วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

นักบุญมัทธิว คนเก็บภาษี

นักบุญมัทธิว คนเก็บภาษี

นักบุญมัทธิว อัครสาวกและผู้นิพนธ์พระวรสาร เราไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับท่านมากนัก นอกจากรู้ว่าเป็นคนเก็บภาษีที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกให้ติดตามพระองค์ (มธ 9:9-10) ปาปิอัส พระสังฆราชแห่งเฮียราโปลิส (Papias of Hierapolis: 130 A.D.) บอกให้เราทราบว่า อัครสาวกมัทธิวได้รวบรวมคำสอนของพระเยซูเจ้าเข้าด้วยกันเป็นภาษาอาราไมอิก ซึ่งเป็นภาษาพูดของพระเยซูเจ้า
             นักบุญอีเรเนอุส (St. Iraenaeus: 180 A.D.) ได้เล่าถึงธรรมประเพณีเดียวกันที่บอกว่า นักบุญมัทธิวเทศน์สอนชาวยิวในปาเลสไตน์ และได้เขียนพระวรสารเป็นภาษาของพวกเขา นอกนั้น บรรดานักเขียนที่มีชื่อเสียงในระยะเริ่มแรกของพระศาสนจักรต่างยืนยันเรื่องนี้ และยกให้พระวรสารของนักบุญมัทธิวอัครสาวก เป็นพระวรสารเล่มแรก อาทิ เคลเมนต์แห่งอเล็กซานเดรีย (Clement of Alexandria : 150-215 A.D.), ออริเจน (Origen : 186-254 A.D.), แตร์ตุลเลียน (Tetullian : 160-240 A.D.) และยูเซบิอุสแห่งเชซาเรีย (Eusebius of Caesarea : 265-340 A.D.)
พระวรสารตามคำเล่าของนักบุญมัทธิวไม่ได้บอกอะไรชัดแจ้งเกี่ยวกับผู้เขียน แต่เมื่อเราอ่านเนื้อหาโดยละเอียด ทำให้เราทราบถึงลักษณะและอุปนิสัยหลายอย่างของผู้เขียน ซึ่งได้ทิ้งร่องรอยเกี่ยวกับตัวเองไว้ในงานเขียนของตน พระวรสารของนักบุญมัทธิวทำให้เราทราบว่า คนเขียนต้องเป็นศิษย์ใกล้ชิดของพระเยซูเจ้า มีความรอบรู้เกี่ยวกับปาเลสไตน์, ธรรมเนียมและวิธีปฏิบัติของชาวยิว และเชี่ยวชาญพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมเยี่ยงอาจารย์ซึ่งได้ศึกษามาเป็นอย่างดี
มัทธิวเป็นคนเก็บภาษี รัฐบาลโรมันมีวิธีการจัดเก็บภาษีโดยกำหนดเพดานภาษีแบบตายตัวและให้มีการประมูลราคากันเอง หากคนเก็บภาษีจ่ายภาษีตามจำนวนที่กำหนด เขาสามารถเก็บรายได้ส่วนที่เหลือเป็นของตนเอง อาชีพเก็บภาษีจึงสร้างรายได้มหาศาล คนทั่วไปจึงมองคนเก็บภาษีเป็นคนบาปในระนาบเดียวกันกับหญิงโสเภณีและฆาตกร เพราะการขูดรีดเก็บภาษีจากเพื่อนร่วมชาติไปให้รัฐบาลโรมัน อีกทั้ง เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์เพราะไม่รักษาธรรมประเพณีของบรรพบุรุษ และสร้างความร่ำรวยให้ตนเองจากการเก็บภาษี
ลูกาและมาระโก เรียกมัทธิวว่า เลวี (ลก 6:15; มก 3:18) เป็นไปได้ว่า เลวี อาจเป็นชื่อดั้งเดิมของมัทธิว และพระเยซูเจ้าได้ให้ชื่อใหม่ว่า มัทธิว ซึ่งหมายถึง ของประทานของพระเจ้า (The gift of God) เช่นเดียวกับให้ชื่อใหม่แก่ซีโมนว่า “เปโตร” (ยน 1:40-42, มธ 16:17-18) พระศาสนจักรในระยะเริ่มแรกจึงรู้จักท่านในชื่อมัทธิว หรือเป็นไปได้ว่า มาระโกและลูกาต้องการเลี่ยงว่า มัทธิวเคยเป็นคนเก็บภาษี จึงเรียกชื่อท่านตามชื่อเดิมคือ เลวี
แต่มัทธิวไม่ได้รู้สึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะตระหนักว่า พระเยซูเจ้าทรงรักและอภัยบาปท่าน ไม่ได้มองท่านเป็นคนบาปและทรยศชาติอย่างชาวยิวทั่วไป นี่คือท่าทีใหม่ซึ่งมัทธิวสัมผัสได้ถึงความเมตตากรุณาของพระองค์ จึงจัดงานเลี้ยงใหญ่ต้อนรับพระองค์ที่บ้าน และจากงานเลี้ยงนี้พระองค์ได้เปิดเผยความจริงให้ทุกคนทราบว่า ทรงเป็นเพื่อนกับคนบาปและเสด็จมาเพื่อตามหาคนบาป “คนสบายดีไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ... เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาป” (มธ 9:12-13)
อีกทั้ง เมื่อพูดถึงรายชื่ออัครสาวกของพระเยซูเจ้า มัทธิวเขียนชัดเจนว่า “มัทธิว คนเก็บภาษี” (มธ 10-2-3) อย่างไรก็ตาม เราทราบน้อยมากเกี่ยวกับชีวิตของมัทธิวหลังจากนั้น แต่ธรรมประเพณีเล่าว่า ท่านได้สั่งสอนชาวยิวในปาเลสไตน์เป็นแห่งแรก จากนั้นได้ไปยังประเทศอื่นนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นักเขียนโบราณบางท่านกล่าวกันว่า มัทธิวเดินทางไปถึงเอธิโอเปีย ประเทศแถบเปอร์เชีย ซีเรีย กรีซ และไอร์แลนด์ เชื่อกันว่ามัทธิวได้ตายเป็นมรณสักขี ซึ่งวันฉลองของท่านตรงกับวันที่ 21 กันยายนของทุกปี
พระวรสารนักบุญมัทธิวทำให้เราทราบเรื่องราวและคำสอนของพระเยซูเจ้า โดยเฉพาะ “บทเทศน์บนภูเขา” ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งพระวรสารของท่าน และความจริงเรื่องการประทับอยู่ของพระองค์ท่ามกลางเรา เน้นถึงความสัมพันธ์ของพระเยซูเจ้ากับความเชื่อของยิว  โดยแสดงให้เห็นว่า พระเยซูเจ้าคือพระเมสสิยาห์ที่เสด็จมาเพื่อทำให้พันธสัญญาเดิมสำเร็จไป และเพื่อพิพากษาชาวยิวเนื่องจากความไม่ซื่อสัตย์ของพวกเขา  มัทธิวจึงสรุปพระวรสารของท่านว่า “แล้วจงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ” (มธ 28:20)
ในบรรดาพระวรสารทั้งสี่ พระวรสารนักบุญมัทธิวเป็นฉบับที่ใช้มากที่สุดในพระศาสนจักร บรรดาปิตาจารย์ของพระศาสนจักรและนักเขียนในระยะเริ่มแรกจึงสรุปว่า พระวรสารนักบุญมัทธิวได้รับที่พิเศษในพระศาสนจักร โดยแท้จริงแล้วทุกอย่างล้วนชี้ไปยังข้อสรุปที่ว่า “พระวรสารของนักบุญมัทธิวได้ใช้เป็นตำราเรียนในการสอนคำสอน” ดังนั้น เราควรใช้หนังสือพระวรสารเป็นเหมือนคู่มือในการสอนคำสอนและเรียนรู้จักพระเยซูเจ้า
พระวรสารและแบบอย่างชีวิตมัทธิวบอกเราว่า พระเยซูเจ้าได้เรียกเราแต่ละคนให้ติดตามพระองค์ ด้วยการละทิ้งชีวิตเก่าเต็มไปด้วยบาป และหันมาหาพระองค์ผู้เป็นองค์แห่งความรอด พระองค์ไม่ได้เรียกเราให้เป็นคนดีก่อนถึงติดตามพระองค์ได้ ทรงทราบและเข้าใจดีถึงบาปและความอ่อนแอของเรา ทรงเรียกเราแต่ละคนอย่างที่เราเป็นให้ติดตามพระองค์ ศิษย์พระคริสต์ต้องตระหนักในความรักของพระเจ้า พร้อมเปลี่ยนแปลงตนเอง เลียนแบบอย่างนักบุญมัทธิว ปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูเจ้าและติดตามพระองค์ด้วยความมั่นใจ
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
Majus Seminarium, J.M. Vianne, Thakhaek
20 กุมภาพันธ์ 2017

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น