การให้อภัยด้วยเมตตาของพระเจ้า
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา
ปี C
|
ปชญ 11:22;
12:1
2 ธส 1:11-2:2
ลก 19:1-10
|
บทนำ
พระอัครสังฆราชฟูลตัน จอห์น ชีน (Fulton
John Sheen, 1895-1979)
ชาวสหรัฐซึ่งมีชื่อเสียงในการทำรายการวิทยุและโทรทัศน์ เจ้าของรายการ “ชีวิตคือการอยู่อย่างมีคุณค่า”
(Life is Worth Living) ได้เริ่มต้นรายการด้วยการบอกผู้ชมว่า
“ชีวิตคือการอยู่อย่างมีคุณค่าหรือชีวิตคือความโง่เขลาและน่าเบื่อหน่าย? ชีวิตจะไม่น่าเบื่อไร้ความหมายหากชีวิตนั้นมีเป้าหมาย” บทอ่านวันนี้บอกเราว่าชีวิตคือการอยู่อย่างมีคุณค่า
เมื่อเราพร้อมที่จะมีประสบการณ์การให้อภัยด้วยเมตตาของพระเจ้า
ซึ่งยอมรับเราอย่างที่เราเป็น
ศักเคียส เป็นหัวหน้าคนเก็บภาษีที่ด่านเมืองเยรีโค
มีฐานะร่ำรวยแต่เป็นที่เกลียดชังของผู้คนทั่วไป
เพราะการเก็บภาษีให้ศัตรูและเก็บส่วนที่เหลือเป็นของตนเอง ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับชื่อของเขา
“ศักเคียส” ในภาษาฮีบรูแปลว่า “บริสุทธิ์” หรือ “ผู้ชอบธรรม”
แต่ลูกาต้องการแสดงให้เห็นว่า
เขาได้กลายเป็นผู้ชอบธรรมสมชื่อหลังจากได้พบกับพระเยซูเจ้า
ด้วยความที่ศักเคียสเป็นคนเตี้ย
กอปรกับมีผู้คนมากมาย ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นพระเยซูเจ้าได้ แต่เขาไม่ละความพยายาม
วิ่งนำหน้าไปปีนขึ้นต้นมะเดื่อเทศเพื่อจะได้เห็นพระองค์ คงเป็นเรื่องน่าอายไม่น้อยที่เศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดแห่งเยรีโคต้องมาปีนต้นไม้
เพื่อจะได้เห็นอาจารย์ชาวยิวคนหนึ่ง แต่ความต้องการพบพระเยซูเจ้าของเขามีมากกว่าความอาย
พระเยซูเจ้าทรงมองมาที่เขา เรียกชื่อและตรัสกับเขาให้รีบลงมาเพราะพระองค์จะไปพักที่บ้านของเขา
นี่คือความยินดีล้นเหลือที่เขาไม่เคยได้รับจากใครเช่นนี้มาก่อน
1.
การให้อภัยด้วยเมตตาของพระเจ้า
การที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกชื่อศักเคียสและตรัสว่าจะไปพักที่บ้านของเขา
คือเหตุการณ์ที่ช๊อกความรู้สึกของชาวยิว เพราะการไปพักที่บ้านของคนที่ชาวยิวถือว่าเป็นคนบาปที่สุด
เป็นสิ่งที่ชาวยิวทั่วไปไม่ทำกันและรับไม่ได้ แต่พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นถึงความรักและพระเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อคนบาป
พระองค์มิได้เสด็จมาเพื่อตามหาคนชอบธรรม แต่เพื่อตามหาคนบาปและคนที่หลงไป พระองค์ทรงเรียกชื่อเขาเหมือนผู้เลี้ยงแกะที่ดีซึ่งจำชื่อแกะได้ทุกตัว
พระเยซูเจ้าทรงรู้ว่าศักเคียสเป็นเหมือนกับคนทั่วไปที่มีความดีในตัวเอง
แต่ความดีนั้นต้องการความรักและความเข้าใจ
เพราะศักเคียสเคยชินกับการเป็นคนเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบคนอื่น สร้างความร่ำรวยให้ตนเองบนความทุกข์ของผู้อื่น
และพึงพอใจในความสะดวกสบายที่ตนได้รับ ถึงเขาจะเป็นคนที่ร่ำรวยมาก
แต่ในส่วนลึกแห่งจิตใจเขาเป็นคนยากจน สิ่งที่เขาแสวงหามาตลอดชีวิตคือ ความรัก
อย่างที่นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตากล่าวไว้ “โรคที่คนส่วนใหญ่เป็นมากที่สุดในปัจจุบันคือโรคขาดความรัก”
ศักเคียส ได้รับการให้อภัยที่เต็มเปี่ยมด้วยเมตตาจากพระเยซูเจ้า
ซึ่งเขาไม่เคยได้รับเช่นนี้มาก่อน การให้อภัยด้วยเมตตาของพระเจ้าสัมผัสใจเขา
ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตนเองจากที่เคยเห็นแก่ตัว เป็นคนที่รู้จักให้และแบ่งปันสิ่งที่เขามีกับคนอื่น
และชดเชยสิ่งที่ได้โกงใครมาถึงสี่เท่า เขาได้ทำมากกว่าที่กฎหมายกำหนด
นี่คือเครื่องหมายแห่งการกลับใจที่ทำให้เขาได้รับความรอด “วันนี้ ความรอดพ้นมาสู่บ้านนี้แล้ว”
(ลก 19:9)
2.
บทเรียนสำหรับเรา
เรื่องราวของศักเคียสได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องสำนึกในความบาปผิดของเรา เราแต่ละคนต่างเป็นคนบาป
มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้กลับใจอย่างสิ้นเชิงในวันนี้
พระองค์ทรงรักเราแม้เราจะเป็นคนที่ไม่น่ารัก เต็มไปด้วยความโน้มเอียงในทางบาป
ราคะตัณหาและอกุศลจิต ให้เราสำนึกในความบาปของตนและตอบรับการเรียกของพระองค์ให้กลับใจ
เปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่
ประการที่สอง ให้เราได้ให้อภัยด้วยเมตตาเหมือนพระเยซูเจ้า การให้อภัยด้วยเมตตาของพระเยซูเจ้าได้สัมผัสใจของศักเคียส
ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตนเองและชดเชยความผิดที่ได้กระทำกับผู้อื่น
เราจึงต้องพร้อมที่จะยอมรับและให้อภัยความผิดของกันและกันด้วยใจกว้าง
ให้โอกาสกับทุกคนที่ผิดพลาด มีแต่ความรักและการให้อภัยด้วยเมตตาเท่านั้น ที่จะลดความแตกแยกรุนแรงและความเกลียดชังในสังคมลงได้
ประการที่สาม เราต้องมีใจกว้างและรู้จักแบ่งปัน
ศักเคียสได้เปลี่ยนแปลงตนเองจากคนละโมบเป็นคนใจกว้าง จากคนเห็นแก่ตัวเป็นคนที่คิดถึงอื่น
เกิดการเปลี่ยนแปลงจากส่วนลึกแห่งจิตใจ
นี่คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องจากเราให้มีท่าทีแบบเดียวกับศักเคียส
มีทัศนคติเชิงบวกต่อผู้อื่น รู้จักให้และแบ่งปันสิ่งที่เรามีกับผู้อื่นด้วยใจกว้าง
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้าได้สอนเราให้พิจารณาไตร่ตรองถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
พระองค์ทรงสอนให้เรารักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจ และรักเพื่อนพี่น้องโดยเฉพาะคนยากจน ประการสำคัญ
พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราทุกคนได้รับความรอดพ้น ให้เราปรารถนาที่จะพบกับพระเยซูเจ้าอย่างจริงใจเช่นเดียวกับศักเคียส
และต้อนรับพระองค์เข้ามาในบ้านของเราด้วยความยินดี
เป็นต้นในศีลมหาสนิทในพิธีบูชาขอบพระคุณและในเพื่อนพี่น้องที่เราพบเห็น
พระเจ้าคือองค์แห่งความรักหาที่สุดมิได้และทรงเป็นองค์แห่งความดีบริบูรณ์
ที่ทรงรักและให้อภัยเราเสมอ พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งเราแม้ว่าเราจะเป็นคนบาปหรือละทิ้งพระองค์
เราต้องพร้อมที่จะกลับใจและเปลี่ยนแปลงตนเองเช่นเดียวกับศักเคียส ที่เปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินชีวิตโดยทันที
อีกทั้ง ต้องพร้อมที่จะรักและให้อภัยความผิดของและกันด้วยใจกว้าง
เพราะนี่คือเงื่อนไขของการได้รับความรอดนิรันดร
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
29 ตุลาคม 2016
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น