คำแนะนำในการเป็นผู้นำข่าวดี
อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 14
เทศกาลธรรมดา ปี C |
อสย 66:10-14ค กท 6:14-18 ลก 10:1-12, 17-20 |
บทนำ
นักบุญฟรังซิส อัสซีซี เกิดในครอบครัวมั่งคั่ง ในวัยหนุ่มได้ใช้ชีวิตเหลวแหลก
ความเป็นคนใจกว้างในการกินดื่มทำให้มีเพื่อนฝูงมาก ต่อมาฟรังซิสเกิดความรักและสนใจคนไร้ที่อยู่และถูกทอดทิ้ง
โดยได้แรงผลักดันมาจากข้อความในพระคัมภีร์ หนังสือปฐมกาลที่บอกว่า ทุกคนถูกสร้างมาตามพระฉายาของพระเจ้า
(ปฐก 1:27)
และพระวรสารนักบุญมัทธิวที่ว่า ทุกสิ่งที่เราทำกับพี่น้องที่ต่ำต้อย
เรากำลังทำกับพระเยซูเจ้า (มธ 25:40)
เหตุการณ์ซึ่งเปลี่ยนชีวิตของฟรังซิสอย่างสิ้นเชิงคือ
วันหนึ่งขณะถวายพิธีบูชาขอบพระคุณ และได้อ่านพระวรสารที่เราได้ยินวันนี้ ฟรังซิสรู้สึกสะกิดใจจากคำแนะนำของพระเยซูเจ้า
ให้ประกาศข่าวดีโดยไม่นำสิ่งใดติดตัวไป แม้กระทั่งอาหารและเงินทอง คำแนะนำนี้ได้กลายเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของท่านและหมู่คณะ
ในการไปประกาศข่าวดีอย่างยากจนตามหมู่บ้านต่าง ๆ
พระวรสารวันนี้ได้บรรยายให้เราทราบถึงวิธีการที่พระเยซูเจ้าทรงส่งศิษย์
72 คนไปยังเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ
เพื่อประกาศข่าวดีและเตรียมทางสำหรับพระองค์ อีกทั้งได้ทรงให้คำแนะนำบรรดาศิษย์ในการปฏิบัติตนขณะประกาศข่าวดี
นี่เป็นพันธกิจของคริสตชนทุกคนที่ต้องนำไปปฏิบัติ ในการประกาศข่าวดีของพระเยซูเจ้ากับผู้มิใช่คริสตชน
หรือพี่น้องต่างความเชื่อ ตามบทบาทและฐานะของเราแต่ละคน
1.
คำแนะนำในการเป็นผู้นำข่าวดี
มีเพียงนักบุญลูกาเท่านั้นที่พูดถึงพันธกิจในการส่งศิษย์ 72 คนไปประกาศข่าวดี
เหมือนกับโมเสสได้เลือกผู้อาวุโส 72 คนเพื่อนำทางและปกครองประชาชนในพันธสัญญาเดิม
ลูกาได้นำเสนอพระเยซูเจ้าในฐานะโมเสสคนใหม่ จำนวนศิษย์ 72 คนเป็นตัวแทนของชนชาติต่าง
ๆ ในโลกสมัยพระเยซูเจ้า เพื่อบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของพระองค์ ที่ทรงประสงค์ให้ข่าวดีเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าไปสู่มนุษย์ทุกคน
ทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ และพระประสงค์นี้สำเร็จได้อาศัยเราแต่ละคน ซึ่งเป็นผู้นำข่าวดีแห่งสันติสุขของพระองค์
พระเยซูเจ้าทรงแนะนำบรรดาศิษย์ในพันธกิจนี้ “อย่านำถุงเงิน
ย่าม หรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง” (ลก 10:4) ทรงบอกล่วงหน้าด้วยว่า
พวกเขาถูกส่งไปดุจ “ลูกแกะในฝูงสุนัขป่า” (ลก 10:3) ทรงให้แนวทางง่าย
ๆ คือไปยังบ้านที่ต้อนรับพวกเขา “จงพักอยู่ที่นั่น
กินและดื่มของที่พวกเขาจะนำมาให้” (ลก 10:7) หลีกเลี่ยงการแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง
เพราะพวกเขาถูกส่งไปเป็นพยาน ดังนั้น ต้องไม่ขึ้นกับสิ่งใด หรือบุคคลใด
นอกจากพระจิตเจ้าและพระญาณเอื้ออาทรของพระองค์
พันธกิจนี้มิใช่โครงการของมนุษย์แต่เป็นแผนการของพระเจ้า ซึ่งบรรดาศิษย์ต้องอาศัยพละกำลังจากพระองค์ในการปฏิบัติงาน
ร่วมส่วนในงานของพระเจ้า เป็นองค์พระเจ้าที่ทรงทำงานในเราและผ่านทางเรา ประทานพละกำลังในการประกาศการประทับอยู่ของพระองค์ในชีวิตเรา
ดังนั้น การมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า (ผู้เป็นเจ้าของนา) จึงเป็นสิ่งจำเป็น นั่นคือเราต้องเป็นบุคคลแห่งการอธิษฐานภาวนา
เพื่อมีชีวิตสนิทสัมพันธ์กับพระองค์
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก เราต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้า ผู้เป็นอาจารย์ผ่านทางการอธิษฐานภาวนา
ศิษย์พระคริสต์ต้องเป็นบุคคลแห่งการอธิษฐานภาวนา ไม่ผูกติดอยู่กับสิ่งของโลกนี้ซึ่งไม่จีรังยั่งยืน
แต่ใช้มันเพื่อนำผู้อื่นให้มาพบพระเยซูเจ้า เราต้องเป็นผู้นำความรักและสร้างสันติสุขให้บังเกิดขึ้นทุกแห่งทุกเวลา
เราคงไม่สามารถแบ่งปันความรักกับใคร หากเราไม่ดำเนินชีวิตในความรักต่อกัน
ประการที่สอง เราต้องวางใจในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
วางทุกอย่างไว้ในพระหัตถ์และพระญาณเอื้ออาทรของพระองค์
เราต้องไม่วิตกทุกข์ร้อนเรื่องเงินทอง อาหาร และเครื่องนุ่งห่ม เพื่อว่าในทางกายภาพภาระจะได้เบา
มีความคล่องตัวในการเดินทางและการทำงาน อีกทั้ง มีใจเป็นอิสระและความมุ่งมั่นเพื่องานประกาศข่าวดีเพียงอย่างเดียว
เพราะ “ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด ใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย” (มธ 6:21)
ประการที่สาม เราต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์ ชาวยิวถือว่า
การต้อนรับแขกเป็นหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ มีประกาศกบางคนฉวยโอกาสแสวงหาความสะดวกสบาย
หนังสือ “คำสอนของอัครสาวกทั้งสิบสอง” (The Teaching of the
Twelve Apostles) ได้กำหนดว่า “หากประกาศกผู้ใดพำนักอยู่ที่หนึ่งที่ใดเกิน
3 วันโดยไม่ทำงาน ให้ถือว่าเป็นประกาศกเท็จเทียม
และหากประกาศกผู้ใดอ้างพระเจ้าเพื่อรับบริจาคเงิน หรืออาหาร
ก็ให้ถือว่าเป็นประกาศกเท็จเทียมเช่นเดียวกัน”
ประการสุดท้าย เราต้องไม่กลัวสิ่งใด ศิษย์พระคริสต์ไม่ได้ดำเนินชีวิตโดยลำพัง
พระเยซูเจ้าทรงสัญญาจะอยู่กับเราจนสิ้นพิภพ อีกทั้ง ต้องไม่ชื่นชมยินดีใน “ผลงานของตน” เพราะเราเป็นเพียงเครื่องมือของพระเจ้า
งานของเราคือเตรียมทางให้พระเยซูเจ้าได้พบบุคคลนั้น สิ่งที่เราควรชื่นชมยินดีคือ ชื่อของเราได้รับการจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว
อันเป็นความชื่นชมยินดีแท้และเกียรติสูงส่งของผู้นำข่าวดีแห่งพระอาณาจักรพระเจ้า
บทสรุป
พี่น้องที่รัก การเป็นคริสตชนหมายถึงการมอบตนเองทั้งครบและมีชีวิตสนิทสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้า
เพื่อมีประสบการณ์ถึงความรักและสันติสุขของพระองค์ หน้าที่คริสตชนคือการทำให้ชีวิตของตนและของทุกคนเป็นเหมือนพระเจ้า
ดำเนินชีวิตเป็นพยานและทำตามพระประสงค์ของพระองค์ ทำให้พระอาณาจักรของพระเจ้าปรากฏเป็นจริงในโลก
เริ่มจากในครอบครัว หมู่คณะ และชุมชนวัดของตน
“ข้าวที่จะต้องเก็บเกี่ยวนั้นมีมาก แต่คนงานมีน้อย”
(ลก 10:2)
แผนการแห่งความรอดของพระเจ้านั้นไม่ได้มีไว้เฉพาะประชาชนในดินแดนปาเลสไตน์เท่านั้น
แต่สำหรับทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา ศิษย์พระคริสต์มีหน้าที่นำข่าวดีแห่งสันติสุขของพระเยซูเจ้าไปยังทุกคน
เจริญชีวิตเป็นคริสตชนแท้ในความรักต่อกัน การให้อภัย และแบ่งปันกัน เพื่อว่าคนที่เห็นกิจการดีในตัวเรา
จะได้ชมสรรเสริญพระเจ้าของเรา มิใช่ตัวเรา
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
2 กรกฎาคม 2022
ภาพ : พิธีบวชพระสงฆ์, อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่, สกลนคร; 2022-06-11
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น