วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กษัตริย์แห่งการรับใช้


กษัตริย์แห่งการรับใช้

วันอาทิตย์
สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลและจักรวาล
ปี A
อสค 34, 11-12, 15-17
1 คร 15, 20-26
มธ 25:31-46

บทนำ

มีเรื่องเล่าว่า สตรีใจศรัทธาคนหนึ่งฝันว่าพระเยซูเจ้าตรัสกับเธอว่าจะมาเยี่ยมบ้านในวันรุ่งขึ้น เธอตื่นขึ้นมาด้วยความปีติยินดี รีบปัดกวาดทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อย สวมใส่เสื่อผ้าชุดใหม่และเตรียมอาหารอย่างดีไว้ต้อนรับ เช้าวันนั้นมีคนมาเคาะประตูบ้าน เธอเข้าใจว่าเป็นพระเยซูเจ้าจึงรีบไปเปิดประตู เธอพบชายแก่คนหนึ่งตัวสั่นเทาด้วยความหนาว ร้องขอเสื้อผ้าใส่กันหนาว เธอพูดกับชายแก่อย่างสุภาพว่า “วันนี้อย่ากวนฉันเลย ฉันกำลังเตรียมต้อนรับพระเยซูเจ้า ขอให้ไปจากบ้านฉันเถิด”

ตอนเที่ยงวันมีอีกคนหนึ่งมา เป็นขอทานยากจนมาขออาหารประทังความหิว เธอรู้สึกผิดหวังและพูดกับขอทานด้วยความโมโหว่า “ฉันไม่มีเวลาและอะไรให้ใครทั้งสิ้น พระเยซูเจ้าจะเสด็จมาบ้านฉันตอนไหนไม่รู้ ฉันกำลังเฝ้าคอยพระองค์อยู่” เธอคอยแล้วคอยเล่า จนกระทั่งเย็นมีคนมาเคาะประตูอีก เธอรีบไปเปิดประตู พบชายแต่งกายสกปรกมีแผลเต็มไปหมด เธอไล่เขาไปพร้อมกับพูดว่า “ไปให้พ้นจากบ้านฉัน เดี๋ยวบ้านฉันจะสกปรก รู้ไหมฉันกำลังเตรียมต้อนรับแขกคนสำคัญอยู่”

เธอเฝ้าคอยพระเยซูเจ้าจนดึกดื่น แต่พระองค์ไม่มาสักที เธอจึงเข้านอนด้วยความผิดหวัง พร้อมกับบ่นว่าพระองค์ที่ไม่ยอมมาพบเธอตามสัญญา ในเวลานั้นเองเธอได้ยินเสียงของพระองค์ตรัสว่า “ลูกรัก..วันนี้ เรามาบ้านของลูกถึงสามครั้ง แต่ลูกไม่ได้ต้อนรับเรา” ทำให้เธอระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน ที่มีผู้คนที่เดือนร้อนและต้องการความช่วยเหลือมาพบเธอ อีกทั้ง ระลึกถึงพระวาจาของพระองค์ที่ว่า “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40)

1.  กษัตริย์แห่งการรับใช้

เมื่อพูดถึงกษัตริย์เรามักจะมองว่าต้องเป็นผู้นำยิ่งใหญ่ ที่มีอำนาจบารมีมาก มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมมูลและอยู่เหนือคนอื่น ซึ่งทุกคนต้องเกรงกลัวและปรนนิบัติรับใช้ ความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้ามีลักษณะแตกต่างจากบรรดากษัตริย์ทั้งหลาย พระองค์ไม่มีข้าทาสบริวาร ไม่มีวังที่ประทับ ไม่มีคทาที่แสดงถึงการเป็นกษัตริย์ ในทางกลับกัน พระองค์มีมงกุฎหนามสวมพระเศียร ร่างกายเปลือยเปล่า พระพักตร์ชุ่มไปด้วยเลือด พระองค์ถูกทิ้งให้อยู่โดยลำพัง ขณะที่คนที่เคยติดตามพระองค์ต่างหนีเอาตัวรอด พระองค์ถูกสบประมาทและเยาะเย้ยจากผู้นำชาวยิวและทหาร

พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งการรับใช้ พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งเรา ทรงเป็น “อิมมานูแอล” ที่ทรงอยู่กับเราจนกระทั่งวาระสุดท้าย อำนาจและการปกครองของพระองค์อยู่ที่การรับใช้ประชาชนโดยไม่คิดถึงตนเอง อาณาจักรของพระองค์เป็นอาณาจักรแห่งความยุติธรรม ความรักและการให้อภัย ดังนั้น เมื่อเราฉลองความเป็นกษัตริย์ของพระองค์ จึงมิใช่ในฐานะผู้ปกครองที่กดขี่และอยู่เหนือคนอื่น แต่ในฐานะผู้รับใช้ ที่รักและให้อภัยโดยยอมตายเพื่อทุกคนบนไม้กางเขน

พระเยซูเจ้าทรงตรัสถึงอำนาจกษัตริย์ของพระองค์ (ในคำสอนเรื่องการพิพากษาครั้งสุดท้าย) ที่เราได้ยินในพระวรสารวันนี้ ซึ่งพระองค์จะเสด็จมาเพื่อประทานรางวัลและลงโทษแก่ทุกคน พระองค์ทรงสัญญาจะประทานรางวัลให้เราอย่างแน่นอน ในทุกสิ่งที่เรากระทำต่อคนยากจนและคนที่ต้องการความช่วยเหลือดังกระทำกับพระองค์เอง เราจึงถูกเรียกร้องให้รับใช้พระองค์ในเพื่อนพี่น้องของเราเดี๋ยวนี้ ด้วยความรักและการอุทิศตน ไม่ต้องรอจนถึงวันสุดท้าย

2.  บทเรียนสำหรับเรา

พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนในการดำเนินชีวิตหลายประการ

ประการแรก จงรับใช้พระคริสตเจ้าในเพื่อนพี่น้อง พระองค์ทรงมอบแบบอย่างแห่งการรับใช้แก่เราในการล้างเท้าบรรดาอัครสาวก เราจึงมีหน้าที่ในการรับใช้ซึ่งกันและกัน บนพื้นฐานของความรักและการอุทิศตน เป็นต้นกับคนยากจน คนเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ จงปฏิบัติต่อกันโดยสำนึกว่าเรากำลังปฏิบัติต่อพระคริสตเจ้า

ประการที่สอง จงรักและช่วยเหลือเพื่อนพี่น้อง ในวาระสุดท้ายแห่งการพิพากษา พระเจ้าจะไม่ถามว่าเราได้สวดภาวนามากน้อยแค่ไหน ได้ปฏิบัติศาสนกิจอย่างไร แต่พระองค์จะถามว่า “เราได้รักและช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องมากน้อยแค่ไหน” เราจะถูกพิพากษาบนพื้นฐานของความรักเท่านั้น นี่คือมาตรฐานเดียวที่พระเจ้าจะพิพากษาเรา ไม่ว่าเราจะรู้จักพระองค์หรือไม่ก็ตาม

ประการที่สาม จงต้อนรับและเคารพพระคริสตเจ้าในฐานะกษัตริย์ ในวันพิพากษาเราจะถูกตัดสินให้อยู่กับพระองค์หรือห่างจากพระองค์ แล้วแต่ว่าในโลกนี้เราได้ต้อนรับพระองค์หรือไม่ การต้อนรับพระองค์ที่แท้จริงคือการต้อนรับพี่น้องของเรา ที่ต่ำต้อยและลำบากทุกข์ร้อนทุกคนโดยไม่มียกเว้น เพราะในการรับสภาพเป็นมนุษย์ พระเยซูเจ้าทรงเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์ทุกคน เราจะต้องจำและมองเห็นพระองค์ในเพื่อนพี่น้องที่ต่ำต้อยและทุกข์ยากเดือดร้อนเหล่านั้น

บทสรุป

พี่น้องที่รัก ความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้าแตกต่างจากบรรดากษัตริย์ทั้งหลาย พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่รักโดยไม่มีเงื่อนไข รักแม้กระทั่งศัตรู ทรงเป็นกษัตริย์ที่รับใช้และมอบชีวิตเพื่อคนอื่น มิใช่ให้คนอื่นรับใช้ และทรงเป็นกษัตริย์ที่ให้อภัยเสมอ ให้อภัยแม้คนที่ประหารพระองค์ อาณาจักรของพระองค์จึงเป็นอาณาจักรแห่งความรัก การรับใช้ และการให้อภัย

พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ของเราทุกคน ที่จะเสด็จมาพิพากษาเราในวาระสุดท้ายอย่างรุ่งโรจน์ ทุกครั้งและทุกแห่งที่เราทำตามพระประสงค์ของพระองค์ ในการรัก รับใช้และให้อภัยซึ่งกันและกัน อาณาจักรของพระองค์อยู่ที่นั่น และที่ไหนที่พระเจ้าทรงปกครอง ที่นั่นจะมีแต่ความยุติธรรม สันติภาพและสันติสุข ดังนั้น ขอให้เราได้ดำเนินชีวิตเป็นพลเมืองที่ดีในอาณาจักรของพระองค์ ในความรัก การรับใช้ และการให้อภัยด้วยใจกว้าง เป็นต้นกับคนที่ต่ำต้อยและต้องการความช่วยเหลือ

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
18 พฤศจิกายน 2011

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น