วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์แบบอย่างครอบครัวคริสตชน



ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์แบบอย่างครอบครัวคริสตชน
วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม
ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
ปี A
บสร 3:3-7, 14-17
คส 3:12-21
มธ 2:13-15, 19-23
บทนำ
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเล่าเรื่องหนึ่งที่พระองค์เคยได้ยินเวลาเป็นเด็ก มีครอบครัวหนึ่งประกอบด้วยพ่อแม่และลูกอีกหลายคน มีคุณปู่อาศัยอยู่ด้วย ปู่ซึ่งอายุมากและป่วยเป็นโรคพากินสัน เวลารับประทานอาหารชอบทำอาหารหล่นเต็มโต๊ะและเลอะเทอะเปรอะเปื้อนใบหน้า บุตรชายกับบุตรสะใภ้รู้สึกรังเกียจและรำคาญ บุตรชายจึงหาโต๊ะเล็กๆ ให้พ่อได้กินคนเดียวแยกต่างหาก เพื่อจะได้ไม่รบกวนคนอื่นในครอบครัว
วันหนึ่งบุตรชายกลับมาบ้านก็พบลูกชายของตน (หลานปู่) กำลังตอกไม้กระดาน จึงถามว่า “ลูกกำลังทำอะไร” ลูกชายตอบว่า “ผมกำลังทำโต๊ะ” “ทำไมละ” ผู้เป็นบิดาถาม เด็กน้อยตอบว่า “สำหรับคุณพ่อไง เมื่อพ่ออายุมากเหมือนปู่ ผมจะให้พ่อนั่งกินอาหารที่โต๊ะนี้” ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา บุตรชายจึงจัดให้ปู่รับประทานอาหารร่วมโต๊ะและคอยช่วยเหลือเวลารับประทานอาหารอย่างมีความสุข
สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสว่า “ปู่ย่าตายายเป็นสมบัติอันล้ำค่า แม้ว่าผู้อาวุโสเหล่านี้จะไม่สวยสดงดงาม มีแต่โรคภัยไข้เจ็บ แต่ปรีชาญาณของปู่ย่าตายายของเราเป็นเหมือนมรดกที่เราต้องรักษาไว้ สังคมใดที่ไม่เห็นคุณค่า ไม่ให้ความเคารพและไม่ดูแลเอาใจใส่ผู้อาวุโสเหล่านี้ เป็นสังคมที่ไร้รากและไม่มีอนาคตเพราะขาดความทรงจำที่ดี”
ในสัปดาห์สุดท้ายของปีพระศาสนจักรให้เราฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ที่ประกอบด้วยพระเยซูเจ้า พระนางมารีย์และนักบุญยอแซฟ ในวันนี้ให้เราได้มอบถวายครอบครัวของเราและสมาชิกทุกคนในครอบครัวและหมู่คณะ บนพระแท่นบูชาเพื่อขอพระพรจากครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ วันฉลองนี้เตือนใจเราถึงความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักรสากล แต่ละครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า

1.         ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ แบบอย่างครอบครัวคริสตชน
ครอบครัวเป็นหน่วยแรกและสำคัญที่สุด เพราะเป็นแผนการของพระเจ้าตั้งแต่แรกสร้างโลก ที่ไม่ทรงประสงค์ให้มนุษย์อยู่โดยลำพัง พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นครอบครัว อีกทั้งตั้งใจให้บุตรของพระเจ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ในครอบครัว ในสภาพที่เหมือนเราทุกอย่างเว้นแต่บาป พระเยซูเจ้าจึงได้เสด็จมาในโลกที่พระองค์ทรงสร้าง ทรงบังเกิดมาในครอบครัวที่มีแม่พระและนักบุญยอแซฟที่นาซาเร็ธ
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ เป็นการระลึกถึงชีวิตครอบครัวของพระเยซูเจ้าซึ่งดำเนินชีวิตในความรัก เห็นอกเห็นใจและเคารพซึ่งกันและกัน เป็นแบบอย่างในการแบ่งปันความยินดี ความรับผิดชอบและการร่วมทุกข์ร่วมสุขในครอบครัว พระศาสนจักรจึงยกย่องให้เป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ และเป็นแบบอย่างของครอบครัวทั้งหลาย นอกนั้น การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ยังเรียกเราให้มุ่งความสนใจไปที่ครอบครัวคริสตชนทุกครอบครัว และวอนขอพระพรจากพระเจ้าสำหรับเราครอบครัวของเราแต่ละคน
พระวรสารไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากนัก แต่เราเข้าใจว่านักบุญยอแซฟเป็นคนที่ยำเกรงพระเจ้า ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์โดยไม่มีเงื่อนไข เป็นบุคคลที่มีหัวใจเปิดสู่พระเจ้า เชื่อฟังและพร้อมจะเผชิญความยากลำบากทุกอย่าง เพื่อปกป้องพระกุมารและแม่พระให้ได้รับความปลอดภัย จึงได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ชอบธรรม” ที่มีความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าครอบครัว ขณะที่แม่พระเป็นคู่ชีวิตที่รับผิดชอบดูแลครอบครัวและมีส่วนในความยากลำบากต่างๆ ในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเงียบๆ
ในพระวรสารของนักบุญมัทธิว ได้แสดงภาพของความเป็นหนึ่งเดียวของครอบครัวนี้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวที่ลึกซึ้งของพระตรีเอกภาพ อันเป็นความสัมพันธ์แห่งความรักที่สมบูรณ์ ที่แสดงออกให้เห็นในชีวิตของพระเยซูเจ้า แม่พระ และนักบุญยอแซฟ นั่นคือ พระเยซูเจ้า องค์สันติราชาได้ทรงส่องสว่างและทำให้ชีวิตของท่านทั้งสองมีชีวิตชีวา เป็นครอบครัวที่มีสันติสุข กลมเกลียว และร่าเริงยินดี

2.         บทเรียนสำหรับเรา
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์และพระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนในปัจจุบันหลายประการ
ประการแรก เราต้องเลียนแบบครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการมองดูแบบอย่าง การส่งเสริมและให้กำลังใจกันของครอบครัวนี้ ซึ่งแม่พระและนักบุญยอแซฟต่างทำงานหนัก ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกันในฐานะของประทานจากพระเจ้า อีกทั้ง ช่วยกันดูแลพระเยซูเจ้าให้เติบโตขึ้นในความเป็นมนุษย์และการเป็นบุตรของพระเจ้า บิดา-มารดาต้องเป็นครูคนแรกที่สอนลูกให้มีความรู้และรู้จักพระเจ้า ประการสำคัญ ต้องมีความรับผิดชอบในการเป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุตรของตน
ประการที่สอง เราต้องทำให้ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ครอบครัวเป็นหน่วยเล็กที่เป็นพื้นฐานของพระศาสนจักรสากล และแต่ละครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์ พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลศีลสมรส เพื่ออวยพรคู่บ่าว-สาวและครอบครัวของเขาให้ศักดิ์สิทธิ์ สามี-ภรรยาจะบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์เมื่อต่างทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ วางใจในพระเจ้าและทำให้พลังของพระจิตปรากฏในชีวิต ผ่านทางการรำพึงภาวนา การอ่านพระคัมภีร์และการไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ ครอบครัวจะศักดิ์สิทธิ์เมื่อมีพระเยซูเจ้าประทับอยู่ท่ามกลาง
ประการที่สาม เราต้องเคารพเชื่อฟังและเลี้ยงดูบิดา-มารดา พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปยังนาซาเร็ธพร้อมกับแม่พระและนักบุญยอแซฟและเคารพเชื่อฟังท่านทั้งสอง ทรงทำงานช่างไม้ สานต่อกิจการของครอบครัวจากนักบุญยอแซฟเพื่อเลี้ยงครอบครัว คนซึ่งเป็นลูกจึงต้องเคารพเชื่อฟังและให้เกียรติบิดา-มารดา หนังสือบุตรสิราบอกเราว่า “บุตรที่ให้เกียรติบิดาจะมีอายุยืน... บุตรที่ละทิ้งบิดาก็เหมือนผู้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า” เราจึงมีหน้าที่ต่อบิดา-มารดา ดูแลและเลี้ยงดูท่านยามชราภาพ มิใช่ปล่อยให้อยู่ตามลำพังและตายอย่างโดดเดียว

บทสรุป
พี่น้องที่รัก การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ควรเป็นโอกาสให้เราได้พิจารณาไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวของเรา การอยู่ร่วมกันระหว่างพ่อ-แม่-ลูกเป็นไปตามรูปแบบของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากน้อยเพียงใด เราจะต้องมีความรักต่อกันตามแบบอย่างของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์  โดยเฉพาะคนที่เป็นสามี-ภรรยาจะต้องรักและซื่อสัตย์ต่อกันต่อกันจนวันตาย ตามคำสัญญาที่เราได้ให้ไว้ในวันแต่งงาน
บิดา-มารดาต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รับผิดชอบต่อครอบครัวและทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์เพื่อจะได้บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ “ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พ่อแม่สามารถให้แก่ลูกได้คือความรักที่พวกเขามีต่อกัน” (Anon) คนที่เป็นบุตรเช่นเดียวกัน ต้องเคารพเชื่อฟังบิดา-มารดา ไม่ทำให้ท่านเสียใจ กตัญญูและดูแลท่านยามแก่เฒ่า ทั้งนี้เพื่อความผาสุกของสังคม ประเทศชาติและพระศาสนจักร ดังคำกล่าวที่ว่า “ครอบครัวดี คนดี สังคมดี”
ขอพระเจ้าประทานพระพรอันอุดมแก่ทุกครอบครัวโอกาสปีใหม่นี้ และตลอดไป
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
28 ธันวาคม 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น