วิธีปฏิบัติต่อพี่น้องที่ทำผิด
อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา ปี A |
อสค 33:7-9 รม 13:8-10 มธ 18:15-20 |
บทนำ
ที่โบสถ์เล็ก
ๆ แห่งหนึ่งของหมู่บ้าน เด็กช่วยมิสซาคนหนึ่งได้ทำเหล้าองุ่นหกโดยไม่ตั้งใจ
พระสงฆ์ผู้ถวายมิสซาได้ตบหน้าเขาเต็มแรงและไล่ให้ออกไปจากบริเวณพระแท่น “ออกไปเดี๋ยวนี้และอย่ากลับมาอีก” ต่อมาภายหลังเด็กชายคนนี้ได้กลายเป็นผู้นำคอมมิวนิสต์ที่รู้จักกันในชื่อ
โจซิป บรอซ ตีโต (Josip
Broz Tito) ประธานาธิบดีของประเทศยูโกสลาเวียในช่วงปี 1944-1980
ณ อาสนวิหารของเมืองใหญ่แห่งนึ่ง
เด็กช่วยมิสซาอีกคนทำหน้าที่ช่วยมิสซาพระสังฆราช ได้ทำเหล้าองุ่นหกโดยไม่ตั้งใจเช่นกัน
พระสังฆราชผู้ประกอบพิธีมองเขาดูเขาอย่างเอ็นดูและกระซิบบอกเขาว่า “วันหนึ่งหนูจะเป็นพระสงฆ์”
เด็กช่วยมิสซาคนนี้ต่อมาคือ “พระอัครสังฆราชฟูลตัน ชีน” (Fulton
J. Sheen) ผู้มีชื่อเสียงชาวอเมริกันในการเทศน์สอนทางโทรทัศน์และวิทยุ
เราได้ปฏิบัติต่อผู้ทำผิดและสร้างปัญหาความยุ่งยากให้เราอย่างไร
พระเยซูเจ้าได้ให้คำตอบกับเราในพระวรสารวันนี้ วิธีปฏิบัติต่อพี่น้องที่ทำผิด ในการตักเตือนกันฉันพี่น้องด้วยจริงใจ บนพื้นฐานแห่งความรักแบบคริสตชน ปัจจุบัน มีเด็กจำนวนมากถูกลงโทษและปฏิบัติด้วยความรุนแรง
หรือถูกตามใจจนเคยตัว ทำให้ชีวิตของพวกเขาหลงเดินทางผิดจนยากแก่การแก้ไข
1.
วิธีปฏิบัติต่อพี่น้องที่ทำผิด
พระวรสารวันนี้พูดถึงหน้าที่คริสตชนพึงปฏิบัติต่อกัน คริสตชนไม่เพียงมีหน้าที่ต้องทำสิ่งถูกต้อง
แต่ต้องช่วยคนอื่นให้ทำในสิ่งถูกต้องด้วย เราต้องเป็นเกลือและแสงสว่างส่องโลก
ที่ฉายแสงให้คนอื่นได้เห็นความรักของพระเจ้า (ดู มธ 5:13-16) พระเยซูเจ้าทรงวางหลักพื้นฐานที่เราพึงมีต่อเพื่อนพี่น้อง “เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร
ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34) ความรักเป็นพื้นฐานสำคัญในการปฏิบัติต่อกัน
หนังสือเลวีนิติ ได้วางระเบียบให้ชาวฮีบรูได้ตักเตือนกันและกันระหว่างเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดาร
โดยให้แนวทางเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “อย่าเกลียดชังพี่น้องของเจ้าอยู่ในใจ แต่เจ้าจงตักเตือนเพื่อนบ้านของเจ้า
เพื่อเจ้าจะไม่ต้องรับโทษเพราะเขา”
(ลนต 19:18) พระเยซูเจ้าทรงนำคำสอนนี้มาปรับปรุงให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
“ถ้าพี่น้องของท่านทำผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำพัง ถ้าเขาเชื่อฟัง
ท่านจะได้พี่น้องกลับคืนมา” (มธ 18:15)
นี่คือหน้าที่แห่งความรักที่พึงปฏิบัติต่อพี่น้อง
ไม่รู้สึกสะดุดใจเมื่อใครทำผิด เพราะพระศาสนจักรมิใช่หมู่คณะของนักบุญที่มีความสมบูรณ์พร้อม แต่เป็นหมู่คณะของคนบาปที่มุ่งไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์
เราต้องก้าวเดินไปด้วยกันด้วยความรัก ไม่ทิ้งคนหนึ่งไว้ข้างหลัง แต่พยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยคนทำผิดได้สำนึกตัว
กลับใจและเดินในหนทางถูกต้อง เพราะ “พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์...
ไม่ทรงปรารถนาให้คนธรรมดา ๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้เดียวต้องพินาศไป” (มธ 18:14)
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเรา ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันหลายประการ
ประการแรก จงตักเตือนคนทำผิดด้วยความรักแบบพี่น้อง ไม่ตำหนิ
กล่าวโทษหรือด่วนตัดสินจากความผิดที่เขาได้ทำ พระเยซูเจ้าทรงให้สามขั้นตอนในการตักเตือนกัน เริ่มจากไปพูดกับเขาเป็นการส่วนตัวโน้มนำเขาด้วยความรักและห่วงใย
เพื่อนำมิตรภาพที่เสียไปกลับคืนมา หากความพยายามนี้ไร้ผล ให้พาอีกคนหรือสองคนไปด้วยเพื่อเป็นพยาน
สุดท้ายจึงแจ้งให้หมู่คณะทราบ เพื่อให้เขาได้ตระหนักว่าหมู่คณะใส่ใจและต้องการให้เขากลับคืนมา
ประการที่สอง จงอธิษฐานภาวนาให้คนทำผิด พระเยซูเจ้าทรงเน้นความสำคัญของการอธิษฐานภาวนาแบบหมู่คณะ
“ถ้าท่านสองคนบนแผ่นดินพร้อมใจกันอ้อนวอนขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จะประทานให้
เพราะว่าที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นท่ามกลางพวกเขา” (มธ 18:19-20)
คำอธิษฐานภาวนาของหมู่คณะสามารถทำให้ความบาดหมางยุติลง และนำความเป็นหนึ่งเดียวกลับคืนมาอีกครั้ง
ประการที่สาม จงรักและให้อภัยคนทำผิด พระเจ้าทรงเป็นองค์ความรัก
ที่ใดมีความรักที่นั่นมีพระเจ้า ความรักต่อพระเจ้าต้องแสดงออกต่อเพื่อนพี่น้อง
และถือเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่ความสุข สันติภาพและความชื่นชมยินดี เพราะเหตุนี้เองนักบุญเปโลได้กล่าวว่า
“อย่าเป็นหนี้ผู้ใด นอกจากเป็นหนี้ความรักซึ่งกันและกัน” (รม 13:8)
ความรักแท้จริงคือการให้อภัยความผิดของกันและกันด้วยใจกว้าง
ไม่ถือโทษโกรธเคืองหรือจดจำความผิด
บทสรุป
พี่น้องที่รัก การตักเตือนกันเป็นเรื่องลำบากใจ
แต่ในฐานะศิษย์พระคริสต์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะ เรามีความรับผิดชอบต่อพระศาสนจักรและหมู่คณะของเรา
พระเจ้าทรงมอบบางคนให้อยู่ในความรับผิดชอบของเรา เช่น บุตรหลาน ลูกศิษย์ ลูกน้อง
เพื่อนฝูง เพื่อนบ้าน คู่ชีวิตหรือสมาชิกในคณะ ฯลฯ บุคคลเหล่านี้ล้วนอยู่ในความรับผิดชอบของเรา
ซึ่งเราต้องช่วยเขาให้เดินในหนทางถูกต้อง
คริสตชนมีหน้าที่รับผิดชอบในการตักเตือนกันด้วยความรักแบบพี่น้อง
ซึ่งต้องอาศัยความกล้าหาญ ความอดทน ความสุภาพอ่อนโยน ความจริงใจและความปรีชาฉลาด เพื่อรักษาชื่อเสียงและช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ทำสิ่งถูกต้อง
ศิษย์พระคริสต์ต้องกล้าตักเตือนกันด้วยความรัก เริ่มจากในครอบครัว พ่อแม่ตักเตือนบุตรหลาน
พี่ตักเตือนน้อง ผู้อาวุโสตักเตือนผู้น้อยกว่า และผู้น้อยต้องเชื่อฟังคำตักเตือน
นี่คือหน้าที่แห่งความรักที่เราไม่อาจปฏิเสธได้
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
5 กันยายน 2020
ภาพ: เด็กคำสอนวัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร; 2020-08-07
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น