วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

คำแนะนำในการเป็นผู้นำข่าวดี

 

คำแนะนำในการเป็นผู้นำข่าวดี

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา

ปี C

อสย 66:10-14

กท 6:14-18

ลก 10:1-12, 17-20

บทนำ

นักบุญฟรังซิส อัสซีซี เกิดในครอบครัวมั่งคั่ง ในวัยหนุ่มได้ใช้ชีวิตเหลวแหลก ความเป็นคนใจกว้างในการกินดื่มทำให้มีเพื่อนฝูงมาก ต่อมาฟรังซิสเกิดความรักและสนใจคนไร้ที่อยู่และถูกทอดทิ้ง โดยได้แรงผลักดันมาจากข้อความในพระคัมภีร์ หนังสือปฐมกาลที่บอกว่า ทุกคนถูกสร้างมาตามพระฉายาของพระเจ้า (ปฐก 1:27) และพระวรสารนักบุญมัทธิวที่ว่า ทุกสิ่งที่เราทำกับพี่น้องที่ต่ำต้อย เรากำลังทำกับพระเยซูเจ้า (มธ 25:40)

เหตุการณ์ซึ่งเปลี่ยนชีวิตของฟรังซิสอย่างสิ้นเชิงคือ วันหนึ่งขณะถวายพิธีบูชาขอบพระคุณ และได้อ่านพระวรสารที่เราได้ยินวันนี้ ฟรังซิสรู้สึกสะกิดใจจากคำแนะนำของพระเยซูเจ้า ให้ประกาศข่าวดีโดยไม่นำสิ่งใดติดตัวไป แม้กระทั่งอาหารและเงินทอง คำแนะนำนี้ได้กลายเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของท่านและหมู่คณะ ในการไปประกาศข่าวดีอย่างยากจนตามหมู่บ้านต่าง ๆ

พระวรสารวันนี้ได้บรรยายให้เราทราบถึงวิธีการที่พระเยซูเจ้าทรงส่งศิษย์ 72 คนไปยังเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ เพื่อประกาศข่าวดีและเตรียมทางสำหรับพระองค์ อีกทั้งได้ทรงให้คำแนะนำบรรดาศิษย์ในการปฏิบัติตนขณะประกาศข่าวดี นี่เป็นพันธกิจของคริสตชนทุกคนที่ต้องนำไปปฏิบัติ ในการประกาศข่าวดีของพระเยซูเจ้ากับผู้มิใช่คริสตชน หรือพี่น้องต่างความเชื่อ ตามบทบาทและฐานะของเราแต่ละคน

1.        คำแนะนำในการเป็นผู้นำข่าวดี

มีเพียงนักบุญลูกาเท่านั้นที่พูดถึงพันธกิจในการส่งศิษย์ 72 คนไปประกาศข่าวดี เหมือนกับโมเสสได้เลือกผู้อาวุโส 72 คนเพื่อนำทางและปกครองประชาชนในพันธสัญญาเดิม ลูกาได้นำเสนอพระเยซูเจ้าในฐานะโมเสสคนใหม่ จำนวนศิษย์ 72 คนเป็นตัวแทนของชนชาติต่าง ๆ ในโลกสมัยพระเยซูเจ้า เพื่อบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของพระองค์ ที่ทรงประสงค์ให้ข่าวดีเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าไปสู่มนุษย์ทุกคน ทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ และพระประสงค์นี้สำเร็จได้อาศัยเราแต่ละคน ซึ่งเป็นผู้นำข่าวดีแห่งสันติสุขของพระองค์

พระเยซูเจ้าทรงแนะนำบรรดาศิษย์ในพันธกิจนี้ “อย่านำถุงเงิน ย่าม หรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง” (ลก 10:4) ทรงบอกล่วงหน้าด้วยว่า พวกเขาถูกส่งไปดุจ “ลูกแกะในฝูงสุนัขป่า” (ลก 10:3) ทรงให้แนวทางง่าย ๆ คือไปยังบ้านที่ต้อนรับพวกเขา “จงพักอยู่ที่นั่น กินและดื่มของที่พวกเขาจะนำมาให้” (ลก 10:7)  หลีกเลี่ยงการแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง เพราะพวกเขาถูกส่งไปเป็นพยาน ดังนั้น ต้องไม่ขึ้นกับสิ่งใด หรือบุคคลใด นอกจากพระจิตเจ้าและพระญาณเอื้ออาทรของพระองค์

พันธกิจนี้มิใช่โครงการของมนุษย์แต่เป็นแผนการของพระเจ้า ซึ่งบรรดาศิษย์ต้องอาศัยพละกำลังจากพระองค์ในการปฏิบัติงาน ร่วมส่วนในงานของพระเจ้า เป็นองค์พระเจ้าที่ทรงทำงานในเราและผ่านทางเรา ประทานพละกำลังในการประกาศการประทับอยู่ของพระองค์ในชีวิตเรา ดังนั้น การมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า (ผู้เป็นเจ้าของนา) จึงเป็นสิ่งจำเป็น นั่นคือเราต้องเป็นบุคคลแห่งการอธิษฐานภาวนา เพื่อมีชีวิตสนิทสัมพันธ์กับพระองค์

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้า ผู้เป็นอาจารย์ผ่านทางการอธิษฐานภาวนา ศิษย์พระคริสต์ต้องเป็นบุคคลแห่งการอธิษฐานภาวนา ไม่ผูกติดอยู่กับสิ่งของโลกนี้ซึ่งไม่จีรังยั่งยืน แต่ใช้มันเพื่อนำผู้อื่นให้มาพบพระเยซูเจ้า เราต้องเป็นผู้นำความรักและสร้างสันติสุขให้บังเกิดขึ้นทุกแห่งทุกเวลา เราคงไม่สามารถแบ่งปันความรักกับใคร หากเราไม่ดำเนินชีวิตในความรักต่อกัน

ประการที่สอง เราต้องวางใจในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม วางทุกอย่างไว้ในพระหัตถ์และพระญาณเอื้ออาทรของพระองค์ เราต้องไม่วิตกทุกข์ร้อนเรื่องเงินทอง อาหาร และเครื่องนุ่งห่ม เพื่อว่าในทางกายภาพภาระจะได้เบา มีความคล่องตัวในการเดินทางและการทำงาน อีกทั้ง มีใจเป็นอิสระและความมุ่งมั่นเพื่องานประกาศข่าวดีเพียงอย่างเดียว เพราะ ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด ใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย (มธ 6:21)

ประการที่สาม เราต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์ ชาวยิวถือว่า การต้อนรับแขกเป็นหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ มีประกาศกบางคนฉวยโอกาสแสวงหาความสะดวกสบาย หนังสือ คำสอนของอัครสาวกทั้งสิบสอง (The Teaching of the Twelve Apostles) ได้กำหนดว่า หากประกาศกผู้ใดพำนักอยู่ที่หนึ่งที่ใดเกิน 3 วันโดยไม่ทำงาน ให้ถือว่าเป็นประกาศกเท็จเทียม และหากประกาศกผู้ใดอ้างพระเจ้าเพื่อรับบริจาคเงิน หรืออาหาร ก็ให้ถือว่าเป็นประกาศกเท็จเทียมเช่นเดียวกัน

ประการสุดท้าย เราต้องไม่กลัวสิ่งใด ศิษย์พระคริสต์ไม่ได้ดำเนินชีวิตโดยลำพัง พระเยซูเจ้าทรงสัญญาจะอยู่กับเราจนสิ้นพิภพ อีกทั้ง ต้องไม่ชื่นชมยินดีใน ผลงานของตน เพราะเราเป็นเพียงเครื่องมือของพระเจ้า งานของเราคือเตรียมทางให้พระเยซูเจ้าได้พบบุคคลนั้น สิ่งที่เราควรชื่นชมยินดีคือ ชื่อของเราได้รับการจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว อันเป็นความชื่นชมยินดีแท้และเกียรติสูงส่งของผู้นำข่าวดีแห่งพระอาณาจักรพระเจ้า

บทสรุป

พี่น้องที่รัก การเป็นคริสตชนหมายถึงการมอบตนเองทั้งครบและมีชีวิตสนิทสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้า เพื่อมีประสบการณ์ถึงความรักและสันติสุขของพระองค์ หน้าที่คริสตชนคือการทำให้ชีวิตของตนและของทุกคนเป็นเหมือนพระเจ้า ดำเนินชีวิตเป็นพยานและทำตามพระประสงค์ของพระองค์ ทำให้พระอาณาจักรของพระเจ้าปรากฏเป็นจริงในโลก เริ่มจากในครอบครัว หมู่คณะ และชุมชนวัดของตน

“ข้าวที่จะต้องเก็บเกี่ยวนั้นมีมาก แต่คนงานมีน้อย” (ลก 10:2) แผนการแห่งความรอดของพระเจ้านั้นไม่ได้มีไว้เฉพาะประชาชนในดินแดนปาเลสไตน์เท่านั้น แต่สำหรับทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา ศิษย์พระคริสต์มีหน้าที่นำข่าวดีแห่งสันติสุขของพระเยซูเจ้าไปยังทุกคน เจริญชีวิตเป็นคริสตชนแท้ในความรักต่อกัน การให้อภัย และแบ่งปันกัน เพื่อว่าคนที่เห็นกิจการดีในตัวเรา จะได้ชมสรรเสริญพระเจ้าของเรา มิใช่ตัวเรา

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

khuanthinwan@gmail.com

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

2 กรกฎาคม 2022

ภาพ : พิธีบวชพระสงฆ์, อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่, สกลนคร; 2022-06-11

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น