จงวางใจในพระเจ้า
สัปดาห์ที่
8
เทศกาลธรรมดา
ปี
A
|
อสย 49:14-15
1 คร 4:1-5
มธ 6:24-34
|
บทนำ
ความวิตกกังวลเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่พบในมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาหรือสถานการณ์ที่ที่คาดไม่ถึงซึ่งอยู่เหนือการควบคุม
ตัวอย่างสังคมไทยปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับปัญหาการเมืองที่ไร้ทางออก
กลายเป็นข้อขัดแย้งรุนแรงที่ไม่มีใครยอมใคร มีการต่อสู้ทำลายล้างซึ่งกันและกัน
ทำให้เกิดการสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สิน
สร้างความบอบช้ำแก่ชาติบ้านเมืองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ทำให้หลายคนเกิดความวิตกกังวล
นอกเหนือไปจากปัญหาในชีวิตประจำวันที่มีมากมายอยู่แล้ว
เป็นความจริงว่า
เรามีความกังวลหลายอย่างในชีวิต ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่เกาะกินใจเราอยู่เสมอ
ที่สร้างปัญหาและความรำคาญให้กับชีวิตของเราไม่เว้นแต่ละวัน เช่น
พ่อแม่กังวลเกี่ยวกับอนาคตลูก คนงานกังวลเกี่ยวกับงานที่พวกเขากำลังทำอยู่
นักเรียนกังวลเกี่ยวกับการสอบที่กำลังจะมาถึง
คนป่วยกังวลเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บที่ตนเองเป็นอยู่ ความกังวลเหล่านี้ทำให้เราวุ่นวายใจ
กระวนกระวายไม่เป็นสุข
ในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงสอนศิษย์ของพระองค์
ไม่ให้กังวลเกี่ยวกับอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องนุ่งห่ม
พระองค์มิได้ประณามสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตเหล่านี้ แน่นอนว่า
เราจะต้องวางแผนสำหรับอนาคต แต่เหนือสิ่งอื่นใด
เราต้องแสวงหาสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตของเราคือ ความรอดนิรันดร “มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำไร
แต่ต้องเสียชีวิต” (มธ 16:26) ชีวิตของเราจะมีความหมายเมื่อเราเดินมุ่งตรงไปยังอาณาจักรของพระบิดาเจ้า
นี่คือ สิ่งเดียวเท่านั้นที่เราจะต้องเป็นกังวล
1.
จงวางใจในพระเจ้า
ในพระวรสารวันนี้
พระเยซูเจ้าได้เตือนเราว่า เราเป็นบุตรที่มีค่ายิ่งของพระเจ้า
พระองค์ทรงรักและดูแลเอาใจใส่เรา
ทรงบอกเรามิให้วิตกทุกร้อนหรือเป็นกังวลเกี่ยวกับสิ่งใดๆ ทรงบอกให้เราดูนกในอากาศและดอกไม้ในทุ่งนา ที่พระบิดาเจ้าทรงดูแลและเลี้ยงดูมัน
ทั้งนี้ เพื่อเราจะได้วางใจในพระองค์ เพราะมนุษย์ประเสริฐกว่านกและดอกไม้เป็นไหนๆ และพระเจ้าทรงเอาใจใส่เราเป็นพิเศษ
ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ พระเจ้าทรงดูแลเอาใจใส่เรา
เราจึงไม่ควรวิตกทุกข์ร้อน แต่ควรวางใจในความรักและการเอาใจใส่ของพระเจ้า
คริสตชนจะต้องวางทุกอย่างของตนในมือของพระเจ้า ดังนั้น ความภักดีของเราต่อพระเจ้าจึงไม่ควรแบ่งแยก
แต่จะต้องวางใจในพระองค์อย่างสิ้นเชิง พระเยซูเจ้าทรงยืนยันหนักแน่นว่า เราไม่สามารถเป็น
“ข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้” นั่นคือ เราไม่สามารถรับใช้พระเจ้าและเงินตราในเวลาเดียวกันได้
พระเยซูเจ้าต้องการสอนศิษย์ของพระองค์ว่า
“อะไรคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของเรา”
เราจะต้องตัดสินใจเลือกระหว่างพระเจ้ากับเงินทองหรือสิ่งวัตถุภายนอก
ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้ากันไม่ได้เพราะขัดแย้งกับเป้าหมายแห่งชีวิต
พระเยซูเจ้าทรงแนะนำไม่ให้เรากังวลเกี่ยวกับปัญหาในชีวิตของเรา เช่น การกิน
การดื่ม และการนุ่งห่ม พระบิดาเจ้าของเราทรงทราบว่าเราต้องการสิ่งต่างๆ เหล่านี้
ดังนั้น พระองค์จึงทรงแนะนำเราว่า “จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน
แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้” (มธ 6:33)
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชน
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันหลายประการ
ประการแรก
เราต้องวางใจในพระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้วางปัญหาทุกอย่างไว้กับพระเจ้า
เชื่อและวางใจในพระองค์ว่าจะทรงดูแลเอาใจใส่เรา
สิ่งที่เราควรจะกล่าวกับตนเองทุกวันคือ “ขอบคุณพระเจ้า...
มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด” แล้วหันเหชีวิต ทัศนคติ และจิตใจของเราไปยังพระเยซูเจ้า
คริสตชนจะต้องไม่กังวล เพราะเราวางใจความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ความกังวลคือสิ่งบอกเหตุว่าเราขาดความไว้ใจในพระองค์
ประการที่สอง เราต้องเชื่อในพระญาณสอดส่องของพระเจ้า
ที่ทรงมีแผนการสำหรับชีวิตเราและทรงเอาใจใส่ดูแลเราเสมอ แม้ในห้วงเวลาของความยากลำบาก
เราจะต้องดำเนินชีวิตตามแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า และตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ท่ามกลางเรา
ในผู้อื่นและเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตของเรา ความรักที่เปี่ยมล้นในพระเจ้าที่เรามีจะช่วยขจัดความกังวลให้หมดสิ้นไป
ประการที่สาม
เราจะต้องดำเนินชีวิตในปัจจุบัน
เวลาที่สำคัญที่สุดคือ “เดี๋ยวนี้ ขณะนี้” ซึ่งเป็นความจริงที่อยู่ต่อหน้าเรา
โดยไม่ไปคิดถึงอดีตที่ผ่านไปแล้วและเราไม่สามารถแก้ไขได้ อีกทั้งจะต้องไม่กังวลกับอนาคตข้างหน้าที่ยังมาไม่ถึง
แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องวางแผนหรือเตรียมการสำหรับอนาคต เราต้องใส่ใจในความต้องการของผู้คนที่อยู่รอบข้างเรา
แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่พระเยซูเจ้าต้องการสอนเราคือ การหยุดใส่ใจในหนทางที่นำเราไปสู่บาป
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าเตือนศิษย์ของพระองค์และเราในปัจจุบันให้วางใจในพระเจ้า
ผู้เป็นองค์แห่งความรักและความดีบริบูรณ์ พระองค์ทรงทราบดีถึงความต้องการของเราแต่ละคน
และทรงจัดหาทุกอย่างเพื่อเรา นี่คือ สิ่งที่เราเรียกว่า “พระญาณสอดส่อง”
ดังนั้น เราจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเป็นกังวลหรือวิตกทุกข์ร้อน เพราะพระบิดาเจ้าผู้ทรงรู้ทุกอย่าง
พระองค์ทรงทราบทุกอย่างเกี่ยวกับเราและสิ่งที่จำเป็นสำหรับลูกของพระองค์ทุกคน
เราจะต้องตระหนักเสมอว่า
พระเจ้าทรงเอาพระทัยใส่เราเหมือนบิดาที่ปฏิบัติต่อลูก แม้แม่ในโลกนี้จะลืมลูกของนางได้
แต่พระเจ้าไม่เคยลืมและทอดทิ้งเรา ให้เราได้วางใจในพระเจ้าทุกวันเวลา ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ท่ามกลางเรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความรักต่อกัน และบอกตนเองเสมอว่า “จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน
แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้” (มธ 6:33)
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
28 กุมภาพันธ์ 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น