อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา ปี B |
ลนต 13:1-2, 45-46 1
คร 10:23-11:1 มก 1:40-45 |
บทนำ
ซิสเตอร์รูธ
เฟา (Ruth Pfau) เป็นแพทย์หญิงชาวเยอรมันผู้อุทิศชีวิตเพื่อต่อสู้กับโรคเรื้อนในปากีสถาน
เธอเกิดที่เมืองไลพ์ซิก ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 1929 บ้านของเธอถูกระเบิดทำลายช่วงสงครามโลกครั้งที่
1 เธอได้ไปเรียนแพทย์ที่ประเทศฝรั่งเศส และต่อมาได้เข้าร่วมสมาคมธิดาแห่งดวงหทัยของพระนางมารีย์
(Society of Daughters of the Heart of Mary) ทำให้เธอเป็นที่รู้จักและเรียกขานว่า คุณแม่เทเรซาแห่งปากีสถาน
ซิสเตอร์เฟาเดินทางมาที่เมืองท่าการาจีทางตอนใต้ปี
1960
และใช้เวลาครึ่งศตวรรษดูแลผู้คนที่ป่วยและยากจนที่สุดในประเทศ เธอเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์คนโรคเรื้อนแห่งพระนางมารีย์ที่เมืองการาจี
โรคเรื้อนเป็นปัญหาในปากีสถานตั้งแต่ทศวรรษ 1950 จนถึงประมาณปี 1996 ซึ่งซิสเตอร์รูธ
เฟาว์มีบทบาทสำคัญในความพยายามของปากีสถานและองค์การอนามัยโลกในการควบคุมโรคนี้
โรคเรื้อนเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่สุดสมัยพระเยซูเจ้า
สามารถติดต่อและทำลายบุคคล ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และศาสนา ซิสเตอร์รูธ เฟา
ได้ทำเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าในพระวรสารในการดูแลและรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อนในปากีสถาน
ในวันที่เธอเสียชีวิต 10 สิงหาคม 2017 ขณะอายุ 87 ปี นายกรัฐมนตรีชาฮิด คาคาน
อับบาซี แสดงความเสียใจโดยกล่าวว่า “เธออาจจะเกิดในเยอรมนี
แต่หัวใจของเธออยู่ที่ปากีสถานเสมอ”
1. การสัมผัสรักษาด้วยรัก
พระวรสารวันนี้
ได้ให้ภาพตรงข้ามกับสิ่งที่ชาวยิวเชื่อและปฏิบัติต่อคนโรคเรื้อน “โรคเรื้อนเป็นการลงโทษของพระเจ้าไหม”
หากการปฏิบัติต่อคนโรคเรื้อนตามที่หนังสือเลวีนิติบรรยายเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า
พระเยซูเจ้าซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมและส่งมา คงไม่รักษาชายโรคเรื้อนคนนั้น
ในอีกด้านหนึ่ง
โรคเรื้อนเป็นโรคชนิดหนึ่งเหมือนโรคอื่นทั้งหลายที่พระเยซูเจ้าสามารถรักษาให้หายได้
ชายที่เป็นโรคเรื้อนต้องการพิสูจน์ความจริงนี้ เขาได้ละเมิดกฎของโมเสสที่บอกให้อยู่ห่างจากผู้คน
เขามาเฝ้าพระเยซูเจ้าและคุกเข่าลงอ้อนวอนว่า “ถ้าพระองค์พอพระทัย
พระองค์ย่อมสามารถรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” (มก 1:40) พระเยซูเจ้าทรงสงสารตื้นตันพระทัย ยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขาและตรัสว่า “เราพอใจ
จงหายเถิด” (มก 1:41) เป็นการสัมผัสรักษาด้วยรักที่พิสูจน์ให้เห็นว่า โรคเรื้อนมิใช่การลงโทษของพระเจ้า
พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า ไม่มีโรคชนิดไหนทำให้มนุษย์เป็นมลทิน
ที่ต้องถูกตัดขาดไม่ให้ร่วมพิธีทางศาสนา ทรงปลอบใจคนโรคเรื้อนด้วยการสัมผัสเขา
ตามกฎของโมเสส ใครที่สัมผัสคนโรคเรื้อนต้องเป็นมลทินจนถึงเย็น พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่า
ความรักและความเมตตากรุณาของพระเจ้ายิ่งใหญ่เหนือกฎเกณฑ์ใด ๆ และมีต่อมนุษย์ทุกคนโดยไม่ยกเว้น
พระองค์เสด็จมาเพื่อตามหาแกะผลัดฝูง ทรงกางพระกรต้อนรับทุกคนด้วยความรักหาที่สุดมิได้
2. บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก เราต้องเห็นคุณค่าของมนุษย์ทุกคน
พระเยซูเจ้าทรงสอนเราและผู้ติดตามพระองค์ให้สวมกอดและเห็นคุณค่าของมนุษย์ด้วยกัน
โดยเฉพาะคนต่ำต้อยด้อยค่าในสายตาของเรา คนถูกทอดทิ้ง หรือถูกสังคมรังเกียจ เช่น
ผู้ติดเชื่อ HIV โรคโควิด 19 ทุกคนเป็นลูกของพระเจ้าที่ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่
เยียวยารักษา และช่วยเหลือเท่าเสมอกัน
ประการที่สอง
เราต้องมีใจเมตตากรุณาและพร้อมช่วยเหลือทุกคน พระเยซูเจ้าทรงสงสารตื้นตันพระทัย
ด้วยการยื่นมือสัมผัสและรักษาคนโรคเรื้อน พระองค์ไม่ได้รักษาด้วยคำพูด
แต่ด้วยการกระทำ เราต้องทำบางสิ่งบางอย่างในการช่วยคนเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ
ไม่มีใครถูกแบ่งแยก
หรือตัดขาดจากหมู่คณะ พระองค์ทรงต้องการเราเป็นเครื่องมือในการสัมผัสรักษาด้วยความรัก และนำทุกคนให้หันมาหาพระเจ้า
ประการที่สาม เราต้องอธิษฐานภาวนาด้วยใจสุภาพ คนโรคเรื้อนมีท่าทีสุภาพ
เข้ามาเฝ้าและคุกเข่าลงอ้อนวอนพระเยซูเจ้า เราต้องมีท่าทีเช่นเดียวกัน
เพื่อขอให้พระองค์รักษาโรคเรื้อนฝ่ายวิญญาณที่แปดเปื้อนด้วยบาปให้สะอาด เลียนแบบนักบุญเปาโลด้วยการยึดเอาพระเยซูเจ้าเป็นแบบอย่าง
มองทุกอย่างในแง่ดีและทำทุกอย่างเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า “เมื่อท่านจะกินจะดื่มหรือทำอะไรก็ตาม
จงทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด” (1
คร 10:31)
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนโรคเรื้อนและนำเขากลับมาสู่หมู่คณะอีกครั้ง ด้วยการยื่นมือสัมผัสและรักษาเขา เป็นการสัมผัสรักษาด้วยความรักโดยไม่รู้สึกรังเกียจ
การกระทำของพระองค์ทำให้เราตระหนักว่า พระเมตตากรุณาและความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่และอยู่เหนือกฎเกณฑ์ใด
ๆ โดยเฉพาะคนถูกทอดทิ้งและถูกตัดขาดจากสังคม เราต้องพร้อมยื่นมือสัมผัสด้วยความรัก
ให้ความช่วยเหลือด้วยเต็มใจ และเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคนโดยไม่แบ่งแยก
ปัจจุบันโรคที่แพร่ละบาดไม่ใช่โรคเรื้อน แต่เป็นโรคแห่งความเกลียดชังและขาดความรัก
พระเยซูเจ้าประทับท่ามกลางเราและทรงประสงค์ให้เราสานต่อพันธกิจของพระองค์
ในการสัมผัสรักษาและนำทุกคนให้มาเป็นหนึ่งเดียวกัน ศิษย์พระคริสต์ได้รับการเรียกให้เจริญชีวิตความเชื่อในหมู่คณะ
เป็นเครื่องหมายแห่งความรักและความเมตตากรุณาของพระเจ้า
ต้องไม่มีใครถูกตัดขาดจากหมู่คณะ หรือถูกทอดทิ้งโดยที่เราไม่ได้ยื่นมือช่วยเหลือ
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
ID
LINE : dondaniele
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร
9 กุมภาพันธ์ 2024
ที่มาภาพ : https://www.manitobacopticfestival.ca/he-talks-hall/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น