วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565

นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล อัครสาวก

 

นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล อัครสาวก

29 มิถุนายน

สมโภช น.เปโตรและน.เปาโล

อัครสาวก

กจ 12:1-11

2 ทธ 4:6-8, 17-18

มธ 16:13-19

บทนำ

การสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลเป็นการฉลองเก่าแก่ที่สุด มีมาก่อนการฉลองพระคริสตสมภพด้วยซ้ำ เนื่องจากการให้ความเคารพและเลื่อมใสนักบุญมรณสักขีในหมู่คริสตชน มีการฉลองนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ด้วยการถวายพิธีบูชาขอบพระคุณ 3 แห่งที่มหาวิหารนักบุญเปโตร มหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพงเมือง และคาตากอมป์นักบุญเซบาสเตียนที่เชื่อว่า เป็นที่เก็บรักษาศพของอัครสาวกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง ในห้วงเวลาของการเบียดเบียนศาสนา

พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกการพลีชีพเป็นมรณสักขีของนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล แต่เป็นที่รับรู้ในหมู่คริสตชนว่า ทั้งสองได้พลีชีพเป็นมรณสักขีที่กรุงโรมตามคำสั่งของจักรพรรดิเนโร เปโตร ถูกตรึงกางเขนเอาหัวลงปี  64 บนเนินวาติกันอันเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนักบุญเปโตรปัจจุบัน และ เปาโล ในฐานะพลเมืองโรมันถูกตัดศีรษะด้วยดาบประมาณปี  67 บนเนินน้ำพุนอกกรุงโรม ที่ตั้งมหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพงเมือง

นักบุญเอากุสตินได้เทศน์ว่า “อัครสาวกทั้งสองมีวันฉลองวันเดียวกัน เพราะทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้พลีชีพเป็นมรณสักขีคนละวันก็ตาม” ดังนั้น พระศาสนจักรเฉลิมฉลองอัครสาวกทั้งสองในวันเดียวกัน ในฐานะที่เป็น ศิลารากฐาน ของพระศาสนจักรสากล ซึ่งท่านทั้งสองมีบทบาทสำคัญในการยืนยันความเชื่อถึงพระเยซูเจ้าสืบต่อมา อีกทั้ง ยังสั่งสอนหลักความจริงของพระเยซูเจ้าและสละชีวิตของตนเป็นพยานยืนยันความจริงนั้น

1.        นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล อัครสาวก

นักบุญเปโตร เดิมชื่อ “ซีโมน” เป็นชาวประมงธรรมดาคนหนึ่งในเมืองเบธไซดา  (ลก 5:3; ยน 1:44) ไม่ได้มีการศึกษาอะไรมากนัก สิ่งที่รู้ดีที่สุดคือการจับปลา ต่อมาได้ย้ายไปตั้งหลักแหล่งที่เมืองคาเปอรนาอุม (มก 1:21-29) แต่ยังคงเลี้ยงชีพด้วยการจับปลาเช่นเดิม มีน้องชายชื่อ อันดรูว์ ซึ่งเป็นคนแนะนำเปโตรให้ติดตามพระเยซูเจ้า (ยน 1:42)  เป็นไปได้ว่า ยอห์น ผู้ทำพิธีล้างเป็นผู้เตรียมจิตใจเปโตรในการพบพระเยซูเจ้า และได้ละทิ้งทุกสิ่งติดตามพระองค์ทันที

พระเยซูเจ้าได้ทรงเปลี่ยนชื่อจาก “ซีโมน” เป็น “เปโตร” เพื่อเป็นศิลาสำหรับตั้งพระศาสนจักร (มธ 16:17-19) และเป็นหัวหน้าอัครสาวก (ยน 21:15-17) เปโตรเป็นคนหนึ่งในบรรดาพยานที่พบพระคูหาว่างเปล่า (ยน 20:6) พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่เปโตรหลังจากทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว (ลก 24:34; 1 คร 15:5) เราเห็นชัดว่า เปโตรแม้เปลี่ยนชื่อ แต่ยังอ่อนแอและพลาดพลั้ง เคยปฏิเสธพระเยซูเจ้า 3 ครั้ง เคยหนีจากกรุงโรมจนพบพระเยซูเจ้าอีกครั้ง

นักบุญเปาโล เดิมชื่อ เซาโล เกิดที่เมืองทาร์ซัสในแคว้นซิลีเซีย จากตระกูลเบนยามิน เป็นฟาริสีชั้นแนวหน้าในการตามล่าคริสตชนเพราะคิดว่า เป็นพวกมิจฉาทิฐิที่ต้องกำจัดให้หมดสิ้นไป แต่เมื่อพระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์ให้เห็นขณะเดินทางไปจับกุมคริสตชนที่เมืองดามัสกัส เปาโลเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า บรรดาคริสตชนเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งแห่งพระกายทิพย์ของพระเยซูเจ้า ได้กลับใจรับศีลล้างบาปจากอานาเนียและกลายเป็นธรรมทูตผู้ยิ่งใหญ่

นักบุญเปาโลได้รับเลือกให้เป็นธรรมทูตพร้อมกับบาร์นาบัส ออกเดินทางไปประกาศข่าวดี เราทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางแพร่ธรรมทั้งสามครั้งของเปาโล จากหนังสือกิจการอัครสาวกตั้งแต่บทที่ 13 เป็นต้นไป เปาโลประกาศพระนามของพระเยซูเจ้าทั้งแก่ชาวยิวและคนต่างศาสนา ตั้งกลุ่มคริสตชนขึ้นในเมืองต่าง ๆ ทำให้เปาโลเป็น อัครสาวกของคนต่างศาสนา เพราะได้นำข่าวดีของพระเยซูเจ้าไปประกาศแก่คนต่างศาสนา (เทียบ กจ 9:15)

2.        บทเรียนสำหรับเรา

การสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลอัครสาวก และพระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องกลับใจหันมาหาพระเจ้า นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลเหมือนกันตรงที่เคยผิดพลาดมาก่อน เปโตรเคยปฏิเสธพระเยซูเจ้าสามครั้ง ส่วนเปาโลเคยเบียดเบียนกลุ่มคริสตชน พระเยซูเจ้าทรงเรียกชื่อทั้งสองและทรงเปลี่ยนชีวิตของทั้งสอง ให้กลายเป็นผู้ร้อนรนในการนำคริสตชนไปสู่ความรอด ทรงเรียกและเลือกใช้ผู้อ่อนแอเป็นเครื่องมือที่ดีของพระองค์ ความผิดพลาดในอดีตไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต แต่การกลับใจและเริ่มต้นใหม่ต่างหากที่สำคัญ

ประการที่สอง เราต้องสำนึกในความต่ำต้อยของตน นักบุญเปโตรได้รับเลือกพิเศษให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้า แต่สำนึกในความไม่เหมาะสมของตนและทูลพระเยซูเจ้าว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” (ลก 5:8)  นักบุญเปาโลเช่นกันได้เขียนว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในบรรดาอัครสาวก และไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวก” (1 คร 15:9) และเลือกใช้ชื่อเปาโลซึ่งหมายถึง “เล็กน้อย”

ประการที่สาม เราต้องรักกันและให้อภัยเสมอ นักบุญเปโตรถามพระเยซูเจ้าว่า ถ้าพี่น้องทำผิดต้องยกโทษให้กี่ครั้ง เจ็ดครั้งพอไหม พระเยซูเจ้าตอบว่า เราไม่ได้บอกท่านว่าต้องยกโทษให้เจ็ดครั้ง แต่ต้องยกโทษให้เจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง (มธ 18:22) ความรักและการให้อภัยของพระเยซูเจ้าทำให้เปโตรรู้สึกผิดที่เคยปฏิเสธพระองค์ และเปาโลรู้สึกผิดที่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ความรักและการให้อภัยของพระเยซูเจ้ายิ่งใหญ่กว่าความผิดและความล้มเหลวของทั้งสอง

ประการที่สี่ เราต้องประกาศข่าวดีและเป็นพยาน นักบุญเปโตรได้ประกาศข่าวดีและพลีชีพเป็นมรณสักขีด้วยการตรึงกางเขนกลับหัวที่เนินวาติกัน ส่วนนักบุญเปาโลได้ประกาศข่าวดีและก่อตั้งกลุ่มคริสตชนตามเมืองต่าง ๆ จนได้ชื่อว่า เป็นอัครสาวกของคนต่างศาสนา และได้เขียนว่า “หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ” (1 คร 9:16) ที่สุด ได้พลีชีพเป็นมรณสักขีด้วยการถูกตัดศีรษะบนเนินน้ำพุนอกกรุงโรม

บทสรุป

พี่น้องที่รัก การสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล อัครสาวก เป็นการสมโภชเสาหลักทางความเชื่อของพระศาสนจักร นักบุญเปโตรเป็นเสาหลักทางความเชื่อที่ต้องยึดถือ นักบุญเปาโลเป็นผู้สอนนานาชาติให้มีความเชื่อ  เสาหลักทั้งสองมีความสำคัญเพราะความเชื่อของเราสืบเนื่องมาจากบรรดาอัครสาวก ความเชื่อเป็นดังเมล็ดพันธุ์แห่งพระหรรษทานที่หว่านลงในใจเราในวันรับศีลล้างบาป เรามีหน้าที่บำรุงรักษา ทำให้เจริญเติบโต และเกิดผล

การสมโภชวันนี้เชื้อเชิญเราให้รำพึงถึงอำนาจ ที่พระเยซูเจ้าประทานแก่นายชุมพาของพระศาสนจักร มิใช่อำนาจปกครองเยี่ยงกษัตริย์ หรือเจ้านายทั้งหลาย แต่เป็น อำนาจแห่งความรักและการรับใช้  ซึ่งพระองค์ทรงสอนและมอบชีวิตบนไม้กางเขนเพื่อความรอดของทุกคน ศิษย์พระคริสต์ต้องร่วมมือกับนายชุมพาทุกระดับของตน อธิษฐานภาวนาเพื่อท่านให้สามารถทำหน้าที่แห่งความรักและการรับใช้เยี่ยงพระเยซูเจ้า และทำหน้าที่ประจำวันของตนให้ดีที่สุดและเกิดผล

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

khuanthinwan@gmail.com

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

28 มิถุนายน 2022

ที่มาภาพ : http://www.neeramukalcathedral.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น