วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

คริสตชนต้องไม่ตัดสินใคร

 


คริสตชนต้องไม่ตัดสินใคร

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา

ปี C

บสร 27:5-8

1 คร 15:54-58

ลก 6:39-45

บทนำ

ชายตาบอดไปเยี่ยมเพื่อนสนิท สนทนากันจนค่ำ เมื่อได้เวลากลับบ้าน เจ้าของบ้านยื่นโคมกระดาษให้ชายตาบอด พร้อมจุดเทียนให้เสร็จ “ให้ฉันทำไม ฉันไม่ต้องใช้โคมก็เดินกลับบ้านได้” “ฉันรู้ แต่ถ้าแกไม่ถือไว้ คนอื่นก็อาจจะมาเดินชนแก” ชายตาบอดรับโคมแล้วก็เดินกลับบ้าน ระหว่างทางปรากฏว่ามีคนเดินชนเขาอย่างจัง ชายตาบอดโมโห โวยเสียงดัง “ตาบอดหรือไง ไม่เห็นโคมหรือ“ขอโทษครับ แต่โคมของคุณดับนี่ครับ” ชายแปลกหน้าตอบ

ชายตาบอดมีเหตุผลที่ปฏิเสธโคมของเพื่อน แต่เขาลืมไปว่าถึงแม้โคมไม่มีประโยชน์กับเขา แต่มีประโยชน์สำหรับคนอื่นที่ตาดี เพื่อนจึงเตือนให้เขานึกถึงคนอื่นด้วย ซึ่งที่สุดส่งผลดีต่อตัวเขาเอง คนเรามักคิดถึงแต่ประโยชน์ของตัวเอง หรือนึกถึงแต่ความต้องการของตนสถานเดียว ที่สุดก็เกิดความขัดแย้งระหว่างเรากับผู้อื่น ทำนองเดียวกันกับคนตาบอดซึ่งอาจถูกคนอื่นเดินมาชนหากไม่ถือโคมไว้

พระเยซูเจ้าทรงให้หลักปฏิบัติสำคัญในการดำเนินชีวิตคริสตชน และทรงท้าทายเราให้แบ่งปันชีวิตคริสตชน บนพื้นฐานแห่งความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัยกัน หลีกเลี่ยงการนินทาว่าร้ายที่ทำลายเกียรติภูมิและชื่อเสียงของผู้อื่น อีกทั้ง ไม่วิพากษ์วิจารณ์ หรือตัดสินใคร ทรงตำหนิการตัดสินผู้อื่นด้วยความมุ่งร้ายและหุนหันพลันแล่น

1.       คริสตชนต้องไม่ตัดสินใคร

พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาเรื่องคนตาบอดนำทางคนตาบอด เพื่อนำทางคนตาบอดได้เราต้องมีสายตาดี หากเรากลายเป็นผู้นำทางตาบอดเสียเอง ย่อมเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง “คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ” (ลก 6:39) เมื่อใครคนหนึ่งได้รับเลือกให้นำคนอื่น เขาต้องมีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ในการนำพาคนอื่นให้ไปถึงเป้าหมายโดยปลอดภัย

อุปมาเรื่องเศษฟางในตาของพี่น้องสะท้อนความจริงว่า เราไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ หรือตัดสินใคร ตราบใดที่ยังมีข้อบกพร่อง ทั้งนี้เพราะมีความชั่วมากมายในสิ่งดีที่สุดของเรา และมีสิ่งดีในความชั่วที่สุดของเราเช่นกัน ดังนั้น เราไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ หรือตัดสินใครจนกว่าจะมั่นใจว่า เราไม่มีความผิดใด ๆ ภาพพจน์ในลักษณะเกินจริงระหว่าง “เศษฟาง” กับ “ท่อนซุง” สะท้อนความพยายามในการแก้ไขความผิดแบบพี่น้อง ซึ่งเราสามารถทำได้เมื่อได้พิจารณาตนอย่างดีแล้ว

พระเยซูเจ้าทรงประสงค์ให้เราเติบโตในชีวิตคริสตชนที่เป็นผู้ใหญ่ บนพื้นฐานแห่งความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัยโดยไม่ตัดสินใคร เพราะหน้าที่ในการตัดสินเป็นของพระเจ้า ผู้ทรงเห็นความจริงทั้งหมดและทรงล่วงรู้ถึงส่วนลึกแห่งจิตใจมนุษย์ ดังนั้น เราต้องเคารพผู้อื่นและระมัดระวังที่จะไม่ตัดสินใคร ดังคำแนะนำของอาจารย์ชาวยิว “ใครที่ชอบตัดสินผู้อื่น ย่อมจะถูกตัดสินจากพระเจ้าเช่นกัน”

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องไม่ตัดสินใคร ทั้งนี้เพราะ : 1) มีเพียงพระเจ้าที่ดีพร้อมในการตัดสินผู้อื่น เพราะทรงเห็นความจริงทั้งหมดและทรงล่วงรู้ถึงส่วนลึกแห่งจิตใจมนุษย์, 2) เรามักมีอคติในการตัดสินผู้อื่น ไม่สามารถคาดหวังการตัดสินที่ยุติธรรมจากมนุษย์ได้, 3) เราไม่ได้เห็นข้อเท็จจริงและสภาพแวดล้อมทั้งหมด หรือพลังที่ชักนำบุคคลให้ทำผิดได้, 4) เราไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินผู้อื่นเพราะเราต่างมีความผิดเดียวกัน และบ่อยครั้งอยู่ในขั้นที่หนักกว่าด้วยซ้ำ

ประการที่สอง เราต้องหลีกเลี่ยงความหน้าซื่อใจคด ในฐานะศิษย์พระคริสต์เราต้องดำเนินชีวิตตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ต่อตนเอง มองดูบาปของเราก่อนเป็นลำดับแรก หมั่นมาหาพระเยซูเจ้าทางศีลแห่งการคืนดีและการอธิษฐานภาวนา ดำเนินชีวิตทั้งในคำพูดและการกระทำ ซึ่งคำพูดและกิจการต้องสอดคล้องกัน เราต้องดำเนินชีวิตตามพระวรสารเพื่อเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้า

ประการที่สาม เราต้องระวังคำพูด สิ่งที่เราพูดออกมาสะท้อนสิ่งที่อยู่ภายในใจ บ่อยครั้งคำพูดของเราทำลายตัวเราเอง ดังนี้ อิสบจึงสอนว่า “สิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดในโลกคือคำพูด (ลิ้น) สิ่งที่อันตรายที่สุดในโลกคือคำพูด” อีกทั้ง เราต้องทำให้คำพูดปรากฏเป็นจริงในการกระทำ เพราะเราถูกตัดสินจากการกระทำของเรา “การกระทำย่อมดังกว่าคำพูดเสมอ”

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงให้หลักในการดำเนินชีวิตคริสตชน บนพื้นฐานแห่งความรัก ความเมตตากรุณา และการให้อภัยกัน ไม่วิพากษ์วิจารณ์ หรือตัดสินใคร เพราะหน้าที่ในการตัดสินเป็นของพระเจ้าซึ่งทรงความดีบริบูรณ์ ทรงเห็นความจริงทั้งหมดและทรงล่วงรู้ส่วนลึกแห่งจิตใจมนุษย์ ประการสำคัญ เราเองเป็นคนบาปคนหนึ่งซึ่งบ่อยครั้งอยู่ในขั้นที่หนักกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ เราต้องแก้ไขความผิดของตนก่อน จากนั้นจึงไปแนะนำ หรือแก้ไขความผิดของผู้อื่น

พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้มองดูทัศนคติทั่วไปของเราต่อผู้อื่น เราต้องมีทัศนคติด้านบวก มีท่าทีที่เปิดกว้าง มองเห็นความดีของกันและกันและให้กำลังใจกัน ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตตรงไปตรงมาตามความจริง ไม่ตัดสินใคร รู้จักระวังคำพูด เลียนแบบพระเยซูเจ้าทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ และทำให้คำพูดปรากฏเป็นจริงในกิจการ

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

khuanthinwan@gmail.com

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร

26 กุมภาพันธ์ 2022

ภาพ : พิธีบูชาขอบพระคุณวันคล้ายวันสถาปนา, ครบรอบ 102 ปีโรงเรียนเซนต์คาเบรียล; 2022-02-07

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น