วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554

สารวัดนาบัว, ปีที่ 1 ฉบับที่ 34

สารวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
ปีที่ 1 ฉบับที่ 34, วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554): http.//dondaniele.blogspot.com
บ้านนาบัว หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120. 086-231-3231
คุณพ่อพงษ์ศักดิ์ นารินรักษ์ พร้อมญาติพี่น้องทำบุญอุทิศให้ ยอแซฟประมง-อากาทาใบอ่น นารินรักษ์
โอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม2010
 สมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเป็นเจ้า

ในวันแรกของปีใหม่ พระศาสนจักรให้เราสมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเป็นเจ้า มารดาของพระเยซูเจ้า ผู้เป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ นอกนั้น ในวันนี้พระศาสนจักรยังให้เราทำการฉลอง “วันสันติภาพสากล” และเชิญชวนเราแต่ละคนให้ภาวนาเพื่อสันติภาพของโลก
คุณพ่อพงษ์ศักดิ์ นารินรักษ์ เป็นประธานมิสซาปลงศพ อันนาบุญทอน นารินรักษ์ วันที่ 31 ธันวาคม

พระนางมารีย์ได้เป็นแบบอย่างสำหรับเราในด้านความเชื่อ ความหวัง และการภาวนา ด้วยการน้อมรับแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้าในการเป็นมารดาของพระเจ้า ทำให้โลกมีองค์พระผู้ช่วยให้รอด พระเจ้าและมนุษย์ที่ประทับท่ามกลางเราจนกระทั่งวาระสุดท้าย
อันนาบุญทอน แต่งงานกับเปาโลโสภณ นารินรักษ์ ลุงของคุณพ่อพงษ์ศักดิ์ มีบุตร-ธิดาด้วยกัน 5 คน

บทอ่านที่ 1: หนังสือกันดารวิถี 6:22-27

การอวยพรของพระเจ้าต่อประชากรของพระองค์เป็นความหวังสำหรับพวกเขา ที่ทำให้พวกเขามีกำลังใจในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน วันนี้เราถูกเรียกร้องให้ไว้ใจพระเจ้าและร้องขอพระพรจากพระองค์ในวันแรกของปีเช่นเดียวกัน ให้เราวอนขอพระกรุณาจากพระเจ้าสำหรับทุกคน
พี่น้องชาวนาบัวต้อนรับคณะผ้าป่า ซึ่งบรรดาบุตรหลานนำมาถวายให้โรงเรียนบ้านนาบัว วันที่ 31 ธันวาคม

บทอ่านที่ 2: จดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวกาลาเทีย 4:4-7

นักบุญเปาโลได้ให้เหตุผลที่เราต้องมีความหวังในการเริ่มต้นปีใหม่ นั่นคือ พระคริสตเจ้า บุตรพระเจ้าได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับเรา พระองค์ทรงเป็นพี่ชายของเรา ทรงเป็นเหมือนเราทุกอย่างยกเว้นบาป พระเจ้าได้ทรงรับเราเป็นบุตรของพระองค์ ดังนั้น เราคริสตชนจะต้องเป็นพยานถึงความรักของพระเจ้าที่เปิดเผยให้เราทราบในพระคริสตเจ้า
ขบวนแห่กองผ้าป่าของพี่น้องชาวนาบัว จากวัดไปคบงันที่โรงเรียนบ้านนาบัว

พระวรสาร: นักบุญลูกา 2:16-21

พระวรสารวันนี้ได้นำเสนอแม่พระในฐานะที่เป็นต้นแบบแห่งชีวิตใหม่ในพระคริสตเจ้า ซึ่งเราทุกคนล้วนต้องการในปีใหม่นี้ แม่พระได้เก็บเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นไว้ในใจและใคร่ครวญดู (ลก 2:19, 51) ให้เราได้ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของแม่พระ ในการฟังเสียงของพระเจ้าที่ตรัสกับเรา และรักษาพระวาจาของพระองค์ให้คงอยู่ในใจเรา
พ่อตู้เถิง มุลสุทธิ วัย 87 ปี (บิดาของคุณพ่อสุรชาติ มุลสุทธิ) ให้พรลูกหลานที่มาขอพรวันส่งท้ายปีเก่า

ข่าวสารและประชาสัมพันธ์

1) ขอบคุณ คุณพ่อสุรชาติ มุลสุทธิ อธิการบ้านเณรฟาติมาท่าแร่ ที่ให้เกียรติมาเป็นประธานพิธีมิสซาโมทนาคุณพระเจ้า โอกาสวันขึ้นปีใหม่สำหรับพี่น้องชาวนาบัว
คุณรักษ์ เรืองสวัสดิ์ มอบเงินผ้าป่าให้คุณศรีอุดม เมาบุดา ประธานฝ่ายการศึกษาโรงเรียนบ้านนาบัว

2) ขอบคุณพี่น้องชาวนาบัวทุกคนที่ให้การสนับสนุนงานของวัดและโครงการต่างๆ ของวัดด้วยดีเสมอมา อย่างที่พี่น้องเห็นเรากำลังบูรณะวัดไม้ของเรา เวลานี้กำลังขุดดินที่ถมพื้นวัดออกเพื่อทำคันกั้นดินและที่นั่งโดยรอบ พร้อมกับทำทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำขัง ทำกำแพงด้านหลัง ส่วนการซ่อมแซมฝาผนัง พื้น และส่วนที่ชำรุดจะเริ่มหลังปีใหม่นี้
คุณศรีอุดม เมาบุดดา มอบเงินผ้าป่าให้กับ ผอ.พิเชษฐ์ ไชยบุญตา ผอ.โรงเรียนบ้านนาบัว

3) ของเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทำผ้าป่า เพื่อฉลองวัดของเราในวันเสาร์ที่ 22 มกราคมนี้ และขอเชิญร่วมฉลองวัดพระนามเยซู โพนสวาง วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม มิสซาเวลา 10.30 น. โดยพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์
คุณพ่อพงษ์ศักดิ์ นารินรักษ์ เป็นประธานมิสซาสำหรับคณะผ้าป่าที่โรงเรียนและมอบเงินสมทบ 

4) วันอังคาร-พุธที่จะถึงนี้ คุณพ่อจะไปเข้าเงียบที่สำนักมิสซังฯ สกลนคร ของคำภาวนาเพื่อการเข้าเงียบของบรรดาพระสงฆ์ด้วย วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม เป็นวันศุกร์ต้นเดือน มีการส่งศีลคนป่วยและผู้สูงอายุ
พี่น้องชาวนาบัวผูกข้อต่อแขนเพื่อเป็นการขอบคุณคณะผ้าป่าหลังพิธีมิสซา เมื่อวันที่ 1 มกราคม

5) เงินทานวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม ได้ 1,780.- บาท, รับเงินต้นมิสซาอุทิศให้ยอแซฟประมง-อากาทาใบอ่อน (30 ธ.ค.) 11,090.- บาท, รับเงินต้นมิสซาปลงศพ อันนาบุญทอน นารินรักษ์ (31 ธ.ค.) 4,300.-บาท; เงินทานวัดพระนามเยซู โพนสวาง ได้ 684.- บาท
ผู้ใหญ่ชาญชัย นาแว่น เป็นตัวแทนชาวนาบัวมอบของที่ระลึกให้คณะผ้าป่า

บัญชีรายรับ-รายจ่ายวันพระคริสตสมภพ

รายรับ
1. รับเงินทานคืนคริสต์มาส (24 ธ.ค.) 1,331 บาท
2. รับเงินทานวันคริสต์มาส (25 ธ.ค.) 11,277 บาท
3. รับเงินค่าไฟฟ้าจากแม่ค้าขายของ 3,030 บาท
4. รับเงินบริจาคซื้อของขวัญ 700 บาท
5. รับเงินขายสลากคริสต์มาส 11,250 บาท
6. รับเงินทานถ้ำพระกุมาร 1,400 บาท
7. รับเงินบาตรสวรรค์ 340 บาท
8. รับเงินขายพวงมาลัย (25 ธ.ค.) 3,237 บาท

รวมรับ 32,565 บาท

รายจ่าย
1. จ่ายสนับสนุนการทำดาว 13 กลุ่ม 13,000 บาท
2. จ่ายซื้อชุดละครเทวดาและเครื่องแต่งหน้า 3,700 บาท
3. จ่ายซื้อไฟกระพริบ สายไฟและปลั๊ก 3,916 บาท
4. จ่ายซื้อขนมปังปี๊บและรางวัลการแสดง 3,080 บาท
5. จ่ายซื้อของรางวัลสลากคริสต์มาส 2,855 บาท
6. จ่ายให้สภาวัดเตรียมงานและค่าอาหาร 5,000 บาท
7. จ่ายค่ารางวัลดาว 3,800 บาท
8. จ่ายค่าไฟฟ้าในงานและค่าเช่าหม้อแปรง 1,276 บาท

รวมจ่าย 36,627 บาท
รายจ่ายสูงกว่ารายรับ 4,062 บาท

วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554

พระคริสตเจ้าแสดงองค์

วันที่ 2 มกราคม สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ ปี A B C
อสย 60:1-6
อฟ 3:2-3, 5-6
มธ 2:1-12

บทนำ

พระคัมภีร์ไม่ได้บอกเราเกี่ยวกับโหราจารย์หรือนักปราชญ์จากทิศตะวันออกว่ามีทั้งหมดกี่คน ที่ออกเดินทางติดตามดาวไปยังเมืองเบธเลเฮม แต่ธรรมประเพณีที่เข้าใจกันทั่วไปมีทั้งหมด 3 คน ได้แก่ กาสปาร์ (Caspar) เมลคิออร์ (Melchior) และบัลทาซาร์ (Balthasar) ยังมีอีกธรรมประเพณีหนึ่งที่พูดถึงโหราจารย์คนที่ 4 นามว่า อาร์ตาบัน (Artaban) ซึ่งเตรียมออกเดินทางติดตามดาว พร้อมกับของมีค่าอย่าง บุษราคัม ทับทิม และไข่มุกเม็ดงาม เพื่อมอบแก่กษัตริย์องค์ใหม่ที่บังเกิดมา

ในระหว่างเดินทางไปสมทบกับคณะของโหราจารย์ อาร์ตาบัน ซึ่งมีอาชีพเป็นหมอได้หยุดรักษาผู้เดินทางคนหนึ่งที่ไม่สบาย ทำให้เขาล่าช้าและไปไม่ทันกับคาราวานของโหราจารย์ท่านอื่น เขาต้องเดินทางโดยลำพังและได้ขายบุษราคัมที่เขาเตรียมไว้สำหรับกษัตริย์องค์ใหม่ เพื่อซื้ออูฐและของจำเป็นสำหรับการเดินทางข้ามทะเลทรายและมาถึงเบธเลเฮมช้าเกินไป เขาพบทหารทุกหนทุกแห่งกำลังออกปฏิบัติตามคำสั่งของกษัตริย์เฮโรด ในการฆ่าเด็กชายตั้งแต่อายุสองขวบลงมา เขาได้ติดสินบนหัวหน้านายทหารด้วยทับทิม ทำให้เด็กทุกคนในหมู่บ้านรอดจากการถูกสังหาร และได้ออกตามหากุมารที่เกิดมาเป็นกษัตริย์องค์ใหม่

อาร์ตาบันได้ออกตามหาพระกุมารอย่างไร้ผลเป็นเวลาถึง 33 ปี และที่สุดเขาได้เดินทางไปกรุงเยรูซาเล็มในวันที่มีการตรึงกางเขนชายที่ชื่อ “เยซู” อาร์ตาบันได้เร่งรุดไปยังเขากัลป์วารีโอ เพื่อติดสินบนทหารยามโรมันด้วยไข่มุกเม็ดงามเพื่อช่วยชีวิตชายนั้น ซึ่งเขาได้ยินมาว่าเป็นกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย ในระหว่างทางนั้นเอง เขาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกจับตัวไปขายเป็นทาส เขาได้ใช้ไข่มุกมีค่าเม็ดนั้นในการไถ่เธอให้เป็นอิสระ

ที่สุด อาร์ตาบันได้มาถึงเนินเขากัลวารีโอที่มีการตรึงกางเขน หัวใจของเขาแทบแตกสลายเมื่อเขาเห็นพระเยซูเจ้าถูกตรึงบนไม้กางเขนโดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรพระองค์ได้ แต่พระเยซูเจ้ามองมายังเขาและตรัสกับเขาว่า “อย่าเสียใจไปเลย อาร์ตาบัน ท่านได้ช่วยเราตลอดชีวิตของท่าน เพราะเมื่อเราหิว ท่านได้ให้เรากิน เมื่อเรากระหาย ท่านได้ให้เราดื่ม เมื่อเราเปลือยเปล่า ท่านได้ให้เรานุ่งห่ม เมื่อเราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านได้ต้อนรับเรา” ดูเหมือนเขาพลาดหวังในการพบกับพระเยซูเจ้า แต่ในความเป็นจริงเขาคือคนที่ฉลาดที่สุดซึ่งได้พบกับพระเยซูเจ้าตลอดชีวิตของเขา

1. พระคริสตเจ้าแสดงองค์

วันฉลอง “พระคริสตเจ้าแสดงองค์” (Epiphany) เป็นวันระลึกถึงการไขแสดงของพระเจ้าแก่บรรดาคนต่างชาติ โดยมีนักปราชญ์จากทิศตะวันออกหรือโหราจารย์เป็นตัวแทน แรกทีเดียววันฉลองนี้ตรงกับวันที่ 6 มกราคม ซึ่งเป็นวันฉลองที่ใหญ่มากสำหรับพระศาสนจักรตะวันออก เพื่อแสดงให้เห็นว่า พระคริสตเจ้าทรงเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ ผู้ทรงทำให้คำทำนายของประกาศกอิสยาห์ในบทอ่านแรกปรากฏเป็นจริง “ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์... นานาชาติจะเดินมาหาความสว่างของเจ้า” (อสย 60:3)

นักบุญเปาโลได้ขยายความให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นว่า พระเจ้าได้ไขแสดงและเปิดเผยพระองค์ให้เราได้ทราบผ่านทางพระคริสตเจ้าว่า ทรงรักมนุษย์ทุกคน ทรงเรียกพวกเขาให้มาสัมผัสแสงสว่างแห่งความรอดไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน ทำให้ “คนต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกายเดียวกัน ร่วมรับพันธสัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซูอาศัยข่าวดี” (อฟ 3:6)

พระเยซูเจ้าทรงเป็นความรอดพ้นของมนุษย์ทุกคน ทุกเชื้อชาติ มิใช่แต่เฉพาะสำหรับชาวยิวเท่านั้น “เราบอกท่านทั้งหลายว่า คนจำนวนมากจะมาจากทิศตะวันออกและตะวันตก และจะนั่งร่วมโต๊ะกับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ ในพระอาณาจักรสวรรค์” (มธ 8:11) อีกทั้งได้สั่งบรรดาอัครสาวกของพระองค์ให้ไปสั่งสอนนานาชาติทั่วโลก (มธ 28:19) ดังนั้นในปัจจุบัน จึงไม่มีประชากรที่ทรงเลือกสรร ไม่มีชาวต่างชาติ และไม่มีคนที่อยู่ข้างนอก แต่ทุกคนได้รับการเรียกให้มารู้จักพระองค์ ทุกคนล้วนเป็นบุตรที่พระเจ้าทรงรักและเป็นพี่น้องกัน ไม่มีการแบ่งแยกแตกต่างทางเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และชั้นวรรณะ

2. บทเรียนสำหรับเรา

บรรดาโหราจารย์ไม่เพียงแต่สังเกตเครื่องหมายแห่งกาลเวลา แต่พวกเขาได้ออกติดตามดาวไปยังเบธเลเฮม พวกเขาได้ตอบสนองการเรียกของพระเจ้าและออกเดินทางโดยปราศจากความกลัวไปยังดินแดนที่ไม่รู้จักและอันตราย ไม่มีอะไรหยุดยั้งความตั้งใจของพวกเขาได้ ที่สุด พวกเขาได้มาถึงที่หมาย สถานที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นที่เกิดของกษัตริย์องค์ใหม่ แต่ความเชื่อทำให้พวกเขามั่นใจว่า นี่คือกษัตริย์ พระผู้ไถ่ของโลก พวกเขาได้คุกเข่าลงนมัสการพระองค์ พร้อมกับถวายทองคำ กำยาน และมดยอบแด่พระองค์ พระเจ้าได้ทำให้ความฝันของพวกเขาสมบูรณ์และกลับไปด้วยความยินดีที่ได้เห็นองค์พระเจ้า

เมื่อพระเจ้าทรงรับเอากายเป็นมนุษย์ ได้ทรงเปิดเผยให้เราทราบถึงความรักและความเมตตาของพระองค์ เราจึงต้องตอบสนองต่อเครื่องหมายที่พระเจ้าประทานแก่เราเหมือนโหราจารย์ และมอบตัวเราเป็นของขวัญแด่พระองค์ ดาวได้นำโหราจารย์มานมัสการพระกุมารเจ้า เราคริสตชนแม้มิใช่ชาวยิวแต่มีบุญได้มารู้จักพระคริสตเจ้า โดยมีพระศาสนจักรเป็นเหมือนดาวที่นำเรามานมัสการพระองค์ ผ่านทางบรรดาธรรมทูต และผู้แพร่ธรรมในอดีต ที่ได้นำทางเราให้มารู้จักและได้รับแสงสว่างแห่งพระวรสาร เป็นบุตรของพระเจ้าเท่าเสมอกัน และเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเดียวกันคือพระศาสนจักร

ให้เราได้ดำเนินชีวิตเป็นดาวนำคนอื่นมาหาพระคริสตเจ้า ผ่านทางการบอกเล่าเรื่องราวของพระคริสตเจ้าให้คนอื่นได้รับทราบ ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนอื่นได้เห็น ชีวิตของเราแต่ละคนสามารถเป็นดาวที่ส่องสว่างให้คนอื่นได้เห็นถึงความรัก การให้อภัย และการช่วยให้รอดขององค์พระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ทุกคน และช่วยให้พวกเขาดำเนินในหนทางที่ถูกต้อง ให้เราได้ตระหนักว่าพระเจ้าทรงใกล้ชิดเรา ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องมีความใกล้ชิดกัน ไม่ถือใครคนหนึ่งเป็นคนนอก แต่ทุกได้รับการเรียกให้มาเป็นครอบครัวเดียวกัน

บทสรุป

พี่น้องที่รัก วันนี้เราสมโภชการสำแดงองค์ของพระเจ้าในธรรมชาติมนุษย์ที่มองเห็นได้ เพื่อความรอดของมนุษย์ทั้งมวล พระเจ้าทรงใช้ดาวดวงหนึ่งปรากฏบนท้องฟ้า เพื่อนำทางบรรดาโหราจารย์ไปยังสถานที่ซึ่งพวกเขาสามารถพบกับพระเจ้าในรูปของกุมารน้อยคนหนึ่ง พระเจ้าได้ทรงดลใจพวกเขาให้เดินทางจากแดนไกล เพื่อแสดงให้เห็นว่ามนุษย์ในโลกนี้ได้รับการเรียกให้มาพบพระพักตร์พระองค์ เพื่อรู้จักและนมัสการพระองค์

เราแต่ละคนสามารถนำคนอื่นให้มาพบพระเยซูเจ้าได้ อาศัยความรู้ความสามารถต่างๆ ที่พระเจ้าประทานให้เรา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตในความรักต่อกันที่แสดงออกให้เห็นในภาคปฏิบัติ ในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การแบ่งปันสิ่งที่เรามีแก่คนอื่นที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ ที่สำคัญ ในการให้อภัยซึ่งกันและกันด้วยใจกว้าง

นอกนั้น การฉลองพระคริสตเจ้าแสดงองค์ ยังเป็นการไตร่ตรองเกี่ยวกับการเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติของพระคริสตเจ้า ผ่านทางโหราจารย์ที่ติดตามดาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง ความยินดี และสันติสุข ผ่านทางศีลล้างบาปเราได้รับแสงสว่างจากองค์แห่งความสว่างของโลกคือพระคริสตเจ้า ดังนั้น เราจึงได้รับการเรียกให้มาเป็นแสงสว่างส่องโลก ในการประกาศข่าวดีแห่งความหวัง ความยินดี และสันติสุขกับผู้อื่น ซึ่งพระคริสตเจ้าได้ประทานมาให้เราด้วย เช่นเดียวกัน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
1 มกราคม 2011