนที่เหลือ

วันนั้นอากาศหนาวมาก คนเห็นเหตุการณ์ต่างคิดว่าเป็นความโง่เขลา แต่บางคนได้เห็นแบบอย่างการเป็นคริสตชนที่ดีของนายทหารหนุ่มโรมัน คืนนั้นมาร์ตินฝันว่า เขาเห็นพระเยซูเจ้าใส่ชุดคลุมครึ่งส่วนนั้น และตรัสกับบรรดาทูตสวรรค์รายล้อมบัลลังก์ของพระองค์ว่า “มาร์ตินได้คลุมตัวเราด้วยชุดคลุมของเขา” เหตุการณ์วันนั้นได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของนายทหารหนุ่ม ผู้กลายมาเป็น นักบุญมาร์ตินแห่งตูร์

ท่าทีของมาร์ตินในตอนแรกสะท้อนท่าทีของคนทั่วไป เนื่องจากโรคเรื้อนเป็นโรคติดต่อร้ายแรง สามารถติดต่อและทำลายบุคคลทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคมและศาสนา:  

ด้านร่างกาย โรคเรื้อนสามารถกัดกินส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ละเล็กละน้อย จนทำให้เป็นเหมือนกับท่อนเนื้อเคลื่อนที่ได้

ด้านสังคม คนโรคเรื้อนถูกตัดขาดจากสังคม ถูกกักบริเวณให้อยู่ในพื้นที่เฉพาะ ไม่สามรถติดต่อกับญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงได้

ด้านศาสนา คนโรคเรื้อนเป็นคนบาปที่พระเจ้าทรงลงโทษและไม่บริสุทธิ์ ทำให้ไม่สามารถร่วมพิธีทางศาสนาในที่สาธารณะได้ ต้องคลุมตัวปิดหน้าและร้องว่า “มีมลทิน มีมลทิน”

1.   การสัมผัสรักษาด้วยความรัก

พระวรสารวันนี้ตรงข้ามกับสิ่งที่ชาวยิวเชื่อและปฏิบัติต่อคนโรคเรื้อนว่า “โรคเรื้อนเป็นการลงโทษของพระเจ้าไหม” หากการปฏิบัติต่อคนโรคเรื้อนตามหนังสือเลวีนิติบรรยายเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า พระเยซูเจ้าผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมและส่งมา คงไม่รักษาชายโรคเรื้อนคนนั้น ในอีกด้านหนึ่ง โรคเรื้อนเป็นโรคชนิดหนึ่งเหมือนโรคอื่นทั้งหลายที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาให้หายได้

คนโรคเรื้อนต้องการพิสูจน์ความจริงนี้ เขาได้ละเมิดกฎของโมเสสที่บอกให้อยู่ห่างจากผู้คน เขามาเฝ้าพระเยซูเจ้าและคุกเข่าลงอ้อนวอนว่า “ถ้าพระองค์พอพระทัย พระองค์ย่อมสามารถรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” (มก 1:40) พระเยซูเจ้าทรงสงสารตื้นตันพระทัย ยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขาและตรัสว่า “เราพอใจ จงหายเถิด (มก 1:41) เป็นสัมผัสแห่งรักซึ่งพิสูจน์ว่า โรคเรื้อนมิใช่การลงโทษของพระเจ้า

พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า ไม่มีโรคชนิดไหนทำให้มนุษย์เป็นมลทิน ที่ต้องถูกตัดขาดไม่ให้ร่วมพิธีทางศาสนา ทรงปลอบใจคนโรคเรื้อนด้วยการสัมผัสเขา ตามกฎของโมเสส ใครสัมผัสคนโรคเรื้อนต้องเป็นมลทินจนถึงเย็น ทรงแสดงให้เห็นว่า ความรักและพระเมตตาของพระเจ้ายิ่งใหญ่เหนือกฎเกณฑ์ใด ๆ และมีต่อมนุษย์ทุกคนโดยไม่ยกเว้น พระองค์เสด็จมาตามหาแกะผลัดฝูง ทรงกางพระกรต้อนรับทุกคนด้วยความรักหาที่สุดมิได้

2.   บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องเห็นคุณค่าของมนุษย์ทุกคน พระเยซูเจ้าทรงสอนเราและผู้ติดตามพระองค์ ให้สวมกอดและเห็นคุณค่าของมนุษย์ด้วยกันซึ่งเท่าเสมอกัน โดยเฉพาะคนต่ำต้อยด้อยค่าในสายตาของเรา คนถูกทอดทิ้ง หรือสังคมรังเกียจ เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ป่วยโรคเอดส์ ทุกคนเป็นลูกของพระเจ้า ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ เยียวยารักษา และช่วยเหลืออย่างเท่าเทียม

ประการที่สอง เราต้องมีใจเมตตาและพร้อมช่วยเหลือทุกคน  พระเยซูเจ้าทรงสงสารตื้นตันพระทัย ด้วยการยื่นมือสัมผัสและรักษาคนโรคเรื้อน พระองค์ไม่ได้รักษาด้วยคำพูด แต่ด้วยการกระทำ เราต้องทำบางสิ่งบางอย่างในการช่วยคนเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ ไม่มีใครถูกแบ่งแยก หรือตัดขาดจากหมู่คณะ ทรงต้องการเราเป็นเครื่องมือในการสัมผัสแห่งรัก และนำทุกคนมาหาพระเจ้า

 ประการที่สาม เราต้องอธิษฐานภาวนาด้วยใจสุภาพ คนโรคเรื้อนมีท่าทีสุภาพ เข้ามาเฝ้าและคุกเข่าลงอ้อนวอนพระเยซูเจ้า เราต้องมีท่าทีเช่นเดียวกัน เพื่อขอให้พระองค์รักษาโรคเรื้อนฝ่ายวิญญาณที่เปื้อนบาปให้สะอาด เลียนแบบนักบุญเปาโลด้วยการยึดเอาพระคริสตเจ้าเป็นแบบอย่าง และทำทุกอย่างเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า “เมื่อท่านจะกินจะดื่มหรือทำอะไรก็ตาม จงทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด” (1 คร 10:31)

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนโรคเรื้อนและนำเขากลับมาสู่หมู่คณะอีกครั้ง ด้วยการยื่นมือสัมผัสและรักษาเขา เป็นสัมผัสแห่งรักโดยไม่รู้สึกรังเกียจ ทำให้เราตระหนักว่า พระเมตตาและความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่และอยู่เหนือกฎเกณฑ์ใด ๆ โดยเฉพาะคนถูกทอดทิ้งและถูกตัดขาดจากสังคม เราต้องพร้อมยื่นมือสัมผัสด้วยความรัก ช่วยเหลือด้วยเต็มใจ และเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคนโดยไม่แบ่งแยก

โรคที่แพร่ระบาดในปัจจุบันไม่ใช่โรคเรื้อน แต่เป็นโรคขาดความรัก จิตใจเต็มด้วยความเกลียดชังและการแบ่งแยกแตกต่าง ศิษย์พระคริสต์ได้รับการเรียกให้เจริญชีวิตเป็นเครื่องหมายแห่งพระทัยเมตตาและความรักของพระเจ้า ทรงประสงค์ให้แต่ละคนสานต่อพันธกิจของพระองค์ในการสัมผัสรักษาด้วยความรัก และนำทุกคนให้มาเป็นหนึ่งเดียวกันในพระองค์ โดยไม่มีใครถูกตัดขาด หรือถูกทอดทิ้ง

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

khuanthinwan@gmail.com

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

13 กุมภาพันธ์ 2021

ภาพ : พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี เยี่ยมยายหนู, วัดแม่พระประจักษ์ที่ลูร์ด น้ำบุ้น, สกลนคร; 2021-01-23

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น